เมืองไทย 360 องศา
ต้องบอกว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอยู่ในอารมณ์ที่ไม่สดใสเอาเสียเลย โดยเฉพาะเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องการ"คลายล็อก"หรือ"ปลดล็อก"ในช่วงนี้
แม้ว่าหากพิจารณากันจากรูปการณ์โดยรวมแล้วจะถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)จะสามารถคุมเกมเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วก็ตาม โดยเฉพาะกลไกสำคัญสำหรับรองรับอำนาจในวันหน้า อย่างเรื่องหลักที่เกี่ยวกับโผโยกย้ายนายทหารล็อตสำคัญที่สุดประจำปี ก็มีการนำขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว นั่นก็แสดงว่าทุกอย่างลงตัวได้รวดเร็วไม่มีปัญหาให้ยืดเยื้อ แม้ว่าในปีนี้จะเป็นการโยกย้ายใหญ่ เพราะมีระดับปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรวมไปถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพที่พร้อมใจกันเกษียณอายุพร้อมกันในปีนี้
แต่ทุกตำแหน่งก็เรียบร้อยดี ลงตัวกันตั้งนานแล้ว และไม่ปรากฏข่าวการต่อรองหรือบัญชีรายชื่อไม่ลงตัวออกมาให้ได้ยินเลย โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกที่ตามรายงานยังยืนยันว่ายังเป็น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ขึ้นมาจากผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกตามโผ รวมไปถึงตำแหน่งแม่ทัพภาค 1 ที่เป็นกำลังหลักในการรักษาพระนคร ก็ไปตามเส้นทาง
แน่นอนว่าสำหรับรายชื่อโยกย้ายในกองทัพปีนี้ถือว่ายังน่าจับตามองอีกปีหนึ่ง เนื่องจากต้องมองยาวสำหรับรองรับอำนาจทางการเมืองต่อเนื่องไปหลังเลือกตั้งกันเลยทีเดียว เพราะหากมีการคาดหมายกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังต้องการกลับมาสานงานต่อก็ต้องมี"คนรู้ใจ"มารองรับในวันหน้า เพราะในเวลานั้นไม่มี"อำนาจพิเศษ"อยู่ในมือแล้ว อีกทั้งเมื่อเข้าสู่บรรยากาศประชาธิปไตยก็ย่อมต้องมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากพวกนักการเมือง ที่ต้องคอยยั่วยุอารมณ์กวนประสาทอยู่ตลอดเวลา
แต่นาทีนี้หากให้ประเมินแล้วก็ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องหลักๆ อย่างเช่นบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ อย่างไรก็ดีหากถามว่าแรงกดดันทางการเมืองยังมีอยู่หรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามี และเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่มีการประกาศยืนยันโรดแมปเลือกตั้ง มีการกำหนดวันเลือกตั้งเป้นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 อย่างชัดเจน มันก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้บรรดานักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆต้องรีบออกแอ๊กชั่น เพื่อสร้างความจดจำให้กับชาวบ้าน อย่างที่เห็นในเวลานี้ที่ทุกประเภท ทุกระดับ ยิ่งระดับปลายแถว ไม่ค่อยมีราคา แต่จะพยายามชกข้ามรุ่นเน้นเป้าหมายใหญ่ อย่างเช่น ระดับนายกฯลงมา เพียงแค่จะได้รับการตอบโต้กลับมาบ้างก็คุ้มค่าแล้ว ซึ่งบรรยากาศแบบนี้น่าจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ดีปรากฏการณ์แบบนี้ในทางการเมืองก็ยังเชื่อว่าไม่น่าระคายผิว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มากนัก อย่างมากก็น่าจะเป็นเพียงสร้างความรำคาญเท่านั้น ถึงได้บอกว่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ต้องทำใหเขาต้องอารมณ์เสีย หรือขุ่นมัว แต่พอไปปะติดปะต่อเรื่องราวความเคลื่อนไหวบางอย่างจาก"โจทก์เก่า"จาก "สองพี่น้อง"ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้ยังมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวฮ่องกงไปยอมไปไหนไกล พร้อมๆกับข่าวที่มีบรรดาเด็กๆในพรรคเพื่อไทยบินไปพบกันเป็นว่าเล่น
อีกทั้งยังอาจโมโหกับคำพูดย้อนศรของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากไปเปิดหน้าระหว่างที่ไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ ระนอง-ชุมพร เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่มีการกล่าวถึงคนชื่อ ยิ่งลักษณ์ว่า"ทำให้ถูกต้องแล้วกัน"จนนำมาซึ่งเสียงตอบโต้กลับมาแบบได้อารมณ์หลายความหมายทำนองว่า"ยังดีที่อดีตผบ.ทบ.ยังจำได้" หากมองในมุมที่คิดมากก็ต้องการสื่อให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็น"ลูกน้องเก่า"แบบนี้แหละที่ทำให้เป็นต้นเหตุให้อารมณ์เสียหรือเปล่า
เพราะต้องไม่ลืมว่าเวลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อมีการเยาะเย้ยกลับมาแบบนี้ถือว่ามันต้องโกรธเหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากเรื่องอื่นก็มองไม่ออกว่าจะเป็นสาเหตุต้องบูดกันแบบนี้ จะว่าเป็นแค่แอ็กชั่นการแสดงออกสื่อก็ไม่น่าจะได้คุ้มเสีย ก็เห็นมีแต่เรื่องแบบนี้เท่านั้น ที่เข้าเค้า !!