“อิทธิพร” ปลุก พนง.กกต. ทำงานสามัคคี ยก 4 ข้อ สร้างองค์กรเข้มแข็ง หวังการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับทั้งใน-นอกประเทศ “ปกรณ์” ประกาศไม่ปล่อยคนโกงเข้าสภา ขณะที่ “สันทัด” เชื่อทุกคนมีส่วนร่วมเลือกตั้ง ช่วยลดขัดแย้งได้
วันนี้ (18 ส.ค.) สำนักงาน กกต. ได้จัดประชุมผู้บริหารและผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. โดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวเปิดและมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ภูมิใจและดีใจที่มีโอกาสมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอิสระนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่ร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริต เที่ยงธรรม และเชื่อว่า กกต.ทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ซึ่งเห็นว่าการเตรียมการเลือกตั้งเพื่อให้เป็นตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้
กกต.ชุดเก่า เตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี มีแผนปฏิบัติการไม่เพียงแค่ทำให้การเลือกตั้งสำเร็จแต่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในและนอกประเทศเข้าถึงการเลือกตั้ง มีความรู้ความเข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสริม มั่นใจว่าทำให้การออกเสียงเลือกตั้งเป็นไปด้วยความอิสระ ปราศจากอิทธิพล ครอบงำ การประชุมครั้งนี้ขอให้จะมีการแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ผู้บริหารเปิดใจกว้างรับฟังเพื่อให้การปฏิบัติงานในอนาคตเป็นไปตามกฎหมาย อย่างกรณีการทำงานของผู้ตรวจการเลือกตั้ง มีปัญหา อุปสรรคอย่างไร การจัดซื้อ จัดจ้าง ตามระเบียบภาครัฐ เป็นอุปสรรคในการทำงานหรือไม่ ให้มีการพูดออกมา และขอให้ทุกคนมีเป้าหมายการจัดการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม เพื่อให้ได้รับการยอมรับทั้งภายในและนอกประเทศ
ส่วนการทำงานขององค์กรต้องมีความเข้มแข็งใน 4 เรื่อง คือ 1. มีเอกภาพ ต้องมีการพัฒนาความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องทันต่อโลกต่อการพัฒนา มีแนวทางการทำงานชัดเจน ประสานงานเป็นระบบ ทำงานเป็นทีม อยากให้มีการประกวดการทำงานในเรื่องความสามัคคี และเป็นองค์กรที่ได้ที่ 1 ในเรื่องความสามัคคี ถ้าองค์กรเข้มแข็งไม่ว่ากฎหมายจะเป็นอย่างไร การจัดการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรม เมื่อจัดเลือกตั้งดีแล้วก็จะทำให้พรรคการเมืองผู้เล่นมีคุณภาพ มีความหมาย ประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมใช้สิทธิอย่างมีคุณภาพ อยากเน้นให้ความสำคัญกับเยาวชน ตั้งแต่อายุ 11-18 ปี
ในช่วง 7 ปี ที่ กกต.ชุดนี้มีวาระ ทำให้กลุ่มพลังนี้มีความรู้ มีความเข้าใจ 2. คุณภาพ ต้องรู้ซึ้งถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ตั้งเป้าการทำงานว่ามีอะไรเข้ามา ต้องทำให้เร็ว ทันเวลา และถูกต้อง เป็นพันธมิตรกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้การทำงานดียิ่งขึ้น มีความสม่ำเสมอในการประสานงาน ต้องลงพื้นที่พบปะพรรคการเมือง นักการเมือง และประชาชนเพื่อให้รู้ในเชิงภูมิศาสตร์ สำนักงานฯต้องมีเครื่องมือที่จำเป็น บางสถานการณ์จำเป็นต้องมีวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์เช่นในการเลือกตั้ง 3.คุณธรรม ต้องยึดมั่นการทำงานอย่างเป็นธรรม ยุติธรรม เปิดใจกว้าง และ 4.คุณค่า ต้องยึดและปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต กล้าหาญ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำ ปราศจากอคติ ซึ่งองค์กรจะต้องกล้าหาญ ถ้ากล้าหาญและสุจริตจะเป็นเกราะคุ้มครองเรา ขอให้ถือเป็นคุณค่าและค่านิยมขององค์กร
