ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ชนะฟาล์ว-แรงบันดาลใจ!! วิจารณ์แซ่ด บริษัท “ดวงฤทธิ์ บุนนาค”คว้างานออกแบบ “สุวรรณภูมิ T2”ทั้งที่คะแนนด้านเทคนิคเป็น “อันดับ 2”ส่วน “อันดับ 1”ถูกตัดสิทธิ์ “แพ้ฟาล์ว”เฉย ขณะที่แบบก็ถูกจับได้ว่าไป “ลอก”แบบจากพิพิธภัณฑ์ของญี่ปุ่นมา เจ้าตัวอ้างเป็น“รากวัฒนธรรมตะวันออก” แล้วยังมีข้อครหา เพื่อนร่วมรุ่น “สาธิตจุฬาฯ 19”ชื่อ “ศิโรตม์ ดวงรัตน์”อดีต ผอ.สุวรรณภูมิ ที่เพิ่งถูกโยกไปเป็น ผอ.ดอนเมือง หลังเกิดเรื่องอีก
ดรามาร้อนฉ่า .. หลังจากที่ “บอร์ดการท่าฯ” คณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)ที่มี ประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธาน มีมติให้กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน DBALP-NIKKEN SEKKEI เป็นผู้ชนะการประกวดโครงการออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ .. มูลค่างานออกแบบ “สุวรรณภูมิ T2”นั้นไม่มากมาย อยู่ที่ราว 330 ล้านบาท ส่วนมูลค่าโครงการก่อสร้าง 3.5 หมื่นล้านบาท สมฐานะความเป็นประตูของประเทศ .. ที่น่าแปลกก็ตรงที่มติบอร์ดตรงตามที่ “ข่าวหลุด”ออกมาก่อนหน้าที่บอร์ดจะลงมติให้กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน DBALP-NIKKEN SEKKEI ชนะการประกวด ทั้งที่ได้คะแนนด้านเทคนิคเป็น “อันดับ 2” .. ขณะที่ “กลุ่ม S.A.”กลุ่มที่ได้คะแนนด้านเทคนิคที่มีคะแนนสูงสุด ถูก “ตัดสิทธิ์” .. เนื่องจากไม่แนบต้นฉบับใบเสนอราคาที่กำหนดไว้ใน TOR แม้จะพยายามร้องเรียนของความเป็นธรรม กับทาง AOT แล้วก็ตาม.. จนเป็นที่โจษขานในวงการว่า อันดับ 1 ที่โดนปรับ “แพ้ฟาวล์”ส้มเลยหล่นทับเท้า “อันดับ 2” .. ดรามาพีคขึ้นอีกเมื่อกลุ่ม DBALP-NIKKEN SEKKEI มีแกนหลักเป็น “สถาปนิกฝ่ายประชาธิปไตย”อย่าง “เดอะด้วง” ดวงฤทธิ์ บุนนาค .. นอกเหนือจากครหาประเด็น “ชนะฟาล์ว” แล้ว ยังมี “ดรามาในดรามา” ที่แบบของ “ดวงฤทธิ์”ถูกวิจารณ์ว่าไป “ลอก”แบบจากพิพิธภัณฑ์สะพานไม้ Yusuhara ในประเทศญี่ปุ่น มาแทบทั้งดุ้น .. หรือพูดในภาพรวมก็ว่ากันว่า เป็นสถานที่สำคัญของชาติไทย ทำไมถึงไปลอกเลียนงานสถาปัตยกรรมของจีนและญี่ปุ่น ..
