ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ระวังซ้ำรอย!! ปม “ป่าแหว่ง”ต้องรีบหาทางออก ขืน “ลากถ่วง”ไปเรื่อย เหมือนปล่อย “ข้าราชการชั้นผู้น้อย”อาศัยอยู่บน “ระเบิดเวลา” ที่สภาพลาดชันไม่ต่าง “บ้านห้วยขาบ”ที่เป็น “อุทาหรณ์” กับโศกนาฏกรรม ดินสไลด์สูญเสีย 8 ราย ทั้งที่มีผืนป่าดั้งเดิมปกคลุม แต่ “ป่าแหว่ง” เจอย่ำยีจนไม่เหลือเค้าเดิม คงไม่ครณามือ หากธรรมชาติจะลงโทษ
ขาประจำหน้าฝน .. “ดินโคลนถล่ม”ภัยธรรมชาติที่เป็น “ลูกคู่”ของ “ฤดูฝน”โดยเฉพาะในพื้นที่ฝนตกชุกหนาแน่นต่อเนื่อง .. ล่าสุดกับโศกนาฏกรรมสะเทือนใจ ที่บ้านห้วยขาบ ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ไม่เพียงทำถนนเสียหาย สัญจรไม่ได้ ยังก่อให้เกิดความสูญเสีย มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย .. เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับหมู่บ้านที่อยู่บริเวณพื้นที่สูงชัน หรือ “ลาดเขา”เมื่อฝนตกหนัก ทำให้น้ำไหลซึมชั้นดิน จนดินไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ แม้จะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมตามธรรมชาติก็ตาม .. สะท้อนให้เห็นถึงสภาพพื้นที่ “ลาดชัน”ไม่เหมาะสมกับการเข้าพักอาศัยด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะในพื้นที่ฝนตกชุก .. พาลให้นึกไปถึง “หมู่บ้านป่าแหว่ง” หมู่บ้านพักตุลาการ เชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ .. ที่แม้ว่าจะมีข้อสั่งการชัดเจนจาก “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห้ามเขาพักอาศัย แต่ก็ได้ “อนุโลม” สำหรับ “ข้าราชการชั้นผู้น้อย” หลายสิบครัวเรือน เข้าไปพักอาศัยไปพลาง ในระหว่างการขออนุบัติงบประมาณเพื่อหาสถานที่พักทดแทนให้ โดยการกำกับของ “เดอะโก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี .. ซึ่งก็ดูท่าแล้วคงไม่เสร็จในเร็ววัน จะบอกว่าเหมือนปล่อยให้เหล่า “สมาชิกหมู่ป่าแหว่งรุ่นแรก” ต้องอาศัยอยู่บน “ระเบิดเวลา” ก็คงไม่ผิด ..
ด้วยสภาพพื้นที่ก่อสร้าง “ป่าแหว่งวิลเลจ” ที่เคยเป็น “ป่าสมบูรณ์”ถูกแผ้วถางจนไม่เหลือเค้าเดิม แล้วยังมีการนำต้นไม้ใหญ่ ไปประดับ ปูหญ้าสวยงาม จน “ผิดธรรมชาติ”ไปหมด .. แล้วยังมีข้อมูลทางวิศวกรรม ชี้ชัดว่า “พื้นที่หมู่ป่าแหว่ง”ที่มีแนวดินสโลปเกิน 30% ไม่เหมาะแก่การสร้างถาวรวัตถุ.. พูดได้เลยว่า ทางกายภาพ “บ้านป่าแหว่ง” ดูเลวร้ายกว่า “บ้านห้วยขาบ”เสียด้วยซ้ำ .. ในขณะที่ “บ้านห้วยขาบ”มีผืนป่าดั้งเดิมปกคลุมตามธรรมชาติ ยังรับไม่ไหว กลายเป็นโศกนาฏกรรม .. แล้ว “บ้านป่าแหว่ง”ที่ผืนป่าไม่เหลือเค้าเดิม