ข่าวปนคน คนปนข่าว
**สานฝันพรรค 3 พันล้าน!! “พรรคสุเทพ”ปรับทัพใหม่ ก.ย.นี้ “หม่อมเต่า”แค่หุ่นเชิดชั่วคราว “เอนก" ปิ๋วยาว ไม่ตอบโจทย์เจ้าของพรรค จับตาบิ๊กเซอร์ไพร์ส “หม่อมหมู”รีเทิร์น ผนึก “กำนันเทือก”ปัดฝุ่น “พรรค 3 พันล้าน”ที่เคยตั้งลำไว้สมัยแตกหักกับ “ค่ายสีฟ้า”อย่างว่า การเมืองประสา “เทพเทือก”ไม่ห่วงกระแส แต่ต้องใช้กระสุน ที่งานนี้ “บุญเก่า”สมัย “ชายหมู”เป็นผู้ว่าฯกทม. ต่อสัมปทาน 30 ปี 1.87 แสนล้านให้“บีทีเอส” อาจมาออกดอกผล กับ “พรรครปช.”
หุ่นเชิดชั่วคราว .. น่าจะเป็นคำจำกัดความของ “หม่อมเต่า”ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าฯแบงก์ชาติ คนดัง กับตำแหน่ง“ว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย”ตามมติของผู้ร่วมก่อตั้งพรรค .. แต่การโหวตของที่ประชุมวันก่อน ก็เป็นแค่ “พิธีกรรม”ด้วยชื่อของ “หม่อมเต่า” ถูกเสนอขึ้นมาโดย “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของพรรคตัวจริง เสียงจริง ที่จับวาง “คนของตัวเอง”ในตำแหน่งต่างๆ ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ .. ข่าวลึกๆระบุว่า แม้จะมาออกหน้าร่วมเป็นผู้ก่อตั้ง “พรรครปช.” ตั้งแต่ต้น แต่เอาเข้าจริง ด้วยพื้นเพบุคลิกของ “หม่อมเต่า”ดูจะ “ไม่ถนัด”กับงานการเมืองเท่าไรนัก .. เพราะหากฝักใฝ่จะเข้าสู่ถนนการเมืองจริง คงโดดลงมาตั้งแต่เมื่อครั้งชื่อเสียง “พีกๆ”สมัยแตกหักกับ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 10 กว่าปีก่อนนู่นแล้ว .. ที่ตกกระไดพลอยโจนมาถึงขนาดรับเป็นหัวหน้าพรรค รปช. ก็ด้วยถูก “สุเทพ”ยืมชื่อในฐานะ “บิ๊กเนม”มาใช้เพื่อเดินหน้า ในเรื่องงานธุรการจัดตั้งพรรคไปพลางเท่านั้น .. เมื่อถึงเวลาจริงก็เชื่อว่า “คุณชายเต่า”จะหลบฉากไปอยู่เบื้องหลัง ตระเตรียมตัว จับจองเก้าอี้ “ฝ่ายบริหาร”อย่างที่เจ้าของพรรคหมายมั่น เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า .. สังเกตได้จากการที่ “คนในพรรค”ต่างเน้นตลอดว่า เป็นเพียงการเลือกกรรมการบริหารพรรค “ชุดแรก”และ “หม่อมเต่า”ถือเป็นหัวหน้าพรรค “คนแรก”เท่านั้น .. เปิดช่องไว้ล่วงหน้า ว่าจะมี “ชุดที่สอง - คนที่สอง”เข้ามาแทนที่แน่นอน โดยเซตไทม์มิ่งไว้ราวเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ .. หลังจากที่มีการจดตั้งพรรค และตั้งไข่หาสมาชิกได้เป็นกอบเป็นกำทั่วประเทศ ก็จะเปิดฟลอร์ จัด “อีเวนต์ใหญ่”ให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศโหวตเลือกผู้บริหารพรรค ตามที่วางแผนไว้แต่ต้น .. แถมคนที่ถูกวางตัวมาแทนที่ “หม่อมเต่า”นั้น ระดับ “บิ๊กเซอร์ไพร์ส”หาใช่ “พ่อหนุ่มซินตึ๊ง” เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย อันเอกอุ ที่หมกมุ่น “วาระปฏิรูป”มากไป จนไม่ถูกใจ “เจ้าของพรรค”เสียด้วย ..
