xs
xsm
sm
md
lg

ล้มแผนล้างไพ่ กกพ.!! มรสุมกระหน่ำ ทำ “รมต.ศิริ”ไม่อยากพูดกระทันหัน ปล่อย “บิ๊กจิน”เล่นเอง สอบกองทุนอนุรักษ์พลังงาน **"อาจารย์ยักษ์" ประกาศกร้าว ท้ารบ “3 สารเคมีอันตราย”ต้องเลิกใช้เท่านั้น **เปิดแนวรบโลกโซเชียล ผุดเพจ“มุมน่ารักของลุงป้อม”

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ล้มแผนล้างไพ่ กกพ.!! มรสุมกระหน่ำ ทำ “รมต.ศิริ”ไม่อยากพูดกระทันหัน ปล่อย “บิ๊กจิน”เล่นเอง สอบกองทุนอนุรักษ์พลังงาน สั่งการ“ปลัด” ข้ามหน้า “เจ้ากระทรวง”ขณะที่ปมเขย่าเก้าอี้ “บอร์ด กกพ.”ก็เคยร้อนแรง แล้วจู่ๆ ก็ซาไป หลังกกพ.เปลี่ยนใจ ปล่อย “โควต้าบวม”พร้อมรับซื้อ “ไฟฟ้าขยะ”ตามรีเควส “มหาดไทย” แถมใจดี “เซ็นเช็คเปล่า”ให้ “มหาดไทย”กรอกตัวเลขมาได้ไม่อั้นอีกต่างหาก เป็นเด็กดีแบบนี้ ก็ไม่เห็นต้องเปลี่ยนตัวอะไรให้วุ่นวาย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
มีแต่ข่าว (กลิ่น) ไม่ค่อยดี .. ช่วงนี้ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ก็เลยเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ ล่าสุดพลิ้วไม่ออก ปัดดื้อๆ คล้ายวลีฮิตวัยรุ่น “ไม่ (อยาก) พูดเยอะ เจ็บคอ”ทั้งที่เพิ่งขึ้นฟลอร์ กล่าวเปิดเสวนางานใหญ่เจื้อยแจ้ว .. ก็น่าเห็นใจแต่ละเรื่องร้อนๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ความไม่โปร่งใส” ของการพิจารณาโครงการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน .. ที่ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ต้องลงมา “เล่นเอง”กับการสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขีดเส้นให้เสร็จภายในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ก่อนการประชุมบอร์ดกองทุนฯ ที่ “บิ๊กจิน”จะเป็นหัวโต๊ะ 1 วัน .. ความน่าสนใจของคำสั่งกระทรวงพลังงาน ที่ 44/2561 ลงนามโดย ธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน นั้น อยู่ตรงที่มีการอ้างอิงถึงข้อสั่งการของ “บิ๊กจิน”แต่ไม่ยักจะมีการกล่าวถึง “รมต.ศิริ”ตาม “ลำดับชั้น”แต่อย่างใด .. ถัดมาอีกเรื่องที่เชื่อกันว่า “รมต.ศิริ”พยายามหลบลี้หนีหน้า ก็ปมการเขย่าเก้าอี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ “บอร์ดเรกูเลเตอร์” ..ที่เมื่อเดือนก่อนยังไล่เบี้ยกัน “เอาเป็นเอาตาย”ว่าต้องมี 3 คนลาออกตามรอบ ที่กฎหมายกำหนด ให้ “หมุนเวียน”เพื่อให้แต่งตั้ง 3 คนเข้ามาแทน .. ครั้งนั้น วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ถึงขั้นเรียก “บอร์ด กกพ.”มาเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเองเลยทีเดียว .. พลันเวลาผ่าน ก็ไม่รู้ว่าเพราะคนเก่าดื้อไม่ยอมออก หรือคนใหม่ที่จะมาแทนยังไม่ลงตัว เรื่องก็ค่อยๆ เงียบไปเฉยๆ ..