ความหนาแน่นของผิวดิน ก็ถูกย่ำยีจนยับเยิน .. ก่อนหน้านี้ แค่ “ช่วงต้นฝน” ก็เคยมีภาพตัวอย่างให้เห็นกันมาแล้ว จน “กลุ่มต้าน”เคยท้าทายเลยว่า “อยู่ได้ อยู่ไปเต๊อะ” .. เพียงแค่เจอน้ำเซาะไม่นาน ดินเริ่มสไลด์ทรุดตัว บางจุดโหว่เป็นโพรง คานปูนลอยเหนือพื้น ถือเป็น “สัญญาณเตือน”จากธรรมชาติ .. แล้วก็ยังมีกรณีความสูญเสียที่ “บ้านห้วยขาบ”เป็น “อุทาหรณ์”อีก การณ์เป็นเช่นนนี้แล้ว ก็คงต้องรีบหาทางออกให้เร็วที่สุด .. นึกดูว่า หากเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมา แล้วใครจะรับผิดชอบ .. ซ้ำร้ายอาจจะไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากสังคมเหมือนกรณีอื่นๆอีกต่างหาก
**มาถูกทางแล้ว!! “โอ๊คตัวปลอม”โชว์กึ๋นการเมืองไม่เปรี้ยง ผิดกับ “โอ๊คตัวจริง”ที่สวมบท “แฟนบอยสายเปย์”ทุ่มเงินแสน ชอปเครื่องสำอาง หวังได้สัมผัส “ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป”ใกล้ชิด แล้วยังใจป้ำ จับแจกลิปสติกเกลี้ยงสต๊อก ทำเอายอดรีทวิตถล่มทลาย “แฟนคลับ-แฟนชัง”ลืมเรื่องการเมือง วันเดียวรีทวิต รัวๆแสนกว่าข้อความ
ดูจะไม่สะทกสะท้าน .. รายของ “ลูกโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ทายาททักษิณ ที่ดูจะสับสนบทบาทตัวเองไม่น้อย ก็ในระหว่างที่ใช้พื้นที่โซเชียล แขวะกระบวนการส่งฟ้องคดีฟอกเงินของตัวเองแล้ว .. ยังแวะเข้าประเด็นการเมือง โพสต์บทวิเคราะห์ยาวยืด “สามมิตร สามดูด” หวังโชว์กึ๋นทางการเมือง .. แต่ไม่เปรี้ยงปร้าง แถมยังถูกจับได้ไล่ทันว่า คงไปไหว้วานให้ “โอ๊คตัวปลอม” ขีดเขียนบทความล้อ“ทฤษฎีสมคบคิด” ย้อนอดีตกาลสมัย “ไทยรักไทย” ที่ดูดไม่ต่างกัน บลาๆๆๆๆ .. ที่เผอิญเนื้อหาดันไปตรงกันเป๊ะ กับบทวิเคราะห์การเมืองของ “สื่อใหญ่ค่ายแดง” ราวกับเป็นคนๆ เดียวกันเขียน .. ยิ่งชัดเจนเมื่อ “โอ๊คตัวจริง”ผู้ไม่เคยอินกับการเมือง เปลือยกายความเป็นตัวตนของ “เซเลปบริตี้” ถนัดสร้างสีสันเชิง “ข่าวบันเทิง” มากกว่า “ข่าวการเมือง” .. กับการประกาศตัวเป็น “แฟนบอย”ของ “ลิซา” ลลิษา มโนบาล นักร้องสาวชาวไทยจากเกิร์ลกรุ๊ปดัง Black Pink .. สวมวิญญาณ “ลูกเศรษฐี”โดดเข้าร่วมแคมเปญ เพื่อให้ได้เจอ “สาวลิซา”อย่างใกล้ชิด .. ทุ่มเงินแสน เปย์อย่างหนัก ชอปเครื่องสำอางที่ “สาวลิซา” เป็นพรีเซนเตอร์ ตามกติกาที่ระบุว่า ผู้ที่จ่ายเงินซื้อเครื่องสำอางแบรนด์ดังกล่าว มากกว่า 1 หมื่นบาท และ เป็น Top Spender สูงสุด 10 อันดับแรก จะได้รับโปสเตอร์ พร้อมลายเซ็น สิทธิ์เข้างานแถลงข่าว สิทธิ์ถ่ายรูปคู่แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ “ไอดอลตัวท็อป” ..
