xs
xsm
sm
md
lg

ลืมส่องกระจก!! “พรรคสุเทพ”ปล่อย “คลิปโฆษณาชวนเชื่อ”เปรียบ “นักการเมือง”เป็น “ผีดิบ-ผีปล้นชาติ” **ชำแหละสมาคมกำมะลอ!! ศึกชิงสัมปทาน“ดิวตี้ฟรี”ระอุ **เสือดำไม่ตายฟรี!! “ดีเอสไอ - ป่าไม้”บุกทลาย “อาณาจักรรังเย็น”ของ “ตระกูลกรรณสูต”ที่รุกป่านับหมื่นไร่

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว


**ลืมส่องกระจก!! “พรรคสุเทพ”ปล่อย “คลิปโฆษณาชวนเชื่อ”เปรียบ “นักการเมือง”เป็น “ผีดิบ-ผีปล้นชาติ”กระแสตีกลับ “เจ้าของพรรคตัวเอง”นั่นแหละตัวดี หลอก “สาวก กปปส.”สร้างวาทกรรม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ดันตระบัดสัตย์ มาตั้งพรรคการเมือง แถมโดนฟื้นฝอย “ที่ดิน สปก.-วิกฤติน้ำมันปาล์ม”กลับมาหลอน พ่วงคดี “โรงพักร้าง”ที่ “สุเทพ”แก้ตัวเป็นพัลวัน แต่ไม่ยักจะพูดถึงตัวเลข“300,000,000”ที่โผล่ไปอยู่ใน “บุ๊กแบงก์” ของ “ไอ้โม่ง”เลย
สุเทพ เทือกสุบรรณ
เพิ่งมีโอกาสได้ชม .. คลิปวิดีโอ “โฆษณาชวนเชื่อ”ในแคมเปญ "ผีดิบการเมือง" ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของ“กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ .. ที่ถึงตอนนี้ปล่อยออกมาแล้ว 2 คลิป และดูเหมือนจะตั้งใจปล่อยเป็นซีรีย์ “รายสัปดาห์”.. เนื้อหาใน“คลิปโฆษณาชวนเชื่อ”ตีความไม่ยาก ล้อไปตาม 10 มอตโต้ ที่ประกาศไว้ในเว็บไซต์ รปช. นั่นแหละ .. หมุดหมายก็เพื่อชี้ให้เห็นความเลวร้ายของมนุษย์สายพันธุ์ที่เรียกว่า “นักการเมือง” .. มีการหยิบ “เวิร์ดดิ้งแรงๆ”มาใช้ อาทิ “ผีดิบการเมือง วงจรอุบาทว์ กำจัดให้สิ้นซากได้ด้วยมือพวกเรา” หรือ “จะปราบผีดิบการเมืองแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด...ต้องใช้คาถาไหน ??” .. หลังปล่อยคลิปก็กลายเป็นประเด็นดรามาในวงแคบๆ โดยเฉพาะฟากฝั่ง “คนชังเทือก”ทั้ง “สื่อแดง - คนเสื้อแดง”ที่คว้าไปสวนกลับ “สุเทพ”ทำนอง “สืบทอดอำนาจบนความเกลียดชัง”..ในอารมณ์หวาดระแวง ว่าจะมีการใช้ “เทศกาลสาดโคลน” ให้เกิด “ความขัดแย้ง”เพื่อเป้าหมายบางประการ หรือตัดตอนการเลือกตั้งหรือไม่ .. นอกจากนั้นยังเห็นได้ถึง “ความย้อนแย้ง”บางประการของคลิปที่ว่า กระทั่งผู้ที่เข้าไปคอมเมนต์ในแฟนเพจของพรรค รปช. ก็สังเกตเห็นว่า มันเหมือนด่า “เจ้าของพรรค รปช.”กลายๆ หรือเปล่า .. กระทั่งแคปชั่นหนึ่งที่ว่า “เจ็บใจไหม...ที่ถูกนักการเมืองหลอก”ก็ถูกสวนขวับทันควันว่า “หมายถึง กปปส. เจ็บใจไหม ที่ถูกเทพเทือกหลอกอ่ะเหรอครับ” .. สะท้อนธาตุแท้ของ “สุเทพ”เองที่เคยหลอก “สาวก กปปส.”โดยการสร้างวาทกรรม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ขึ้นมา สุดท้ายกลับ “ตระบัดสัตย์”มาตั้งพรรคการเมืองกลับตาลปัตรเป็น “เลือกตั้งก่อนปฏิรูป”ไปซะงั้น ..