ด้าน นายปกรณ์ มหรรณพ กกต.กล่าวว่า ทุกฝ่ายต่างคาดหวังถึงความสุจริตและเที่ยงธรรมของกกต.ชุดนี้ ซึ่งเราจะให้ความสุจริตเที่ยงธรรมตามกฎหมาย แต่จะไม่มีทางที่จะได้หากพนักงานไม่สุจริตมาก่อน ส่วนเรื่องภายในขององค์กร สนใจระบบความก้าวในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กกต. เพราะเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อนซึ่งจะมีระบบความก้าวหน้าที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ กกต.เองจะต้องตัดสินใจว่าจะใช้ระบบความก้าวโดยอาศัยหลักอาวุโส หรือจะใช้หลักผลงานที่มาจากการแข่งขันกันด้านความสามารถ
“ผมมีข้อกำหนดในการทำหน้าที่ว่าหากจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อตรวจงาน จะต้องไม่มีการต้อนรับ ไม่มีรถนำ ไม่มีงานเลี้ยงทั้งสิ้น อยากให้เน้นเรื่องความร่วมมือในการทำงานมากกว่า ผมไม่แคร์ว่าจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อีกกี่ปี แต่ก็จะลองดูจะทำให้ดีที่สุด” นายปกรณ์ กล่าวและว่า แม้จะเป็นผู้พิพากษามา 36 ปี ที่การทำงานเมื่อพิจารณาสำนวนที่หลักฐานไม่ชัด ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็จะต้องปล่อย แต่มาทำงาน กกต.หากสงสัย จะไม่ปล่อยอย่างแน่นอน แม้ผมไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้พวกท่านเข้าไปบริหารบ้านเมือง หรืออยู่ในสภา แต่ผมจะทำให้คนที่ไม่สุจริตและคนที่โกงไม่ได้เข้าไป”
ส่วน นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กล่าวว่า มาเพื่อการเลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส. ถือเป็นภารกิจใหญ่ที่จะต้องทำ ยืนยันว่า เรามีความเป็นกลาง จะจัดการเลือกตั้งทุกระดับ ทำงานอย่างกล้าหาญ และเชิงรุก
“อยากให้ช่วยกันทำให้วงจรอุบาทว์ที่มีการร่างรัฐธรรมนูญแล้วจัดการเลือกตั้งจนได้รัฐบาลเข้ามาสุดท้ายมีผู้มาทุจริต แล้วก็เกิดรัฐประหารอีก สิ่งเหล่านี้ต้องหมดไป ซึ่งหน้าที่ของเราเป็นการทำเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งแต่เราจะไม่ได้ทำเฉพาะจัดการเลือกตั้ง เราต้องพยายามทำหน้าที่เราให้เล็กเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ พยายามมองงานให้แตก เอาหลักงาน งบ ระบบ และคนมาเป็นหลัก ตนอยากให้มีการทำงานอย่างเป็นระบบ รู้รักสามัคคี ยกเลิกระบบอุปถัมภ์
นายสันทัด ศิระอนันต์ไพบูลย์ กกต.เน้นย้ำเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต กล้าหาญ อย่างตนก็กล้าที่จะมาสมัครเป็น กกต. เพราะเคยมีคนถามตนว่าเคยทำอะไรให้กับสังคมบ้าง ดังนั้นความกล้าหาญเป็นสิ่งที่สำคัญในเมื่อเราตัดสินใจที่จะทำงานตรงนี้แล้ว ทุกเรื่องย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบเสมอ แต่เราทำอย่างไรจะต้องยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม และโปร่งใส ส่วนการจะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะในต่างประเทศนั้น เพราะเราไม่มีการจัดเลือกตั้งมา 4 ปีกว่าแล้ว จึงเป็นการบ้านที่ทุกคนจะต้องคิด เพื่อให้การเลือกตั้งได้การยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ แต่หากองค์กรเราได้รับการยอมรับก็จบ ดังนั้น เราจะต้องเป็นแม่แบบแม่พิมพ์ที่ดี มีความเป็นกลาง และอยากให้ละวางความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อให้เกิดความเป็นกลาง
นอกจากนั้น อยากให้ดูเรื่องโรดแมปทั้งในเรื่องงบประมาณ เรื่องแผนการทำงาน และเรื่องบุคลากร อย่างไรก็ตาม อยากให้มีการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวเสริมในการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดความผิดพลาดลง และสุดท้ายเรื่องการมีส่วนร่วม จะทำอย่างไรให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะความขัดแย้งหลายอย่างเกิดจากการขาดการมีส่วนร่วมของคนบางกลุ่ม ซึ่งในเรื่องการเลือกตั้งก็เช่นกันตนเชื่อว่าหากประชาชนเข้ามาร่วมรู้เห็น เข้ามามีส่วนร่วมความขัดแย้งจะน้อยลง