งานนี้ “พ่อหนุ่มโอ๊ค”ที่ป่วยหนัก หอบสังขารไปเหมาลิปสติกจนหมดร้าน รวมเสร็จสรรพ ซื้อทั้งระบบออนไลน์-ออฟไลน์ 1.3 แสนบาท แบบชิลล์ๆ .. ที่สำคัญยัง “โชว์รวย”ว่าเศษเงิน 1.3 แสน ที่ไม่กระเทือนขนหน้าแข้ง ใจป้ำจับแจกฟอลโลเวอร์เกลี้ยงสต๊อก ทำเอายอดรีทวิตถล่มทลาย วันเดียว “แฟนคลับ-แฟนชัง”ลืมเรื่องการเมือง กดกันรัวๆ เกินแสนรีทวิต .. น่าจะเป็นการย้ำว่า “พานทองแท้”มาถูกทางแล้ว การเมืองเรื่องหนักๆ ไม่ค่อยเหมาะ มาเป็น “ติ่งนักร้อง”เล่นเรื่องเบาสมองแบบนี้ เรตติ้งดีกว่าแยะ.
** แค่ทำตามขั้นตอน!! “ขุนทหาร”ประเคนของขวัญ “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์”ต่อเนื่อง ล่าสุด “กต.ไทย”ส่งจดหมายขอตัว “หนูปู”ผู้ร้ายข้ามแดนถึงทางการอังกฤษ คงหวังดับซ่า “นายใหญ่ดูไบ” ที่เหน็บแรง “กระโปรงลายพราง” ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย ตามคำ “ทูตดอน”ที่ยันชัด แค่ “ทำตามขั้นตอน ไม่ใช่นโยบาย”แบบนี้ “สองศรีพี่น้อง” ก็ใช้ชีวิตดีดีย์ ให้ “ลิ่วล้อ”ปวดใจกันต่อไป
มีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน .. สำหรับ “ครอบครัวชินวัตร”ไล่เรียงมาตั้งแต่ วันคล้ายวันเกิด “คุณหนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 21 มิ.ย. จนมาถึงวันเกิดพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา .. ส่วนใหญ่จะเป็น “ข่าวไม่ค่อยดี”ซะมาก ทั้งความเคลื่อนไหว ใช้ “ชีวิตดี๊ดีย์”จน “ลิ่วล้อ”ค้อนขวับ หวั่นไหวไปกับ “พลังดูดสามมิตร” จนค่ายเพื่อไทยใกล้แตกเป็นเสี่ยงๆ .. เรื่อยมาจนถึง “ของขวัญวันเกิด” ของ “นายใหญ่ดูไบ”ทั้งการที่ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร กำลังถูกเอาคอไปพาดเขียง เมื่อ โดน “ดีเอสไอ”หิ้วตัวไปส่งฟ้องกับ “อัยการ”ในคดีฟอกเงินกรุงไทย นัดหมายฟังผลกัน วันที่ 5 ก.ย.นี้ .. หรือ “หมายจับใบที่ 5”ของ “ทักษิณ” ในคดีหวยบนดิน ที่คลอดออกมาช่วงก่อนจัดปาร์ตี้วันเกิด .. ทำเอา “บิ๊กบอส”นอตหลุดเล็กๆ เหน็บแนม “รัฐบาล คสช.”ว่าเป็นซุก “กระโปรงลายพราง”ไปนู่น ..
แล้วก็เจอตอกกลับทันควัน เมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยส่งจดหมายขอตัว“ยิ่งลักษณ์” ในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน”กับกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร .. แต่ก็อีกนั่นแหละ คงทำอะไรไม่ได้ เป็นเพียง “ทำตามขั้นตอน ไม่ใช่นโยบาย”อย่างที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ว่าไว้ .. ก็ดูอย่าง “ทักษิณ”ขอตัวไปหลายปีดีดัก ก็ยังเพ่นพ่านไปได้ทั่วโลก หรือ.. จะว่าไป ไม่ว่าหมายจับใบที่ 5 หรือใบที่ 10 เข้าให้แล้ว หรือรวมกันครบตระกูล ครบโหล สองศรีพี่น้อง ก็ยังลั๊ลลา ใช้ชีวิตดีดีย์ ให้ “ลิ่วล้อ”ปวดกระดองใจเล่นกันต่อไป