แล้วอย่างที่บอก เนื้อหาในโฆษณา หยิบ “เวิร์ดดิ้งแรงๆ”มาใช้แล้วยังให้ “ตัวแสดง”มาตะโกนโหวกเหวก ประเภท "ผีดิบกลับมาแล้ว - ผีปล้นชาติ - พวกโกงกินหน้าเดิม” ..เรียกว่าแต่ละไดอะล็อก หน้า“เจ้าของพรรค รปช.”ลอยมาแต่ไกล เพราะแม้ว่า “สุเทพ”จะฉวยจังหวะการเป็น“ผู้นำม็อบ”ฟอกขาวตัวเองจาก “นักการเมืองน้ำเน่า”มาเป็น “ฮีโร่ ผู้ผดุงความยุติธรรม”แต่ก็หนีอดีตไม่พ้น .. ก็เวลาพูดถึง “เทพเทือก”ขึ้นมา นอกจากบทบาท “แกนนำม็อบ”เมื่อ 4 ปีก่อน ที่เลือนลางเต็มทน ภาพจำอื่นก็มี อาทิ “ที่ดิน สปก.” อันเอกอุ ถึงขั้นล้ม“รัฐบาลประชาธิปัตย์”ในเวลาอันรวดเร็ว .. หรือ “วิกฤติน้ำมันปาล์ม”สมัย “รัฐบาลมาร์ค”ที่ถูกขนานนามว่า “ปฏิบัติการปล้นถึงในครัว”สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว .. ล่าสุด กับคิวที่ถูก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาในคดี “โรงพักร้าง”ที่เจ้าตัวออกมาเจื้อยแจ้ว แก้ตัวเป็นพัลวัน .. พยามโยนขี้ให้ทั้ง “บิ๊กตำรวจ”หรือกระทั่ง “รัฐบาลเพื่อไทย”ที่มารับไม้ต่อ .. แต่ไม่ยักจะพูดถึงตัวเลข “300,000,000” ที่จู่ๆ ไปโผล่ใน “บุ๊กแบงก์”ของ “ไอ้โม่ง”แต่ประการใด .. ที่ฟื้นฝอยมา ก็เพื่อให้เห็นว่า “คลิปโฆษณาชวนเชื่อ”ของ “พรรคสุเทพ”มันเข้าทำนอง “หนึ่งนิ้วชี้หน้าคนอื่น นิ้วที่เหลือชี้หน้าตัวเอง”..ก็ไม่รู้ว่า “กำนันเทือก”สาละวน “แก้ตัว”คดีโรงพักร้าง จนไม่มีเวลาตรวจเนื้อหาก่อนออกอากาศ หรือตรวจแล้ว แต่ “ลืมส่องกระจก”ก็ไม่รู้.