ศิริ จิระพงษ์พันธ์  และ  วิษณุ เครืองาม
แต่ในขณะที่เรื่องการเปลี่ยนตัว “เรกูเรเตอร์”ซาๆไป ก็มี “ข่าวดี” ออกมา “เรกูเรเตอร์”สวนขึ้นมาแทน .. กับการ “ขยายโควตา”รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะชุมชน ที่เคยกำหนดไว้ 500 เมกะวัตต์ ที่จะถูกไปเสียบในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ “พีดีพี”ฉบับใหม่ .. ย้อนกลับไปเมื่อไม่ถึงเดือนนี่เอง “ข่าวปนคนฯ”ยังเพิ่งสรรเสริญ “กกพ.”ที่หาญกล้าไม่รับลูกจากกระทรวงมหาดไทย ที่รีเควสขอขยายโควตาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะอีก 400 เมกะวัตต์ แบบไม่ไว้หน้า “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เจ้ากระทรวงคลองหลอด อยู่แท้ๆ .. ตอนนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ “รองฯ วิษณุ” กำลังไล่บี้กดดัน “บอร์ด กกพ.”อย่างหนัก ถึงขนาดมีข่าวจะบีบลาออกกันยกคณะด้วยซ้ำ .. เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มี “รายงานข่าว”จาก กกพ.เกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน พร้อมที่จะเปิดโควตารับซื้อ “ไฟฟ้าขยะ”เพื่อเป็นการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน .. เท่านั้นยังไม่พอ ต้องสังเกตด้วยว่า เดิม “มหาดไทย” ขอเพิ่มมานั้น ระบุชัดๆว่า “400 เมกะวัตต์”แต่เห็นทาง วีระพล จิรประดิษฐกุล บอร์ด และโฆษก กกพ. บอกว่า พร้อมขยายโควตา “แต่จะเท่าไรต้องรอให้กระทรวงมหาดไทย ทำตัวเลขเข้ามาอีกครั้ง” .. เหมือนเมื่อครั้ง "โครงการนำร่อง" โรงไฟฟ้าชีวมวล ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ครม.อนุมัติ "โควตา" ตามแผนของ กกพ. กำหนดรับซื้อไว้แค่ 36 เมกะวัตต์ ... แต่พอส่งเรื่องไปให้ “มหาดไทย”แล้วกลับมาให้ ครม.อนุมัติอีกที "โควตาบวม" ขึ้นมาเป็น 300 เมกะวัตต์ โดยอ้างว่ามีผู้เสนอขายมากจนล้นโควตาซะงั้น .. ใจดีแบบนี้ คงไม่ต้องหมุนวน หมุนเวียน ให้ใครมาทำงานแทน .. การขยายโควตาที่ให้ “มหาดไทย” ทำตัวเลขมาใหม่ เรียกได้ว่า ไม่ใช่ปล่อย “โควตาบวม”เท่านั้น ยังเซ็นเช็คเปล่าให้ “มหาดไทย”เป็นผู้กำหนดตัวเลขเองซะด้วย .. เป็น “เด็กดี”ไม่ดื้อ แถมใจดีขนาดนี้ ก็คงเป็นคำเฉลยว่า ทำไมจู่ๆ ข่าวเปลี่ยนตัว “บอร์ด กกพ.”ถึงเงียบไป

**จุดยืนต้องหนักแน่น!! "อาจารย์ยักษ์" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ประกาศกร้าว ท้ารบ “3 สารเคมีอันตราย”ไม่มีคำว่าลด ต้องเลิกใช้เท่านั้น และ “ต้องเลิกทันที”ด้วย ค้ำคอ “สุวพันธุ์”ที่ดูจะยึกยักชอบกล ออก “มติอัปยศ”ตั้งกรรมการทอดเวลาศึกษาไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน จนเป็นขี้ปากว่า เอื้อ “ทุนใหญ่” เป็นใจให้ “ค่าหัวคิว”ตามปริมาณนำเข้าในอัตรา "ลิตรละบาท" พอกพูนสมทบเป็น “ทุนเลือกตั้ง”หรือเปล่า
วิวัฒน์ ศัลยกำธร
ยังไม่สะเด็ดน้ำ .. กรณีสารเคมีอันตราย "พาราควอต- คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเสต" ที่ คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข ออกมาประกาศจะเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้ยกเลิกการใช้ “สารเคมีอันตราย”ที่ว่าไปทั้งหมด .. แต่อีกด้าน "คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง" ที่ "เดอะโก้" สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธาน ยังยึกยักชอบกล .. และมี “มติอัปยศ”ไม่ยอมสั่ง “แบน”สารเคมีอันตรายที่ว่าไป แต่เลือกที่จะวนเวียนกับการตั้งคณะกรรมการแบบไม่รู้จบ .. ทั้งที่รู้กันถึงอันตราย มีสารก่อมะเร็ง ส่งผลต่อพัฒนาการสมองของเด็ก-ทารก .. กระทั่งมี “ยาพิษร้ายแรง”ออกฤทธิ์เฉียบพลัน ไม่มียาถอนพิษ ถึงขนาดแค่จิบเดียว ก็ตายได้ .. น่าสยดสยองขนาดนี้ ยังถูกดึงเรื่องไว้ ด้วย “ข้ออ้าง”ที่ว่า หากให้เลิกใช้ แล้วเกษตรกรจะใช้อะไรมาปราบศัตรูพืช .. อีกทั้งยังแถไปถึงสารเคมีอื่น ว่าอันตรายทั้งสิ้น หรือหากใช้ถูกวิธี ก็ไม่อันตราย ว่ากันอย่างนี้ก็มี .. น่าผิดหวังทั้งท่าทีของ “เดอะโก้”ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงแล้ว ยังผิดหวังท่าทีของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการในที่ประชุม ครม.เด็ดขาดว่า "ให้หยุดให้ได้" .. แต่พอเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็บอกปัดเป็นพิธี ว่า ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลแล้ว แล้วให้เห็นใจในมุมของ “เกษตรกร”ด้วย กลายเป็นว่า “จุดยืนเดิม”เลือนไปซะเฉยๆ ..
สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ  และ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จนถูกโยงไปถึงข่าวเชิงลบว่า ที่ 3 สารเคมียังอยู่ได้ ก็เพราะมี "ค่าน้ำร้อนน้ำชา" มากกว่า 7 หลัก สำหรับ "ค่าตั๋ว" การออกใบอนุญาตต่างๆ .. อีกทั้งยังมี "ค่าหัวคิว" ที่คิดจากตัวเลขการนำเข้าสารเคมีที่มีไม่เว้นแต่ละวัน ในอัตรา "ลิตรละบาท" .. ทำให้การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาซ้อนอีก โดยให้เวลาศึกษาใน 60 วัน ที่เดาล่วงหน้าตามสูตรราชการไทยว่า คงมีการทดเวลาบาดเจ็บ ของขยายเวลาทำงานอีก 2-3 รอบ ก็จะเท่ากับเปิดช่องให้ “ค่าหัวคิว” พอกพูนขึ้นทุกวัน .. งานนี้คงต้องหวังพึ่ง "อาจารย์ยักษ์" วิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผู้ประกาศจุดยืนหนักแน่นว่า “ไม่มีคำว่าลด หรือควบคุมการใช้ ต้องเลิกใช้เท่านั้น” และ “ต้องเลิกทันที”ด้วย .. พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาหาข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยดึง หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อ.ภาควิชาประสาทวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ ผู้เคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างหนัก มาร่วมเป็นคณะทำงานด้วย .. ในการรวบรวมข้อเสียความอันตรายต่างๆ รวมทั้งผลกระทบ เพื่อเสนอต่อ “นายกฯตู่”รวมทั้งคณะกรรมการฯชุดของ “เดอะโก้”ด้วย .. ก็หวังว่า “จุดยืนที่หนักแน่น”ของ “อาจารย์ยักษ์”จะเป็น “ ธงนำ”ให้รัฐบาลตัดสินใจในทางที่ถูกที่ควร .. อย่าให้ข้ออ้างที่ว่าต้อง “พิจารณาอย่างรอบคอบ-เห็นใจเกษตรกร”กลายเป็นขี้ปากว่าเอื้อ “ทุนใหญ่”โดยการเอาชีวิตคนไทยไปเสี่ยง เพียงเพื่อสะสมระดมทุน เตรียมลุยเลือกตั้งอย่างที่เขาว่ากันเลย

**เอาพี่ใหญ่มาล่อเป้า!! ผุดเพจ “มุมน่ารักของลุงป้อม”เปิดแนวรบโลกโซเชียล เน้นเนื้อหา “เชลียร์ - แก้ต่าง”ประเดิมปม “นาฬิกายืมเพื่อน”แถมมีลูกเพจ คอมเมนต์ อวยหยดย้อย ส่วน “แอดมิน”ออกตัว เป็นแค่ “FC ลุงป้อม”ติดตามมานาน ดูแล้วที่มาที่ไป-เนื้อหา “ไม่เป็นธรรมชาติ”น่าห่วงจะกลายเป็น “เพจล่อเป้า”มากกว่า “เพจพีอาร์” เข้าข่าย “หวังดีประสงค์ร้าย”ฟันธงล่วงหน้า อยู่ได้ไม่นานหรอก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เพิ่งชมไปแหม่บๆ .. กับผลงานปลดหนี้นอกระบบ-ปราบผู้มีอิทธิพลของ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ว่ากำลัง “มาถูกทาง” .. แต่พอเห็นว่ามี “ผู้หวังดี”เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ก ชื่อมุ้งมิ้ง “มุมน่ารักของลุงป้อม”ขึ้นมา ก็พูดตรงๆว่า “อดเป็นห่วงไม่ได้” ..