ข่าวล่ามาแรงสุดๆ กับชื่อ “หม่อมหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. ขวัญใจมหาชน ที่เตรียมคัมแบ็กเข้าสู่การเมืองอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ .. แน่นอนว่าระดับความสัมพันธ์ของ “ชายหมู -กำนันเทือก” แนบแน่นกันมานาน ถึงขนาดแตะมือกันหมายยึด “พรรคประชาธิปัตย์”มาแล้ว .. แม้ในแง่ “กระแส”ชื่อของ “หม่อมหมู”จะขายไม่ได้ แต่ต้องบอกว่า ถ้าเรื่อง “กระสุน”ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน .. หากจำกันได้ สมัยที่พี่น้องนอกไส้ “พี่เทพ - น้องหมู”แตกหักกับ “ค่ายแมลงสาบ”มีกระแสข่าวว่า เตรียมตั้ง “พรรคชายหมู”ที่ว่ากันว่าเป็น “พรรค 3 พันล้าน”มาแล้วรอบหนึ่ง .. เพียงแต่ว่าหลังจากเป็น “กบฏประชาธิปัตย์”ไม่นาน ก็ถูก “รัฐบาล คสช.”ลงดาบ เด้งออกจากตำแหน่ง เรื่องการตั้งพรรค ก็เลยซาๆไป .. การเชิด “ชายหมู” ขึ้นมาอีกหน ก็เป็นการสานต่อ “พรรค 3 พันล้าน”ที่เคยตั้งลำกันไว้เดิม .. คงมีคำถามตามมาว่าใครจะ “หน้ามืด” มา “ลงขัน”ต่อเรือที่มี “สุขุมพันธุ์”เป็นกัปตัน แม้อาจจะมี “สุเทพ”เป็นคนคุมหางเสือ ยิ่งในเวลานี้ที่ “ขายไม่ออก”ทั้งคู่ .. แต่ก็อย่าดูเบา 7 ปีในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ของ “ชายหมู” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น “ถุงเงินถุงทอง”หล่อเลี้ยง พรรคประชาธิปัตย์ ในสนามการเมืองระดับประเทศมาตลอด .. แล้วก็อย่าลืมอีกว่า “หม่อมหมู” คนนี้คือ ผู้มีคุณูปการอย่างสูงกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอสซี) เจ้าของสัมปทานให้บริการ “รถไฟฟ้าบีทีเอส” ..จากผลงานการประเคน ต่อสัญญาก่อนกำหนดอย่าง “เร่งรีบ - รวบรัด”ขยายอายุสัมปทานเป็น 30 ปี หมดกันอีกที ปี 2585 .. เป็นสัญญาสัมปทาน 30 ปี ที่มีการตีมูลค่าออกมาไม่มากไม่มายแค่ 1.87 แสนล้านบาท เทียบกับมูลค่าของ“พรรค 3 พันล้าน”จิ๊บๆไปเลย
**งานหินรออยู่!! “กุลิศ สมบัติศิริ”พลิกโผเล็กๆ ข้ามห้วยมาคว้าเก้าอี้ “ปลัดพลังงาน”เปิดภารกิจโหดหิน ทั้งแหล่งพลังงาน “บงกช - เอราวัณ”แล้วยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งไฟฟ้าชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนใต้ -ไฟฟ้าจากขยะชุมชนทั่วประเทศ ที่ต้องประสานกับ “มหาดไทย”ของ “บิ๊กป๊อก” งานนี้หาก“ไม่ลู่ลม”อาจเอาชื่อมาทิ้งบั้นปลายชีวิตราชการ
พลิกโผหน่อยๆ .. รายของ “เดอะกบ”กุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ที่ก่อนหน้านี้ข่าวหนาหูว่าจะ “ข้ามห้วย”ไปรับตำแหน่ง