xs
xsm
sm
md
lg

พรรคสุเทพเบ็ดเสร็จ!!“หม่อมเต่า”ขึ้นหัวหน้าพรรค รปช. “คนแรก”เบียด “เอนก" ผู้ชูธง “วาระปฏิรูป” **วิกฤตตุลาการ !? จับตาประชุม “บอร์ดศาล”เคาะตั้งตำแหน่งสำคัญ **“สำนักพุทธฯ”นิมนต์ “เจ้าคุณบุญเทียม”ผู้ต้องหาเงินทอนวัด ออกงานที่พุทธมณฑล

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

**พรรคสุเทพเบ็ดเสร็จ!!“หม่อมเต่า”ขึ้นหัวหน้าพรรค รปช. “คนแรก”เบียด “เอนก" ผู้ชูธง “วาระปฏิรูป”ตกลู่ กลายเป็น “หุ่นเชิด” ที่ “เจ้าของพรรคตัวจริง”ไม่เอา แถมส่ง “คนสนิท”ยึดพรรคเบ็ดเสร็จ สะท้อนไร้ความมีส่วนร่วมอย่างที่โม้ไว้ เปลือยล่อนจ้อน “เทพเทือก”ใช้วาทกรรม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”แค่บังหน้า หมกมุ่น เกาะเกี่ยวอำนาจ ย้ำตลอดต้องเป็น“พรรคร่วมรัฐบาล”เท่านั้น
สุเทพ เทือกสุบรรณ
พลิกล็อกเล็กๆ .. เมื่อผลการประชุม คณะผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงมติเลือก “หม่อมเต่า”ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าพรรค “คนแรก”.. โดยที่ “หนุ่มซินตึ๊ง”เอนก เหล่าธรรมทัศน์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ที่ตีตราจองเก้าอี้หัวหน้าพรรคมานาน ขอ “ถอนตัว”และยังไม่มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรคด้วย .. แม้งานนี้ “เอนก" จะมาเข้าร่วมประชุมตามนัด แต่เมื่อชื่อของตัวเองไม่มาตามนัด ก็น่าคิดว่า “มีอะไรในกอไผ่” .. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของพรรคตัวจริง เป็นผู้เสนอชื่อ “หม่อมเต่า” ด้วยตัวเอง .. แน่นอนว่า คงมีการเตี๊ยมกันมาจาก “หลังฉาก”เรียบร้อยแล้ว อันเป็นที่มาของการที่ “เอนก” ถอนตัว หลังมีสมาชิกคนอื่นเสนอชื่อให้เป็นคู่เทียบกับ “คุณชายเต่า” ..ดูหน้าฉากเหมือนจะลงตัว แต่เชื่อสิ หลังฉากคงต้องคุยกันยาว อย่าลืมว่าตั้งแต่เปิดตัว “พรรครปช.” เมื่อต้นเดือนมิ.ย.เป็นต้นมา “จารย์เหนก”ก็ออกตัวแรงมาตลอด .. ตั้งแต่การยึดฟลอร์โชว์วิสัยทัศน์ “ประชาธิปไตยแบบธรรมาธิปไตย”อีกทั้งสัมภาษณ์หลายครั้งว่า พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรค หากสมาชิกพรรคมีมติเลือก .. “คนระดับนี้” หากไม่มีสัญญาณมาก่อน คงปฏิเสธไปตั้งแต่หัววัน ไม่มานั่งเจี้อยแจ้วอะไรให้เปลืองตัวหรอก .. ความไม่ลงตัวที่เกิดขึ้น คงหนีไม่พ้น “เคมีที่ไม่ตรงกัน”ของ “เอนก - สุเทพ”คนหนึ่งเป็นนักวิชาการที่ยึด “วาระปฏิรูป”เป็นสรณะ .. ในขณะที่อีกคนหนึ่ง เป็น “นักการเมมือง”ที่ยก “วาระปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”บังหน้า เพื่อประโยชน์ของตัวเองตั้งแต่สมัยเป็น “ผู้นำมวลชน” .. คนหลังนี่ไม่นาน “เปลือก” ที่ฉาบไว้ ก็หลุดล่อน หลับหูหลับตา สนับสนุนรัฐบาลที่ไม่เคยสนใจเรื่องปฏิรูป .. แล้วยัง “ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง” ทำพรรคการเมืองลงเลือกตั้ง ทั้งที่ยังไม่มีการปฏิรูป แถมเปลือยตัวล่อนจ้อนว่า “เสพติดอำนาจ”ถึงขนาดประกาศจะต้องเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล”เท่านั้น .. หลังได้สัมผัสตัวตนกันอย่างถ่องแท้ ในมุมของ “เอนก" คงสิ้นหวังกับการผลักดันวาระปฏิรูปผ่าน “พรรคสุเทพ” ครั้นเป็นหัวหน้าพรรค ก็เป็นได้แค่ “หุ่นเชิด” ของเจ้าของพรรคตัวจริง .. ในขณะที่ “สุเทพ”เองก็คิดทุกอย่างเป็น “สมการการเมือง”หลังปล่อยซีนให้ “เอนก" โชว์วิชั่นมาตลอด 2 เดือนกว่า ในฐานะ “ว่าที่หัวหน้าพรรค” แต่ความนิยมของพรรคก็ต้วมเตี้ยม ๆ ไม่เปรี้ยงปร้าง ขายไม่ออก .. จึงมีการเปลี่ยนหมากที่คิดว่าจะทำให้ได้ “ตัวเลข”ที่สามารถ “ต่อรอง” มากกว่า หวยก็เลยมาออกที่ “หม่อมเต่า” ที่มีชื่อเสียง คัดง้างกับ “ระบอบทักษิณ”ในอดีตเป็นทุน อย่างที่ทราบ ..
จัตุมงคล โสณกุล  และ  เอนก เหล่าธรรมทัศน์
แม้จะสับสนเล็กๆในตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ผลการเลือกผู้บริหารพรรค เมื่อวานนี้ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า “พรรค รปช.”ก็คือ “พรรคสุเทพ”ให้เด่นชัดขึ้น .. เมื่อสแกนผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้บริหารพรรค ล้วนแล้วแต่มาจาก “สายสุเทพ”แทบทั้งนั้น โดยเฉพาะรายของ ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความคู่บุญ ของอดีตรองนายกฯ จากผลงานว่าความ “คดีเขาแพง - คดีสลายการชุมนุมเสื้อแดง”ก็เข้าวินตำแหน่งเลขาธิการพรรค แบบไร้คู่แข่ง .. หรือกระทั่ง “สาวพลัม” จุฑาทัตต เหล่าธรรมทัศน์ ในตำแหน่งเหรัญญิกพรรค ที่แม้มีศักดิ์เป็นหลานสาวแท้ๆ ของ “เอนก" ก็ตาม .. แต่เหนือกว่านั้นคือ เธอเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของ “สุเทพ”ช่วงชุมนุม กปปส. เดินถือถุงผ้า รับเงินบริจาคประกบ “กำนันเทือก” เสร็จงานม็อบ ก็มาประจำการอยู่ที่ “ตึกแปซิฟิกคลับ”โดยตลอด .. เมื่อทั้งองคาพยพอยู่ในคอนโทรลของ “สุเทพ” หัวหน้าพรรคตัวจริง ก็ต้องดูว่า “หม่อมเต่า”ผู้มีเครดิตส่วนตัว มีจุดยืนของตัวเองเด่นชัด จะรับสถานะ “หุ่นเชิด”ได้นานแค่ไหน .. น่าสังเกต“คนในพรรค”เองก็เน้นตลอดว่า นี่เป็นเพียงการเลือกกรรมการบริหารพรรค “ชุดแรก”และ “หม่อมเต่า”ถือเป็นหัวหน้าพรรค “คนแรก”เท่านั้น เปิดช่องว่าอาจมี “ชุดที่สอง - คนที่สอง”มาแทนได้ทุกเมื่อ .. สะท้อนว่าอะไรๆ ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยตามที่ “เจ้าของพรรค”ก็ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะใครที่ไปหมกหมุ่นกับ “วาระปฏิรูป” ที่ “สุเทพ”ไม่ได้อินด้วย ก็ทำใจโดนเขี่ยทิ้งเหมือน “จารย์เหนก”ได้เลย.