**เสร็จตาอยู่!! เดินหน้าเลือก “(ว่าที่) ประธาน กกต.”ไม่สนเสียงทัก เต็งหนึ่ง-เต็งสอง “ฉัตรไชย-ธวัชชัย” ซดน้ำแห้ว ก้าวข้ามสูตรสำเร็จ “สายตุลาการ-หลักอาวุโส” เลือกให้เกียรติผู้ได้รับเสียงโหวตสูงสุดในชั้น สนช. หวยออก “ทูตปุ๊”อิทธิพร บุญประคอง อดีตทูตหลายประเทศ ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อปิดจุดอ่อน “องค์กรมหาเทพ”
พลิกล็อกถล่มทลาย .. การประชุม ว่าที่ กกต. ทั้ง 5 ราย เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ที่มี “วาระสำคัญ”พิจารณาเลือก “ว่าที่ประธาน กกต.” .. ท่ามกลางความเห็นแตกเป็นสองทาง ทางหนึ่งก็ว่า เลือกได้ ไม่มีปัญหา อีกทางหนึ่งก็แสดงความเป็นห่วงว่า ว่าที่ กกต. ที่ได้มาเพียง 5 จากที่ต้องมีทั้งหมด 7 คน อาจไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก .. จนแล้วจนรอด ก็เป็นไปตาม “ธง”ของ “ผู้มีอำนาจ”ที่กดรีโมตไว้แล้วว่า “ต้องเลือก” แม้รู้ดีว่า “ผู้เกี่ยวข้อง”ก็หวั่นใจไม่น้อยกับ “ข้อสังเกต”ที่ออกมาจากหลายฝ่าย จนต้องขอเวลาทำใจ เลื่อนการประชุมมาเป็นช่วงบ่าย .. เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก็เลยปล่อยคิวระดับ “ซือแป๋”ออกมาประทับตรา รับรอง ต้องถึงมือ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) .. ใช้ดีกรี ต้นตำรับ “นักกฎหมายประเทศไทย” พูดคีย์เดียวกับศิษย์น้อง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ .. ในทำนอง “ยุส่ง”ให้ 5 ว่าที่ กกต. เลือกประธานตามนัดไปเลย ทั้ง “สง่างาม”แถม “ชอบด้วยกฎหมาย” ..ได้ฟังแค่นี้ก็ใจชื้นขึ้นเป็นกอง ปิดห้องประชุมปั๊บเดียว ก็ได้ตัว “หัวโต๊ะดรีมทีมกรรมการเลือกตั้ง” ..
ฮือฮาไม่น้อย เมื่อเก้าอี้ไปหล่นใส่ “ทูตปุ๊”อิทธิพร บุญประคอง อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ และ อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญา .. ปาดหน้า “เต็งหนึ่ง” ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ว่าที่ กกต. จากสายตุลาการ .. รวมทั้ง “เต็งสอง”อย่าง “เดอะช้าง” ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าฯ หลายจังหวัด ที่ว่ากันว่า “บิ๊กคลองหลอด”ส่งเข้าประกวด .. การที่ “ตาอยู่”ที่ “ข่าวปนคนฯ” หยอดเอาไว้เมื่อวันก่อน อย่าง “ทูตปุ๊”ทะลุกลางปล้อง “เต็งหนึ่ง-สอง” ขึ้นมาได้ สะท้อนให้เห็นถึง “ข้อกังวลบางประการ”ในระดับอำนาจไม่น้อย .. ก็ด้วยในชั้นพิจารณาประวัติ ที่มา-ที่ไปของ “ว่าที่ 5 เสือ กกต.”ของ สนช.มีการตั้งข้อสังเกต “ตำหนิด่างพร้อย”ของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการใน "องค์กรมหาเทพ” .. ผลการเลือก ว่าที่ประธาน กกต. จึงต้องก้าวข้ามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ทุกครั้งจะให้ “สายตุลาการ”ทำหน้าที่ประธาน ตลอดจน ละ “หลักอาวุโส”ที่เคยใช้ๆ กันมา .. ก็เลยเข้าล็อกที่ต้อง “ให้เกียรติ”ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในการโหวตในชั้น สนช. .. ที่ปรากฏว่า “ทูตปุ๊”มาวิน ด้วยคะแนน เสียงเห็นชอบ 186 เสียง ไม่เห็นชอบ 10 เสียง เฉือนเพื่อร่วมทีมรายอื่นไปคนละ 2-3 แต้ม .. อีกทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ของ “ทูตปุ๊” เองก็เป็นที่ยอมรับในแทบทุกวงการ จึงกลายเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุด”ในการนำพาองค์กรที่ต้องพานพบกับแรงเสียดทานอีกเพียบ .. หากดื้อดึงฉุดคนที่มี “จุดอ่อน”ขึ้นมานำทัพ เกรงว่าอาจจะจอดไม่ต้องแจวกันยกคณะ โรดแมปเลือกตั้งก็มีหวังล้มคว่ำ คะมำหงาย กันไปอีก