แต่ก็อย่างว่า เรื่องศิลปะ สวยไม่สวย อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน นานาจิตตัง ว่ากันไป แล้วการลอกเลียนในวงการศิลปะ ก็มักมีคำพูดเท่ๆ ว่า “แค่แรงบัลดาลใจ” .. “ไม่ได้ลอก มันเป็นรากวัฒนธรรมตะวันออกอยู่แล้ว”พร้อมอ้างว่าค่าแบบ 330 ล้านบาท “ต่ำมาก”คงไม่มีบริษัทต่างชาติไหนมารับงาน คือคำยืนยันของ “เดอะด้วง”ทันทีที่คว้างาน .. พร้อมทั้งออกตัวแรง “เป็นครั้งแรกในการประกวดแบบโครงการขนาดใหญ่ ที่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกสามารถบอกอย่างภาคภูมิใจได้ว่า ปราศจากการคอร์รัปชัน ในกระบวนการคัดเลือกอย่างสิ้นเชิง” เหมือนรู้ตัวว่า ถูกเพ่งเล็งประเด็น “ชนะฟาล์ว”อย่างค้านสายตา ทั้งคนใน-คนนอกวงการ .. ขณะที่ นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ก็พยายามออกมาสยบดรามา ทันควัน ถึงขนาดระบุว่า “บริษัท อันดับ 1” จงใจทุจริตทำผิดกฎ กติกา การประกวดราคาของ ทอท. .. มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ในวันเดียวกับที่ บอร์ด AOT ลงมติกเลือกแบบ “สุวรรณภูมิ T2” ก็มีมติย้าย ศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ สลับไปประจำที่ดอนเมือง .. ประจวบเหมาะกับที่ถูกขุดว่า “ศิโรตม์ ดวงรัตน์” กับ “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” บังเอิญเป็นเพื่อนร่วมรุ่น “สาธิตจุฬาฯ รุ่นที่ 19” .. ก็ไม่รู้ว่า “ศิโรตม์”มีส่วนตัดสินใจมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ลือกันกระฉ่อนว่า มติสลับ ผอ.สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ต้องการหนีปมร้อนอะไรบางอย่าง
** ทลายขุมทรัพย์หมื่นล้าน!! ข่าวฉาว “กองทุนอนุรักษ์พลังงาน” ส่งตรงถึง “ตึกไทยฯ”ก่อนมีคำสั่งด่วนจาก “นายกฯตู่”ไล่ตรวจสอบโดยด่วน ที่มาชงเลื่อนวาระพิจารณาโครงการปี 61-62 ไม่มีกำหนด เปิดทาง “คนกลาง” กลั่นกรองโครงการแทน “สตง.”ลุยเช็กยิบ ทั้งขบวนการถลุงเงินกองทุนฯ เลยเถิดไปถึง “งบพีอาร์” ของทั้ง สนพ.-ก.พลังงาน ที่ “กินรวบ”วนเวียนในบริษัทเครือข่ายไม่กี่แห่ง
ติดโรคเลื่อนชัวร์ป้าบ .. คิวประชุม “คณะกรรมการกองทุนอนุรักษ์พลังงาน”ที่ “บิ๊กจิน”พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ จะเป็นประธาน ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ .. ข่าวว่า คณะอนุกรรมการกองทุนฯ จะเสนอให้ “ชะลอ”การพิจารณางบปี 2561 และ 2562 ออกไป “อย่างไม่มีกำหนด” .. รวมทั้งอาจจะต้องเปิดทางให้ “บุคคลที่ 3” ที่เป็นกลาง เข้ามากลั่นกรองโครงการ ให้เกิดความโปร่งใส และลดข้อครหา ..งานนี้ร้อนทั้ง "ดร.โจ๊ะ" ทวารัฐ สูตะบุตร ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน และในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ .. แล้วยังกระทบชิ่ง ไปถึง เจ้ากระทรวงพลังอย่าง ศิริ จิระพงษ์พันธ์ ที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนฯ โดยตำแหน่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน .. ด้วยว่าเรื่องมันแดงออกมาทางสื่อ แล้วยังมีการรายงานตรงเข้า “ตึกไทยคู่ฟ้า”อีกด้วย จนมีกระแสข่าวว่า “นายกฯตู่”ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งตรวจสอบโดยด่วน .. แล้วยังเน้นประเด็นที่มีการแอบอ้างว่า “ฝ่ายการเมือง” ขุน “ท่อน้ำเสี้ยง”ไว้เตรียมการเลือกตั้ง ว่า “ฝ่ายการเมือง” ที่ว่ามันเป็นใครด้วย .. คาดว่าอีกไม่นาน คงมีแอคชัน จาก “รมต.