ปลัดกระทรวงคมนาคม .. ปรากฏว่าได้ “ข้ามห้วย”เหมือนกัน แต่หวยไปออกที่ เก้าอี้ปลัดกระทรวงพลังงาน .. เป็นวาระโยกย้ายใหญ่ แทนที่ ธรรมยศ ศรีช่วย ที่กำลังจะเกษียณ และแว่วว่าจะได้งานทำต่อที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) .. เมื่อมีรายการ “ข้ามห้วย”ส่ง “คนนอก” มายึดเก้าอี้สูงสุดที่มีเพียงหนึ่งเดียว ก็ทำเอา “คนใน” เหี่ยวไม่น้อย .. ทั้ง ยงยุทธ จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงพลังงาน ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ที่เบียดบี้กันมาตั้งหลายเดือน ต้องกอดคอกันไปหาที่เงียบๆซดน้ำแห้วด้วยกัน .. ข่าวว่ากว่าจะมาลงตัวที่ “เดอะกบ-กุลิศ”เรียกว่าผ่านการสัประยุทธ์กันของ “ระดับอำนาจ”พอสมควร .. อันที่จริงชื่อของ “กุลิศ”จับจองเก้าอี้ “ปลัดพลังงาน”มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ตาม “ใบสั่ง”ที่ว่ากันว่ายิงตรงมาจาก “ตึกไทยฯ” .. แต่ “บิ๊กโย่ง” พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ตอนนั้น ใช้สิทธิ์ “วีโต้”ค้านในนาทีสุดท้าย เพื่อให้โควตากับ“คนใน” ..
ย้อนดูแบ็กกราวน์ “อธิบดีกบ”ก็หาใช่ไก่กา ด้านพลังงาน พกดีกรี “บอร์ดปิโตรเลียม - บอร์ด ปตท.สผ.” เรียกว่ารู้เส้นสนกลใน ของแวดวงพลังงานมาไม่น้อย .. แว่วว่าก่อนมีการชงชื่อเข้า ครม.เมื่อวาน “ผู้ใหญ่” ได้เรียก “เดอะกบ”ไป “สอบปากเปล่า”รอบสุดท้าย พร้อมมอบ “ภารกิจอย่างไม่เป็นทางการ”บางประการให้ ส่วนเจ้าตัวจะเซย์เยส-เซย์โน มติ ครม. คือคำตอบ .. ต้องบอกว่า “งานหิน”ไม่น้อย ทั้งภารกิจอย่างเป็นทางการ ทั้งเรื่องแหล่งพลังงาน “บงกช - เอราวัณ” แล้วยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน .. ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจน "มหาเมกะโปรเจกต์แสนล้าน" โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนทั่วประเทศ ในความดูแลของ กระทรวงมหาดไทย ที่มี “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นเจ้ากระทรวง .. เป็น “งานหิน”ที่ทุกวันนี้ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ยังแทบเอาตัวไม่รอด ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งโดดเดี่ยวขึ้นทุกที .. หาก “ไม่ลู่ลม” อาจทำให้การข้ามห้วยของ “อธิบดีกบ” กับการมารับตำแหน่งสูงสุดทางราชการหนนี้เป็น “ทุกขลาภ” ที่ทำให้ “ข้าราชการเกรดเอ” อย่าง “กุลิศ” ต้องปิดฉากไม่สวย เอาชื่อมาทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้.