**วิกฤตตุลาการ !? จับตาประชุม “บอร์ดศาล”วันนี้ เคาะตั้งตำแหน่งสำคัญ ท่ามกลางเสียงค้าน “ผู้พิพากษารายหนึ่ง”ที่ถูกร้องเรียน เรื่องจริยธรรม หลังเข้าไปก้าวก่ายบางคดี จน“ผู้พิพากษาชั้นต้น”ก่อหวอดคัดค้าน สะพัดหาก“บอร์ด ก.ต.”ปล่อยผ่าน อาจมีการเข้าชื่อผู้พิพากษานับพัน ยื่นถอดถอนทั้ง “ตัวปัญหา”และ “บอร์ด ก.ต.” ที่มี “ชีพ จุลมนต์”ประมุขศาลเป็นหัวโต๊ะด้วย
ชีพ จุลมนต์
เรื่องร้อนๆ ข้างบัลลังก์ .. มี “เพื่อนสื่อ”นำเสนอข่าวให้จับตาการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 13/2561 ในวันนี้ (6 ส.ค.) .. ด้วยมี “วาระสำคัญ”พิจารณาการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ระดับ “รองประธานศาลฎีกา-ประธานแผนกคดีในศาลฎีกา” ที่ก่อนหน้านี้ “ข่าวปนคนฯ”เคยกางโผไปแล้วหนหนึ่ง .. ที่โดยปกติ การโยกย้ายแต่งตั้ง “ข้าราชการตุลาการ”มักจะราบรื่น "วิน - วิน" กันทุกฝ่าย ด้วยมีหลักอาวุโส หรือไลน์การขึ้นตำแหน่ง เป็นธรรมเนียมประเพณี .. แต่ปีนี้ทำท่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อให้ต้องจับตามอง กรณี “ผู้พิพากษารายหนึ่ง”ถูกทักท้วงความ เหมาะสมดำรงตำแหน่งสูงในศาลฎีกา .. ด้วยได้รับการโหวตในชั้นอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) ด้วย “เสียงไม่เป็นเอกฉันท์” เสียงข้างมาก 13 เสียงให้ผ่าน แต่มีเสียงข้างน้อย 6 เสียง เห็นว่าไม่เหมาะสม .. เนื่องจากถูก “คู่ความ”ร้องเรียนพฤติกรรมความเหมาะสม และจริยธรรมตุลาการ ในลักษณะแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออก .. ถือเป็นเรื่องใหญ่ของ “วงการตราชั่ง”ที่ทำหน้าที่ในการชี้ถูก-ผิด ให้ความยุติธรรม จำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องไม่มีประวัติด่างพร้อย .. ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะหากในอนาคต “ผู้พิพากษาท่านนั้น” ถูกชี้ว่ามีการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ก็จะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการเสนอรายชื่อเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ..

