สนช.ดัน พ.ร.บ.ข้าวสุดตัว ย้ำไม่ใช่กฎหมายขายฝันหลอกชาวนา แจงคณะกรรมการข้าวที่มีชาวนาร่วมด้วยช่วยป้องกันนักการเมืองกำหนดนโยบายตามใจชอบ
วันนี้ (16 ส.ค.) นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวภายหลังการเดินสายรับฟังความคิดเห็นเกษตรกร 4 ภาคต่อร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. ... ว่ามีชาวนามารับฟัง รวมถึงผู้ประกอบการค้าปุ๋ย ค้าพันธุ์ข้าว ประมาณ 1 พันคน โดยชาวนาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรายละเอียดการแก้ปัญหา เพราะจะมีเครื่องมือในการต่อสู้กับเรื่องที่พวกเขาเคยประสบพบเจอ
ทั้งนี้ ปัญหาเดียวที่เราพบว่าทำยาก คือ มีชาวนาคนหนึ่งลุกขึ้นบอกว่ารีบๆ ออกมาเลยกฎหมายแบบนี้ จะช้าทำไม เราก็อ้ำอึ้ง ได้แต่บอกไปว่าให้รอฟังทุกฝ่ายก่อน นอกจากนี้ ทางด้านโรงสีเขาก็ส่งข้อมูลมา โดยส่วนใหญ่กังวลว่าจะถูกจำกัด และเป็นห่วงเรื่องการออกใบรับซื้อข้าวเปลือกที่อยู่ในมาตรา 30 ของร่างพระราชบัญญัติข้าว รวมถึงข้อห่วงใยเรื่องการกำหนดข้อบังคับ ต้องมีความชัดเจน ปฏิบัติได้จริง ไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น และมีประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายที่อยู่ในห่วงโซ่ แต่ทุกฝ่ายไม่ต้องห่วง เรารับฟังทุกฝ่ายอยู่ตลอด
นายกิตติศักดิ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่ได้ยินจากปากชาวนาคือ ที่แล้วมากี่รัฐบาลทำตามอำเภอใจตัวเอง ต่างคนต่างจะใช้ชาวนาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ตนได้ชี้แจงว่าถ้ากฎหมายผ่านการพิจารณาจะมีกฎหมายมารองรับ ชาวนาจึงมั่นใจได้เลยว่าร่างพระราชบัญญัตินี้จะไม่ใช่การขายฝันหลอกชาวนาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแน่นอน ใครจะมาใช้ชาวนาเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้นหมดสิทธิ์แล้ว คณะกรรมการข้าวชุดใหญ่ก็ไม่ใช่นักการเมืองที่จะไปแต่งตั้งใครก็ได้ตามอำเภอใจ ชาวนาจะมีเครื่องมือ มีสิทธิต่อสู้กับพวกหัวหมอได้แน่นอน ใครจะมาเลี้ยงไข้หลอกชาวนาจะทำไม่ได้อีก
ทั้งนี้ จากกลไกช่วยชาวนาในร่างพระราชบัญญัติข้าวที่เรากำลังผลักดันนั้น มีทั้งเรื่องต้นทุนการปลูกข้าวที่ใช้การจ้างงานจึงมีต้นทุนสูง ถ้าเราไม่ไปบริหารจัดการ ไม่มีการควบคุม ก็จะฉีดยาฆ่าแมลงตามใจชอบทั้งที่ผู้ฉีดไม่มีความรู้ เป็นการเพิ่มต้นทุนโดยใช่เหตุ เมล็ดพันธุ์ข้าวจริงๆ ถ้าได้ตามมาตรฐาน 15 กิโลกรัมต่อไร่ก็พอแล้ว แต่เกษตรกรไปใช้สูงสุด 25-40 กิโลกรัมต่อไร่ เรามองว่าไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม จริงๆ เราไม่ได้ตัดพ่อค้าคนกลางหรือผู้ค้าพันธุ์ข้าวทิ้งไป แต่ทุกอย่างอยากให้เดินเข้าสู่ระบบ โดยให้ทุกคนขึ้นทะเบียนทั้งหมด เรียกว่าหมดยุคชาวนาถูกกดขี่แล้ว
“ถ้าร่างพระราชบัญญัตินี้ไม่สำเร็จเป็นกฎหมาย การขึ้นทะเบียนของทุกห่วงโซ่การค้าข้าวจะไม่เกิดขึ้น สิ่งตรงกันข้ามกับที่ผมอธิบายไปจะเกิดขึ้นแทน ความหวังของชาวนาก็จะไม่มีทางเกิด รัฐบาลไหนมาก็เปลี่ยนกติกาไปตามแนวทางทางการเมืองที่พวกเขาต้องการ ไร้ทายาทที่จะกล้าเดินเข้าสู่ไร่นา ขายที่นาทิ้งหมด เพราะขืนทำต่อไปก็มีแต่จนลงๆ ร่างพระราชบัญญัติข้าวศึกษามา 2 ปีเต็มอย่างรอบด้าน ต่อไปนี้รัฐบาลไม่ว่าจะสนับสนุนเรื่องจำนำข้าวหรือประกันราคาข้าวจะทำตามใจตัวเองไม่ได้แล้ว ต้องทำตามกฎหมาย เอาชาวนาเป็นหลัก ซึ่งมาตรา 12 ของร่างนี้เป็นหัวใจ จะมีกฎหมายมารองรับทั้งห่วงโซ่ จะกำหนดนโยบายข้าวแบบเบี้ยวซ้ายเบี้ยวขวาไม่ได้แล้ว และเรื่องใหม่ที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนคือ การตั้งคณะกรรมการข้าว จะมีสัดส่วนของชาวนาเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการข้าวนี้ด้วย” นายกิตติศักดิ์กล่าว