**รับกันมาเป็นทอดๆ!! 36 สนช.เข้าชื่อแก้ พ.ร.ป.กกต. ที่มีผลบังคับใช้มาไม่ถึงปี เหตุ “บิ๊กรัฐบาล”ไม่ปลื้มรายชื่อ 616 ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ กกต.ชุดเก่าเพิ่งเห็นชอบ อ้าง “บางคน”ใกล้ชิดกับ “ฝ่ายการเมืองบางขั้ว”มากเกินไป จนต้องชงแก้กฎหมาย “ล้มกระดาน”งานนี้ สนช. ออกหน้า-รับลูกกันเป็นทอดๆ หวังตีตั๋ว “ว่าที่ ส.ว.สรรหา”รอบหน้า
ก้นหม้อไม่ทันดำ .. จู่ๆ “สนช.กลุ่มหนึ่ง”นำโดย มหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช. ในฐานะผู้รวบรวมรายชื่อสนช. เสนอแก้ไข พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 .. กฎหมายลูกฉบับที่ว่าเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือน ก.ย.60 นี่เอง อายุยังไม่ถึงขวบเต็ม กลับมาถูก “หมอตำแย”เรียกกลับมา “ต่อแขน-ต่อขา”อีกรอบ .. เรื่องของเรื่องก็มาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดรักษาการ ที่นำโดย ศุภชัย สมเจริญ ลงมติเห็นชอบการตั้ง "ผู้ตรวจการเลือกตั้ง" ทั่วประเทศ 77 จังหวัด จังหวัดละ 8 คน รวม 616 ราย .. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ว่า กกต.ชุดปัจจุบัน หวัง “ทิ้งทวน”เลี้ยงเชื้ออำนาจของตัวเองไว้ ทั้งที่กำลังจะได้ “กกต.ชุดใหม่”อย่างเป็นทางการแล้วแท้ๆ .. มุมหนึ่งก็มองได้ว่า “ว่าที่อดีต กกต.” ทำไม่ถูก แต่อีกมุมก็ว่า เป็นการดำเนินการไปตามกระบวนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เท่านั้น .. ตามคำชี้แจงของ บุญส่ง น้อยโสภณ กกต. ที่ระบุว่า กกต.ได้เตรียมการตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งไว้ตั้งแต่ก่อน เดือน เม.ย.61 แล้ว .. แต่ดูเหมือนคำชี้แจงจะฟังไม่ขึ้น หรือเลือกที่จะไม่ฟัง เมื่อ “สนช.มหรรณพ”ออกมาจุดพลุเรื่องแก้ไข พ.ร.ป. กกต. .. โดยเป็นหัวขบวนล่าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย ที่มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกเหนือจากเพื่อ “ล้มกระดาน” ผู้ตรวจการเลือกตั้ง .. โดยมีการระบุเหตุผลว่า กระบวนการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.กกต. ฉบับปัจจุบัน มีช่องโหว่ ทำให้ได้ “ผู้ที่ไม่เหมาะสม”มาทำหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยส่วนใหญ่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับ “ฝ่ายการเมืองบางขั้ว”มากเกินไป ..
น่าสนใจ ว่าได้รับการตอบรับกับเพื่อนสมาชิก สนช. สามารถยื่นญัตติได้ในเวลารวดเร็ว .. รวมทั้งมีแรงส่งจากคำให้สัมภาษณ์ในเชิงสนับสนุนจากทั้ง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. .. ไฟเขียวผ่านตลอดแบบนี้ ตลอดจนมีการอ้างว่า “ผู้ใหญ่ในรัฐบาล”หรือ “บิ๊ก คสช.” ก็เห็นดีเห็นงามด้วย .. โดยเฉพาะเสียงเชียร์จากเหล่า “ว่าที่ ส.ว.สรรหา” ทั้งหลาย ที่ออกมาเกาะกระแส ร่ายเหตุผลความจำเป็นกันเป็นแถบ .. กระแสมาแนวนี้ก็เชื่อว่า กระบวนการแก้ไขกฎหมายโดย สนช. ก็คงผ่านฉลุยแบบไม่ต้องลุ้น .. คำถามมีว่า ด้วยปมเงื่อนเท่านี้ สมควรถึงขั้น “ขี่ช้างจับตั๊กแตน”ต้องแก้ไขกฎหมายที่ตัวเองเป็นผู้ร่างขึ้นเอง และเพิ่งมีผลบังคับใช้ กันเลยหรือ .. ทั้งที่เมื่อ กกต.ชุดใหม่ เข้ามาประจำการ ก็มีอำนาจในการสั่งทบทวนการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งได้อยู่แล้ว .. ก็ที่ สนช.ที่อ้าง “บิ๊กรัฐบาล”รีบร้อน ออกหน้า มันดูมีนัยทางการเมืองมากกว่าเสียด้วยซ้ำ .. แล้วก็เป็นไปอย่างที่ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รองประธานรัฐสภา ว่าไว้ว่า การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ เป็นการประจานความอ่อนด้อย ในการตรากฎหมายของ สนช. เอง .. ไม่ ต่างจากถ่มน้ำลาย แล้วก้มไปดูดน้ำลายตัวเองที่ถ่มลงพื้น.
ช.ชฎา