ขณะเดียวกัน ก็มีการ “ก่อหวอด”ในหมู่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ส่งข้อความถึงพฤติกรรมของ “ผู้พิพากษารุ่นพี่”ที่ไปเกี่ยวพันกับ “คดียักยอก”ภายใน “ครอบครัวของเจ้าของธุรกิจกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง”ที่มีคดี ในศาลต่างๆ รวม 22 คดี .. โดย “ผู้พิพากษาท่านนั้น”ได้ร่วมไปนั่งฟังการพิจารณาทุกครั้ง แล้วยังคอยแทรกแซงการสืบพยาน-ซักค้านโดยตลอด ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีหน้าที่ในห้องพิจารณาคดีนั้น แต่อย่างใด .. ไม่เท่านั้น ยังถึงขั้นข่มขู่จะตั้งกรรมการสอบ “ผู้พิพากษาบนบัลลังก์” ที่ทำหน้าที่ในทางไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายที่ตัวเองถือหาง .. เรื่องนี้ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์กันเล่นๆ ยังมีกระแส ข่าวว่า หาก “ที่ประชุม ก.ต.”ให้ “ผู้พิพากษาจอมกร่าง”ขึ้นตำแหน่ง อาจจะมีผู้พิพากษานับพัน ทั้ง 3 ชั้นศาล ร่วมกันลงชื่อ เพื่อขอให้ถอดถอนได้ .. ไม่ใช่แค่ถอดถอน “ผู้พิพากษาที่มีปัญหา”เท่านั้น ยังอาจจะเลยเถิดไปถอดถอน “ก.ต.”หรือ “บอร์ดศาลยุติธรรม”อีกด้วย .. เรื่องนี้ถือว่า วัดใจ "ชีพ จุลมนต์" ประธานศาลฎีกา ในฐานะประมุขศาล และ ประธานบอร์ด ก.ต.พอสมควร .. เพราะเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ก็มีกรณีคล้ายคลึงกัน เมื่อ ศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ผู้อาวุโสอันดับ 1 (ณ ขณะนั้น) ถูกตีตก ไม่ได้ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกา คนที่ 44 .. เมื่อถูกหักล้าง “หลักอาวุโส”ด้วยเหตุผลเรื่อง “ความเหมาะสม” ก่อนที่ “ท่านชีพ”จะเข้าป้าย ในฐานะอาวุโสอันดับ 2 .. หากผลลัพธ์ครั้งนั้น กับครั้งนี้ เกิดต่างกัน โดยไม่มีเหตุผลดีๆ อธิบายผู้พิพากษาทั่วประเทศ คำว่า “วิกฤตตุลาการ”ที่เคยเกือบจะเกิดเมื่อปีกลาย ก็คงไม่ไกลเกินจริง

** ตกลงเป็นอะไรกัน!? “สำนักพุทธฯ”นิมนต์ “เจ้าคุณบุญเทียม”ผู้ต้องหาเงินทอนวัด ลอต 2 ออกงานที่พุทธมณฑล ทั้งเป็น “เจ้าทุกข์”แจ้งความจับเขาเองแท้ๆ แล้ว “บก.ปปป.”ออกหมายเรียกตั้งแต่ปีกลาย จนป่านนี้ ยังไม่ไปพบ ก็ไม่ยักจะออก “หมายจับ” สงสัยอิทธิฤทธิ์ “สมเด็จสมศักดิ์”เจ้าคณะหนกลาง คุ้มครอง เหมือนเมื่อครั้งปกป้อง“ธัมมชโย แห่งลัทธิจานบิน”จนวินาทีสุดท้าย
เจ้าคุณบุญเทียม
ปลีกวิเวกไปนาน .. จู่ๆ ก็ปรากฏตัว “เจ้าคุณบุญเทียม”พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม ญานินโท) เลขาฯ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการามวรวิหาร ที่มีอีกฐานะเป็น “ผู้ถูกหมายเรียก”ในคดีเงินทอนวัด ลอต 2 .. เมื่อเว็บไซต์ “alittlebuddha.com”ชี้เป้าว่า “เจ้าคุณมีชื่อ”ไปงานปฏิบัติธรรม เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่ “พุทธมณฑล” .. โดยมีหลักฐานคาตา จากแฟนเพจ “ประชาสัมพันธ์พุทธมณฑล”ซึ่งเป็น “เพจทางการ”ที่ดำเนินการโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) .. ที่น่าประหลาดเพราะ “งานปฏิบัติธรรม”ในวันนั้น เจ้าภาพก็คือ พศ. และ พศ.