**ชำแหละสมาคมกำมะลอ!! ศึกชิงสัมปทาน“ดิวตี้ฟรี”ระอุ “ผู้ท้าชิง”ใช้ “สมาคมจัดตั้ง”ที่ "เจ้าสัวห้างใหญ่"“กุมบังเหียน ร่วมกับ "สมาคมกำมะลอ" ที่เป็นร่างทรงทุนเกาหลี ปั่นกระแสผ่านสือใหญ่ หวังกดดัน “ทีโออาร์ดิวตี้ฟรี” เพื่อ“หยิบชิ้นปลามัน”
สนามบินสุวรรณภูมิ
เดือดปุดๆ .. ศึกชิงสัมปทาน “ดิวตี้ฟรี”พื้นที่ร้านค้าปลอดอากร ในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูมิภาค อีก 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต ที่ จะหมดลงในเดือน ก.ย.63 หรืออีกราว 2 ปีต่อจากนี้ .. ซึ่งก่อนจะถึงตรงนั้นจู่ๆ ก็มีการปั่นกระแสดราม่า ว่าด้วยเรื่องดิวตี้ฟรีต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ผ่านสื่อใหญ่ออกมา ราวกับว่า เป็นผู้ชำชองในธุรกิจดิวตี้ฟรีมานาน ... เรื่องนี้ นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. แจงว่า กรอบทีโออาร์ ยังไม่เสร็จ ย่อมบ่งบอกว่า นี่เป็นความละเอียดละออ เพราะรู้ว่าเกี่ยวกับผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล ที่ต้องเก็บเกี่ยวเข้ารัฐให้สมเหตุสมผล .. อีกทั้งยังหวังใจว่า ทีโออาร์ใหม่ที่ออกมา จะไม่ไปเข้าทางใคร “ผู้ที่จ้องโจมตี”ที่มี “ขบวนการ”รุมถล่มมาอย่างต่อเนื่อง .. มีการหยิบเอาเรื่องเก่าๆ ที่ได้ข้อสรุป ชี้ถูกผิดไปแล้วในอดีต กลับมารีรัน กดดัน “ทอท.” การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ ดูลึกลงไปในรายละเอียดก็จะเห็นว่า กระทำผ่านสองสมาคม โดยมิได้สนใจว่า หน้าที่ของสมาคมแท้จริง คืออะไร ... สมาคมแรกเป็นสมาคมด้านการค้า หรือรวมห้าง พวกที่ทำธุรกิจห้างสรรพสินค้ามารวมกัน แต่ตั้งแต่ก่อตั้งมาเรียกได้ว่าจัดตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ "เจ้าสัวห้างใหญ่" โดยเฉพาะ คีย์แมนสำคัญๆ ล้วนเป็นคนของตระกลูสืบทอดกันมาตลอด และ สอง สมาคมดิ้วตี้ฟรี ที่ชื่อใช่ แต่สมาชิกลับทำธุรกิจห้าง ไม่ได้ทำธุรกิจดิวตี้ฟรี ตามชื่อเลย สมาชิกมี 5 ราย นำโดย ห้างเจ้าสัวเหมือนสมาคมแรก และพวกพ้อง ทั้งไทย และ เกาหลี ได้แก่ จีเอ็มเอส, ล็อตเต้ ,พีทีวาย ทั้งหมดมีแค่รายเดียว จีเอมเอส ดิวตี้ฟรี ที่ทำในเมืองที่ภูเก็ต โดยหุ้นส่วนเป็นทุนเกาหลี อย่างชีล่า
นิตินัย ศิริสมรรถการ
เท่ากับว่า ดูกันในภาพชัดๆ ในไทยคนที่ทำธุรกิจดิวตี้ฟรีจริงๆ มีแค่สองรายเท่านั่น คือ คิงเพาเวอร์ และที่ภูเก็ต ของจีเอ็มเอส เท่านั้น ตรรกะของการตั้งสมาคมดิวตี้ฟรี ที่เป็นอยู่จึงเป็นที่น่าสงสัยในความแปลกปลอม สมาคมแบบนี้ ควรประกอบไปด้วยสมาชิกที่ทำธุรกิจเดียวกันมิใช่หรือ นั่นคือคำถามที่สำคัญการที่สมาชิก 5 ราย แกนนำเป็นเจ้าสัวห้างใหญ่ คำที่สองสมาคมนี้ พยายามตีกระแสว่าให้ทลายเรื่องการ "ผูกขาด" แต่ตัวเองกลับจะผูกขาดมากกว่า เพราะทำทั้งธุรกิจห้างสรรพสินค้า และ เอาต์เลต ที่กำลังจะเปิดปลายปีหน้าใกล้ๆ สุวรรณภูมิ และถ้ามีดิวตี้ฟรีเข้ามาอีก ก็จะครบวงจรการผูกขาดเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้ จึงกล่าวสรุปได้ว่า เจ้าสัวห้างใหญ่ ร่วมมือทุนต่างชาติ “รุมกินโต๊ะ”ทุนไทยเจ้าเดิม ทั้งการบริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรี ของ ทอท. มาตลอดในช่วงหลัง .. เป็น “2 สมาคม”นี้ ที่ “แยกกันเดิน รวมกันตี”และดูไม่ยากว่า “สมรู้ร่วมคิด”กัน ทั้งชื่อผู้เกี่ยวข้องของ 2 สมาคม ก็ล้วนแล้วแต่มาจาก “ข้องเดียวกัน” .. กระทั่งแถลงการณ์-หนังสือร้องเรียนหลายฉบับ เนื้อหาที่เดินสายยื่นไปทั่วนั้น ก็เหมือนลอกกันมา ราวกับเป็นถูก“บงการ”โดย “คนๆเดียวกัน” การ “ตีกัน" โดยหลักเกณฑ์การเปิดประมูลที่ยังไม่มีใครรู้ว่า หน้าตาทีโออาร์ จะเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวสมาคมกำมะลอ ในช่วงนี้ก็ไม่ต่างจาก “ตีตนไปก่อนไข้” .. ก็หวังว่า “ทอท.”ภายใต้การนำของ “ดร.นิตินัย”จะใช้ผลประโยชน์ขององค์กร และประเทศชาติ ตลอดจนการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คงไม่ “บ้าจี้”ไปเล่นตามเกมของ“ทุนใหญ่+ทุนเกาหลี”ที่หวัง “ปาดหน้าเค้ก - หยิบชิ้นปลามัน”แล้วเลือกเล่น “เกมใต้ดิน”ตีรวนไปเรื่อยเช่นนี้ .. . สมาคมดิวตี้ฟรี ที่มีแค่ชื่อ แต่สมาชิกทำธุรกิจอื่น ไม่ต่างอะไรกับสมาคมกำมะลอ ควรค่าแก่การให้ราคามั้ย ถามใจเธอดู