ศิริ”ในการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง คู่ขนานไปกับทาง “สตง.”ที่กำลังไล่เช็คละเอียดยิบ .. นอกจาก “ตัวละคร” ต่างๆ ไล่เรียงตั้งแต่ "บิ๊ก ท.-ดร.ช.-นางสาว ช.-รองอธิบดี ว." ที่ถูกล็อกเป้าจาก “หน่วยปราบโกง”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. ข่าวว่ายังเลยเถิดไปถึงการตรวจสอบ “งบประชาสัมพันธ์”ของทั้ง สนพ. และกระทรวงพลังงานอีกด้วย .. เพราะมีลักษณะ “กินรวบ”วนเวียนในเครือข่ายไม่กี่บริษัท .. วงเงินปีๆ นึงก็เป็นร้อยล้านบาท หลักๆ ก็มี “บริษัท ซ.”ที่เป็นขาประจำได้งาน แต่ละปีมากกว่าครึ่งของกระทรวงพลังงาน และ สนพ. มาตลอด
**ค่าบริการที่ไม่มีอยู่จริง!! เฉ่ง “บีทีเอส”ลักไก่เก็บ “สถานีในอนาคต”มาตลอด ทั้งที่คงไม่มีแผนจะสร้างแล้ว “ดร.อาณัติ” รับหน้าชื่น “2 สถานีลับ” ทั้ง “ศึกษาวิทยา” และ “เสนาร่วม” ไม่มีตัวสถานี แต่ถือว่าอยู่ในระบบรถไฟฟ้า ต้องคิดค่าโดยสารตามระยะทาง ทั้งที่ไม่ได้ลงทุนก่อสร้างสถานี ก่อน “ทวงบุญคุณ”ทุกวันนี้ “บีทีเอส”เก็บค่าโดยสารต่ำกว่าเพดานตามสัมปทาน ซ้ำรอย “เจ้าสัวคีรี”ที่ออกมาโอดโอยว่า ขาดทุน-รู้เท่าไม่ถึงการณ์ กลบเกลื่อน บริการที่ต่ำกว่าคุณภาพ
มีมาเรื่อยๆ .. ประเด็นการใช้บริการ “รถไฟฟ้าบีทีเอส”สารพัด ทั้งประตูเปิดขณะรถวิ่ง หรือฝนตกฟ้ารั่วในขบวน ที่ดูจะเป็น “ความเสี่ยง” ในชีวิตและทรัพย์สิน ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ก็แหมสัญญาเขาผูกพันไปตั้ง 30-40 ปี แถมยังส่อแววขยายทั้งสัญญา ขยายทั้งเส้นทางไปเรื่อย ก็บ้านเรามีบริษัทเดินรถไฟฟ้าอยู่แค่ 2 แห่ง .. แถมสัญญาก็ไม่รู้ใครเป็นคนเขียน เอื้อเอกชนสุดลิ่ม ทำผิดให้ตายยังไง รัฐก็ยกเลิกสัญญาไม่ได้ซะอีก .. คุณภาพการให้บริการว่าหนักแล้ว ยัง “เอารัดเอาเปรียบ”กันแบบไม่บอกกล่าว .. ก็เพิ่งรู้ว่าตั้งแต่เปิดให้บริการคิดค่าโดยสารมา “รถไฟฟ้าบีทีเอส”คิดค่าโดยสาร “สถานีในอนาคต” มาโดยตลอด .. หลังคุณ Bozztun Powong ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความไม่พอใจ จากการถูกเรียกเก็บค่าโดยสารอย่างไม่เป็นธรรม .. โดยระบุประมาณว่า “ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีช่องนนทรีไปสถานีสุรศักดิ์ ด้วยความเคยชิน จึงจ่ายค่าโดยสาร 16 บาท (อัตราค่าโดยสาร 1 สถานี) แต่เมื่อถึงสถานีสุรศักดิ์ กลับออกจากระบบไม่ได้ เพราะจ่ายค่าโดยสารไม่ครบตามจำนวนที่เรียกเก็บ 23 บาท .. โดย “พนักงาน”แจ้งว่า ระหว่าง “ช่องนนทรี-สุรศักดิ์” มี “สถานีในอนาคต”อยู่ 1 สถานี ชื่อ “สถานีศึกษาวิทยา”ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ .. ก่อนที่ อาณัติ อาภาภิรม กรรมการที่ปรึกษาบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ออกมาย้ำอีกครั้งว่า "ที่ผู้โดยสารเดินทางจากสถานีช่องนนทรีไปยังสถานีสุรศักดิ์นั้น ค่าโดยสาร 23 บาท เพราะระยะทางจากสถานีช่องนนทรี ไปยังสถานีสุรศักดิ์ ยังมีอีก 1 สถานี ที่แม้ปัจจุบันยังไม่มีตัวสถานี และยังไม่เปิดใช้ แต่ถือว่าอยู่ในระบบของรถไฟฟ้าบีทีเอส เช่นกัน จึงต้องเก็บค่าโดยสาร 23 บาท เพราะถือว่าเดินทางตามระยะทางที่เกิดขึ้นจริง" .. จนควรถามกลับว่า แม้จะเป็นไปตามระยะทาง แต่การมีหรือไม่มีสถานี “ต้นทุน”มันก็ย่อมไม่เหมือนกัน ไม่ควรจะมา “ลักไก่” กันแบบนี้ ..
