นายกฯ สั่งโยก “โครงการ 9101 ตามรอยพ่อ” ให้มหาดไทยรับผิดชอบแทน ก.เกษตรฯ ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน เน้นฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่ผู้ประสบอุทกภัย ปี 60 ใช้งบกลางก้อนเดิม 2.2 พันล้าน สนับสนุนกิจกรรมในลักษณะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เกษตรกร 43 จังหวัด 450,000 ครัวเรือน
วันนี้ (28 ส.ค.) แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อสานต่อการดำเนินโครงการ 9109 ตามรอยเท้าพ่อภายใด้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560 โดยให้ดำเนินการภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน
สำหรับโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560 เดิมเป็นของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการในชุมชนตามโครงการฯ ที่ประสบอุทกภัยจำนวน 43 จังหวัด ช่วยเกษตรกร 450,000 ครัวเรือน
โครงการดังกล่าวเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ทั้งการปลูกพืชอายุสั้น, การเลี้ยงสัตว์ (การเลี้ยงสัตว์ปีกและแมลงเศรษฐกิจ เช่น จิ้งหรีด), การผลิตอาหาร แปรรูปผลผลิต และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการประมง (เช่น การเลี้ยงกบในกระชัง การเลี้ยงปลาดุกในบ่อดิน/พลาสติก)
“ได้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2560 ภายในกรอบวงเงิน 2,295,000,000 บาท เข้าไปสนับสนุนค่าใช้จ่าย ปัจจัยการผลิต ครัวเรือนละไม่เกิน 5,000 บาท และส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มประกอบกิจกรรม กลุ่มละไม่น้อยกว่า 10 ราย”
มีรายงานว่า สำหรับโครงการ 9101 ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 24,147 โครงการ สามารถเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 19,938.03 ล้านบาท และมีผลประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น เกษตรกร จำนวน 1.56 ล้านราย ได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเกษตรของชุมชน เกิดกระบวนการเรียนรู้จากการจัดทำโครงการต่างๆ และเกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจฐานรากก่อให้เกิดกระแสเงินทุนหมุนเวียนในภาพรวมเพิ่มขึ้น 54,040 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอเปลี่ยนชื่อโครงการดังกล่าวเป็น “โครงการเกษตรยั่งยืน 1”
โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและเกษตร พบว่ามีการร้องเรียนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดสงขลา และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตร สรุปผลสอบสวนว่าไม่ปรากฏหลักฐานการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่และไม่พบมูลความจริงที่กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำความผิด รวมถึงข้อร้องเรียนในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่ ที่มีการสอบสวนภายหลัง