ก็เป็น “เจ้าทุกข์”แจ้งความในคดีเงินทอนวัด ขณะที่ “เจ้าคุณบุญเทียม”ถือเป็น “ผู้ต้องหา”ที่แม้ยังไม่มีหมายจับ แต่ก็มีหมายเรียกติดตัว .. อีกทั้งงานลักษณะนี้ ไม่ใช่จู่ๆ อยากมาก็มา ทาง พศ. ต้องออกหมายนิมนต์พระเพื่อเข้าร่วมงาน เห็นว่า “เลขาฯ เจ้าคณะหนกลาง”มีตำแหน่งเป็นเลขาฯ ของโครงการดังกล่าว .. แต่ก็นั่นแหละ มีอย่างที่ไหน “เจ้าทุกข์-ผู้ต้องหา” ร่วมงานกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น .. อีกทั้งหากใช้มาตรฐานเดียวกับ “ภิกษุผู้ต้องหารายอื่นๆ”ก็อาจจะอุปมาได้ว่า “ท่านบุญเทียม”เข้าข่าย สิ้นสุดความเป็นสงฆ์ไปแล้วด้วยซ้ำ .. เพราะอดีตภิกษุ “พระราช-พระพรหม”ที่ต้องคดีเดียวกัน เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ถูกสึกจากความเป็นพระถ้วนหน้า ..
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์  และ  พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์
คำถามคือ ทำไม “เจ้าคุณบุญเทียม”ยังไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งที่ถูกระบุว่า เป็นผู้ต้องหาก่อนหน้าที่ 5-6 อดีตเจ้าคุณที่อยู่ในเรือจำตอนนี้ด้วยซ้ำ .. น่าสงสัยไม่น้อย เพราะมีข่าวมาตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีก่อน ว่า “ตำรวจ ปปป.”ออกหมายเรียก “เจ้าคุณบุญเทียม”รับทราบข้อหาในคดีเงินทอนวัด แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่ยักจะมีใครยืนยันว่า ได้ไปพบเจ้าพนักงานตามหมายแล้วหรือยัง .. แปลกไปอีก เมื่อทาง“บก.ปปป.”เองก็ไม่ยักจะยืนยันว่า มีการออกหมายเรียก จริงหรือไม่ แล้วหากไม่ไปตามหมาย ทำไมถึงไม่มี “หมายจับ”ดังเช่นคนอื่นๆ .. แล้วยังมีข่าวจากทาง “วัดพิชัยญาติ”ระบุว่า “ท่านบุญเทียม”ไม่อยู่วัดนานหลายเดือน ตรงเข้าข่าย “หลบหนี”เพียงพอต่อการออกหมายจับหรือไม่ อย่างไร .. งานนี้น่าสนใจว่า อาจมีอิทธิฤทธิ์ “สมเด็จสมศักดิ์” สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง สมภารวัดพิชัยญาติ ทำให้ “ลูกน้องคนสนิท”ยังอยู่รอดปลอดภัยในผ้าเหลือง เหมือนเมื่อครั้งออกหน้าปกป้อง “ธัมมชโย”จนถึงวินาทีสุดท้ายหรือไม่ .. แต่ที่น่าฉงนมากที่สุด หนีไม่พ้น “สำนักพุทธฯ”ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่พุทธมณฑล .. ว่าเหตุใดถึงต้องนิมนต์ “เจ้าคุณบุญเทียม”ผู้ต้องหาในคดีที่ตัวเองกล่าวโทษร้องทุกข์ ไปร่วมงานด้วย เพราะมันดูย้อนแย้งชอบกล .. คล้ายกับประทับตรารับรองว่า “ท่านบุญเทียม”เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้กระทำผิดอย่างที่ตัวเองไปแจ้งความเอาไว้นี่สิ
 
ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น