** งามหน้าอีกแล้ว!! เด้ง 10 ตำรวจ 3 โรงพัก เซ่นคดี "สาววัย 19" ดับมีเงื่อนงำ ประจาน “รอยรั่ว”ของ “ต้นธารความยุติธรรม”ซ้ำอีก สมัยนี้อยากให้คดีเดินเร็ว ต้องใช้โซเชียลฯ ขับเคลื่อน แล้วยังปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาปาดหน้าเป็น “พระเอกขี่ม้าขาว”ส่วน “ตำรวจ”จาก “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ก็กลายเป็น “ผู้ร้าย”ไปเสียเอง
ความวัวยังไม่หาย .. กรณีชายวัยกลางคนกระโดดตึกศาลอาญา "ปลิดชีวิตตัวเอง" หลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา "ยกฟ้อง" คดีฆาตกรรมลูกชายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา .. ที่มีคำถามถาโถมถึง “ต้นธารความยุติธรรม”อย่าง “ตำรวจ”ในฐานะ "พนักงานสอบสวน" ว่าได้หน้าที่แสวงหาพยานหลักฐานทำสำนวนคดีได้อย่าง “สมบูรณ์”หรือ “บกพร่อง”ประการใด .. แล้วยังมีประโยคทำร้ายน้ำใจกันอย่าง “(ตำรวจ) ไล่ให้ไปหาหลักฐานเอง บอกในอดีตชาติ หลานชายเคยแทงคนตาย ชาตินี้จึงต้องชดใช้กรรม” หลุดออกมาจากครอบครัวผู้สูญเสียอีก .. ร้อนถึง “บิ๊กหยม”พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต้องสั่ง "รื้อคดี" ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ..
ไม่ทันไร “ความควาย”ก็มาตบหน้า “กรมปทุมวัน” อีก จากกรณี เด็กสาววัย 19 "น้องหญิง" นรีกานต์ ยาวิราช เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ จากการตกลงจากรถเทรลเลอร์ ในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา .. ที่ปรากฏว่า “สภ.บางปะอิน” เจ้าของพื้นที่ ไม่รับเรื่อง หรือตรวจสอบทางคดี แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในคดีอุบัติเหตุ .. ทั้งที่สภาพของผู้เสียชีวิต ขัดแย้งกับผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ ที่ระบุว่า ผู้ตายถูกของแข็งไม่มีคม ตีเข้าที่ท้ายทอย .. คดีนี้ผ่านไปกว่า 10 วัน ไร้ความคืบหน้าจากตำรวจ จนครอบครัวเด็กสาว ต้องขอความช่วยเหลือจาก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ของ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความคนดัง รวมทั้งมีการกระพือจนเป็นกระแสทางโซเชี่ยลฯ .. เท่านั้นแหละ ข้อมูลทางคดีหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ประจาน “รอยรั่ว”ของ “ต้นธารความยุติธรรม” อย่างการทำงานของ “สภ.บางปะอิน” .. ที่สุดก็ต้อง “แก้ผ้าเอาหน้ารอด”ด้วยการ สั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องนับ 10 ราย ทั้งกรณีดำเนินคดีล่าช้า และปล่อยให้ผับเปิดเกินเวลา .. เป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดๆว่า การทำงานของ “ตำรวจ”มีปัญหาจริงๆ ทั้งที่ควรทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”เป็นที่พึ่งของประชาชน .. ยิ่งนานวันยิ่งมีช่องโหว่-รูรั่วมากขึ้น จนกลายเป็นว่าทุกเรื่องต้องใช้โซเชี่ยลฯ ขับเคลื่อน เปิดทางให้ใครก็ไม่รู้มาเป็น “พระเอกขี่ม้าขาว” แล้ว “ตำรวจ”จากผู้อำนวยความยุติธรรม ก็กลายเป็น “ผู้ร้าย”ไปเสียเอง .. เสียงเรียกร้อง “ปฏิรูปสีกากี”ก็เลยไม่สร่างซา ปล่อยไว้แบบนี้ มันไม่ดีนะโยม
ช.ชฎา