เข้าใจดีถึงวัตถุประสงค์ของ “แอดมิน” ที่ออกตัวไว้ว่า เป็น “แฟนคลับ”ที่ติดตามผลงานของ “ลุงป้อม” มาโดยตลอด .. ขณะที่ “ป๋าป้อม”เองก็ออกตัวเหมือนกันว่า “ไม่รู้ว่ามีใครทำเพจให้ เห็นมีแต่เพจที่ด่าเรา” .. ก่อนที่ทางเพจออกมาย้ำอีกครั้งว่า “ทำโดยกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนลุงป้อม ไม่เน้นด่าตอบโต้ใคร ไม่โจมตีฝ่ายไหน ไม่ทับถมปมด้อยเพจคนอื่น และไม่ใช้คำหยาบคาย ในโลกโซเชียล” .. รวมทั้งมีการทอดสะพานสร้างพันธมิตรในโลกออนไลน์ไว้กับทั้ง “สื่อเครือมติชน”หรือการอ้างอิงข้อมูลจาก วาสนา นาน่วม นักข่าวชื่อดัง ไว้แล้วก็ตาม .. แต่ด้วยที่มาที่ไป ตลอดจนเนื้อหา ที่หนักไปทาง “เชลียร์ - แก้ต่าง” ดูจะ “ไม่เป็นธรรมชาติ”เท่าไหร่.. ทั้งการเลือกประเด็นเปิดหัวด้วยการแก้ต่าง ปมคาใจสังคมอย่าง “นาฬิกายืมเพื่อน”ที่แม้จะทำใจกันแล้วว่าคงเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ค้านความรู้สึกในใจสังคมพอสมควร ..

หรืออย่างบางคอมเมนต์ ที่อวยซะหยดย้อย “ความดีของท่าน ให้นานตราบสิ้นลมหายใจ ก็ยังคงตราตรึงถึงลูกถึงหลาน”จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า “หน้าม้า”หรือเปล่า .. “ความไม่เป็นธรรมชาติ”ประสมกับความรู้สึกที่ “คนส่วนใหญ่”มีต่อ “พี่ใหญ่ คสช.” นี่เอง ที่น่าห่วงว่าเพจใหม่ป้ายแดงจะ “อยู่ไม่ยืด” .. อีกไม่นานก็จะกลายสภาพจาก “เพจพีอาร์”เป็น “สมรภูมิรบ” ที่จะถูกคนชังทหาร-ไม่ปลื้มคสช. เข้ามารุมถล่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ก็ไม่รู้นะว่าใครเป็น “ต้นไอเดีย”สร้างเพจเชลียร์นี้ขึ้นมา แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นวงศ์วาน คนรอบข้าง “ท่านป้อม” นั่นแหละ .. แต่การชู “เจ้านาย”มา “ล่อเป้า” ในโลกโซเชียลแบบนี้ ดูจะ “หวังดีไม่ประสงค์ร้าย”ไปหน่อย .. เหมือนทาง “แอดมินเพจ”ก็รู้ดี เห็นมีการวางเงื่อนไขล่วงหน้าด้วยว่า “ไม่ได้เปิดเพจขึ้นมาทะเลาะกับใคร ไม่ได้ว่างเป็นเป้าถูกโจมตี” .. แต่ถามว่า จะไปห้ามอย่างไร จำสมัยที่มีคนตั้งโพลออนไลน์ โหวตให้ “บิ๊กป้อม”ลาออกจากตำแหน่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ผลออกมาเกือบ 100% ได้ไหมล่ะ .. ไม่ต้องอะไรมาก ไปมอนิเตอร์ไว้ดูคอมเมนท์ตามข่าวใน “สื่อหลัก”ดูก็จะรู้ว่า “คนไทย”คิดเห็นเช่นไรกับผลงานที่ผ่านๆ มาของ “ลุงป้อม” .. ขอเตือนในฐานะ“ผู้หวังดี” ที่อดห่วงไม่ได้ว่า งานนี้จะจบไม่ค่อยสวย เหมือนอย่างที่โบราณเขาว่า “กลองดีมันไม่ดังเองหรอก”นั่นแหละ.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น