แล้วก็ไม่ได้มีจุดเดียวเสียด้วย ยังมี ช่วงสถานี “สะพานควาย -อารีย์” ที่ก็มี “สถานีในอนาคต”คือ “สถานีเสนาร่วม” เช่นกัน .. ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ทั้ง “ศึกษาวิทยา” และ “เสนาร่วม” นั้น “ยังไม่มีตัวสถานี และยังไม่เปิดใช้” แต่ความเป็นจริง “ยังไม่ได้สร้าง”หรือพูดให้ตรง “ไม่มีแผนจะสร้าง” แล้วด้วยซ้ำ .. หากจำกันได้ชื่อของ “ศึกษาวิทยา”และ “เสนาร่วม” อยู่ในแผนที่ของ “บีทีเอส”เมื่อครั้งเริ่มให้บริการปลายปี 2542 ในฐานะ “สถานีในอนาคต”ก่อนที่จะเลือนหายไปจากทุกแผนที่ แม้จะกระทั่งของบีทีเอส เองตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ .. เหมือนกับกรณี “สถานีสะพานตากสิน” ที่ถูกกำหนดให้เป็นแค่ “สถานีชั่วคราว”แต่ก็ปล่อยมาถึงบัดนี้ ที่ไม่เพียงแต่เป็น “สถานีถาวร”ยังเป็นสถานีที่มีความสำคัญมากที่สุดในระบบไปแล้ว ในฐานะจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางในฝั่งธนบุรี .. ที่ไล่ประวัติศาสตร์มาก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า เกือบ 20 ปีที่ “บีทีเอส” ให้บริการมา แผนได้ปรับเปลี่ยนไปตาม “สภาพความเป็นจริง” จนต้องยอมรับว่า โอกาสที่จะปัดฝุ่นแล้วสร้าง “ศึกษาวิทยา” และ “เสนาร่วม” คงเป็นไปได้ยาก .. แล้วไฉนจึงปล่อยให้มีการเก็บ “ค่าบริการที่ไม่มีอยู่จริง” ไปเรื่อยๆเช่นนี้ .. ไม่ใช่แค่ไม่ยอมรับว่า มันเป็นข้อผิดพลาด และไม่เป็นธรรม “ดร.อาณัติ” ยัง “ทวงบุญคุณ” เพื่อเบี่ยงประเด็นด้วยว่า ค่าโดยสารที่เก็บๆ อยู่ต่ำกว่าเพดานอัตราค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทานที่ “บีทีเอส” สามารถเรียกเก็บได้อีก .. กลายเป็นว่า “คนบีทีเอส” ไม่คิดจะปรับปรุงข้อท้วงติงใดๆ ก้มหน้า “ทวงบุญคุณ” กันท่าเดียว .. เหมือนเมื่อครั้งระบบเจ๊งแบบรัวๆ แล้ว คีรี กาญจนพาสน์ ประธาน ออกมาโอดโอยว่า ลงทุนมายังไม่คุ้มทุน ถ้ารู้เท่าถึงการณ์ คงไม่ลงทุน นั่นแหละ
ช.ชฎา