** เสือดำไม่ตายฟรี!! “ดีเอสไอ - ป่าไม้”บุกทลาย “อาณาจักรรังเย็น”ของ “ตระกูลกรรณสูต”ที่รุกป่านับหมื่นไร่ พบ “ห้างยิงสัตว์”ตั้งตระหง่านในพื้นที่สะท้อน “รสนิยม”ของ “เจ้าของอาณาจักร”ได้เป็นอย่างดี โดนยึดที่ดินคืนไม่พอ คดีอาญา-แพ่ง ตามมาอีกเป็นหางว่าว นี่ละหนา “ผลกรรม” ที่บานปลาย มาจากการที่ “เจ้าสัวเปรมชัย”ไปร่วมกันล่า “เสือดำ”ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร นั่นเอง
เจ้าหน้าที่บุกตรวจรังเย็นรีสอร์ต
งานใหญ่เมื่อวาน .. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมด้วย ชีวภาพ ชีวธรรม ผอ.สำนักป้องกันป่าและสำนักไฟป่า หัวหน้าชุดพยัคภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จาก กรมป่าไม้-กรมที่ดิน-กรมพัฒนาที่ดิน ร่วมกันเปิด “ปฏิบัติทวงคืนผืนป่า”..เป้าหมายในพื้นที่ “รังเย็นรีสอร์ต” รอยต่อระหว่าง อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ในความครอบครองของ “บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด”ในความผิด ร่วมกันบุกรุกป่า โดยเคยมีการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. จำนวน 147 แปลง เนื้อที่ 6,229 ไร่ .. โดย “กรมที่ดิน”ได้มีคำสั่งเพิกถอนทั้งหมด เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการออก น.ส.3 ก. โดยใช้หลักฐาน ส.ค.1 จากอ.ด่านซ้าย เป็น“ส.ค.บิน”มาเป็นหลักฐาน ในการออกเอกสารสิทธิ์ในอ.ภูเรือ .. ตัวเลข “6,229 ไร่”ที่ถูกตรวจยึดว่าน่าตกใจแล้ว พอใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่ วัดอาณาเขตการครอบครองปรากฏว่า “ไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่”เลยทีเดียว ..
 เปรมชัย กรรณสูต
จากตัวเลขที่ดินมหาศาลใน “อาณาจักรรังเย็น”ก็ต้องตั้งคำถามถึง “หน่วยงานรัฐ”ก่อนหน้านี้ ว่า ปล่อยให้มีการบุกรุกป่ามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร .. คำตอบมีอยู่ในตัวก็ “บริษัท ซี พี เคฯ”มีกรรมการชื่อ เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลี่ยนไทย อยู่นั่นเอง .. เป็น “เจ้าสัวเปรมชัย”คนเดียวกับที่ตกเป็นจำเลย ในคดีร่วมกันล่าเสือดำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อยู่ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ .. สำคัญที่การตรวจยึด “รังเย็นรีสอร์ต”ยังพบ “ห้างยิงสัตว์”ตั้งตระหง่านอยู่ด้วย สะท้อน “รสนิยม”ของ “เจ้าของอาณาจักร”ได้เป็นอย่างดี .. การถูกบุกทลายอาณาจักรที่บุกรุกป่าใหญ่โตในครั้งนี้ ก็เป็น “ผลกรรม”ที่บานปลายมาจากการที่ “พรานเจ้าสัว”ไปร่วมกันล่า “เสือดำ”และพ้องเพื่อนหลายชีวิต ที่ “ทุ่งใหญ่นเรศวร”..หลังตกเป็น "จำเลยสังคม”ก็เลยถูก “หน่วยงานรัฐ” ที่เคย “เกียร์ว่าง”หยิบขึ้นมาไล่ตรวจสอบเรื่องที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย ขึ้นมาเป็นผลงานนี่แหละ .. และไม่ใช่ถูกยึดอาณาจักรเท่านั้น ยังจะมีคดีอาญา-แพ่ง ตามมาอีกเป็นหางว่าว ทั้งความผิดฐานเปลี่ยนแปลงทางน้ำ ส ร้างอ่างเก็บน้ำส่วนตัว .. แล้วเห็นทาง“กรมป่าไม้”ตั้งแท่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกอย่างต่ำ 600 ล้านบาท ตามการประเมินความเสียหายของภาครัฐ .. การได้คืนที่ดินนับหมื่นไร่ในครั้งนี้ ก็อาจจะพูดได้ว่า “เสือดำไม่ตายฟรี”แต่จะให้ดีกว่านั้น หากระบวนการยุติธรรมสามารถลากคอ “ฆาตกรใจเหี้ยม”ไปลงทัณฑ์ให้สาสมได้ด้วย


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น