อดีต ส.ส.ปชป.ติงไทยพีบีเอสเสนอข่าวแกนนำแดงส่อนัยยั่วยุ สุ่มเสี่ยงปลุกระดม เผยยิ่งใกล้เลือกตั้ง ยุทธการปล่อยข่าวลวงระบาด วอนเล่นตามกติกา แนะ กกต.ต้องรู้เท่าทัน
วันนี้ (29 ส.ค.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เสนอข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช.ที่ประกาศจุดยืนภักดีต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และจะล้มระบบเผด็จการ ที่จ้องทำลายพรรคเพื่อไทยและนปช. ว่าการเสนอข่าวนี้ส่อนัยในลักษณะยั่วยุ สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายการปลุกระดมกลุ่ม นปช. เพราะนายขวัญชัยระบุว่าจะเดินสายกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.เพื่อพบปะแกนนำ นปช.ทั่วประเทศ เป็นการเสนอข่าวขาดความระมัดระวัง อาจส่งผลกระทบทำให้สังคมเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังขาดการถ่วงดุลของข้อมูลรอบด้าน ซึ่งนายขวัญชัยเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากคุกเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2561 ในคดีพยายามฆ่ากลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากถูกศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปี ทั้งนี้ นายขวัญชัย และนายจตุพร ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงสมัคร ส.ส.ตามมาตรา 98 (7) ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉะนั้น ความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าวจึงถูกลดทอนน้อยลง ที่สำคัญทางสถานีฯ ควรให้ข้อมูลภูมิหลังของบุคคลที่จะนำเสนอข่าวสารให้รอบด้านเพื่อผู้ชมจะได้รู้เท่าทัน
นายบุญยอดกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ต้องคอยสังเกตว่าช่วงหลังมักมีข่าว Faked news หรือข่าวลวงปล่อยออกมาในสื่อโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ส่วนใหญ่ออกมาเพื่อที่เกิดเหตุหรือทำลายพรรคประชาธิปัตย์ จนล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ถึง 26 สิงหาคมที่ผ่านมา มีปล่อยข่าวเก่าเมื่อ 8 ปีก่อน แต่กลับถูกปล่อยในสื่อโซเชียลฯ ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายพรรคกำลังจะตามอย่างใกล้ชิด และคาดว่ายิ่งใกล้ช่วงเลือกตั้งมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะมีข่าวลวงในลักษณะนี้ออกมาอีกจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป และขอความร่วมมือจากพรรคเพื่อไทยขอให้ต่อสู้ทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ยุติพฤติกรรมการแถลงข่าวในลักษณะส่อเสียดหรือเสียดสียั่วยุหรือพูดให้ความจริงครึ่งเดียวที่ปรากฏมาโดยตลอด เพราะขณะนี้ประชาชนอยากเห็นนักการเมืองปฏิรูปตัวเองจะดีกว่า และขอเรียกร้องให้ กกต.ต้องรู้เท่าทันรวมถึงการสร้างกติกาขึ้นมาควบคุมการข่าวลักษณะนี้ เพราะจะสร้างความเสียหายเกิดขึ้นในวงกว้างเนื่องจากสังคมหลงเชื่อจึงต้องเร่งหามาตรการและกฎเกณฑ์ รวมทั้งบทลงโทษที่ชัดเจนมาบังคับใช้ให้เร็ว ที่จะสามารถระงับควบคุมการปล่อยข่าวลวงในโซเชียลมีเดีย เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้วจะเข้าใจในวงกว้างเนื่องจากสังคมหลงเชื่อจึงต้องชัดเจนในเรื่องกฎเกณฑ์และบทลงโทษที่สามารถระงับเหตุต่างๆ ได้ทันท่วงที