กฤษฎีกา เปิดรับฟังความเห็นร่างกฎหมาย “จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 ฉบับ” ถึง 30 ส.ค.นี้ เน้นแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นฯ พ่วงจำนวนราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิธีปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. แถมห้าม “ผู้บริหาร” จัดงบให้ตัวเองไปดูงานต่างประเทศ
วันนี้ (17 ส.ค.) แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ร่างกฎหมายที่จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น จำนวน 5 ฉบับ โดยกำหนดให้รับฟังความคิดเห็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 ส.ค. 2561 ประกอบด้วย
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... , ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... , ร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... , ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ทั้งนี้ ระบุไว้ในคำชี้แจงว่า โดยที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ.... ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ไปรวมพิจารณากับร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ..... และร่างกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
ซึ่งต่อมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ตรวจพิจารณาโดยในการตรวจพิจารณาร่างฯ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 5 ฉบับ
“โดยการในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวมีขึ้นเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นฯ ที่ตรวจพิจารณา และเพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นจำเป็นเร่งด่วนบางประการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้จัดให้การรับฟังความเห็นของผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 15-30 ส.ค.”
สำหรับรายละเอียดพอสังเขปของร่าง ทั้ง 5 ฉบับ เช่น ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น มาตราที่ว่าด้วยให้ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้สอบสวนผู้ถูกสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพสมาชิกท้องถิ่น หรือถูกสอบสวน หลังจากได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายใน 60 วัน ในระหว่างที่ไม่มีนายก อปท. ให้ปลัดอปท. ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งนายก อปท.
มาตราว่าด้วย ในกรณีที่ รมว. มหาดไทย วินิจฉัยว่า ผู้บริหาร อปท. พ้นจากตำแหน่ง ให้ รมว.มหาดไทย ประกาศคำวินิจฉัย ให้ทราบทั่วกัน ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำวินิจฉัยดังกล่าว ให้ระบุเหตุที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้ผู้บริหาร อปท. ดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ วันที่พ้น แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานและการรับค่าตอบแทนที่ได้กระทำไปก่อนวันที่ รมว.มหาดไทย มีคำวินิจฉัย
“ถ้าในขณะที่มีคำวินิจฉัยดังกล่าว ผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระ หรือต่าง อปท.กัน ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และในกรณีที่เป็น ผลให้ถูกห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใช้สิทธิเลือกตั้งให้ถือว่าวันที่ รมว.มหาดไทย มีคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามดังกล่าว ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของ รมว.ตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด”
มาตราที่ว่าด้วย การจ่ายเงินของอปท.หรือการนำเงินของกิจการที่ อปท.เป็นเจ้าของหรือเป็นหุ้นส่วนหรือถือหุ้นในกิจการนั้นไปใช้จ่าย เพื่อการ "ฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศของนายก รองนายก เลขานุการ ประธานสภา รองประธานสภา หรือสมาชิกสภา อปท. ช้าราชการการเมือง จะกระทำมิได้”
มาตราว่าด้วยให้นายก ประธานสภา รองประธานสภา และสมาชิกสภา อปท. ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 84/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 24 ธันวาคม พุทธศักราช 2557
“ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายก หรือสมาชิกสภา โดยให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้ง หรือจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว”
เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกหรือสมาชิกสภาใด ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามวรรคหนึ่ง เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับ อปท.นั้น เป็นอันยกเลิก
มาตราว่าด้วย ให้นายก สมาชิกสภา หรือผู้มีตำแหน่งใน อปท. เฉพาะบรรดาที่ถูกระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เกี่ยวข้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกหรือสมาชิกสภา อปท.นั้น แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินการต่อไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น กับบุคคลดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงมาตราที่ว่าด้วย จำนวนสมาชิก และจำนวนราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งข้อห้ามการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ผู้บริการเมืองพัทยา การวินิจฉัยว่าผู้ว่าฯ กทม. พ้นจากตำแหน่ง เป็นต้น