กอ.รมน.ให้จังหวัดสำรวจสภาพแวดล้อมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในการแก้ไขปัญหาทุกกรณีให้ยึดหลักรัฐศาสตร์ควบคู่ไปกับหลักนิติศาสตร์ รวมถึงเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
วันนี้ (18 ก.ค.) พล.ต.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 61 กอ.รมน.ได้ประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ครั้งที่ 7/2561 วาระพิเศษ โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน.เป็นประธาน ซึ่งในครั้งนี้ได้ให้ รอง ผอ.รมน.จังหวัด (ฝ่ายทหาร) ทั้ง 77 จังหวัด เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังการชี้แจงและมอบแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยมีสาระสำคัญให้ทราบดังนี้ จากปัญหาสภาวะแวดล้อมเป็นพิษอันเนื่องมาจาก ฟาร์มเลี้ยงหมู, ฟาร์มเลี้ยงไก่, โรงงานคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์, โรงงานรีไซเคิลพลาสติก และโรงงานกำจัดขยะคัดแยกขยะ ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมา กอ.รมน.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าสถานประกอบการเหล่านี้ได้ปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดลงในพื้นที่เกษตร, ลำรางสาธารณะ, สระเก็บน้ำสาธารณะ, มีการลักลอบนำขยะมีพิษไปทิ้งหรือฝังกลบอย่างไม่ถูกวิธี และมีฝุ่นละอองจากโรงงาน ซึ่งปัญหาทั้งหมดได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น พื้นที่ทำการเกษตรของราษฎรเสียหาย, แหล่งน้ำถูกทำลายและเน่าเสีย, เป็นแหล่งระบาดของเชื้อโรค, มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และทำลายระบบนิเวศ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง และสระบุรี
เลขาธิการ กอ.รมน.จึงได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัดได้ติดตามและการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการประสานงานและบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ และในกรณีที่มีปัญหาให้เข้าไปช่วยเหลือ ขับเคลื่อนการแก้ไขให้มีการประกอบการอย่างถูกต้องตามระเบียบและข้อบัญญัติของกฎหมายทุกประการ เพื่อเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ด้านการจัดระเบียบสังคม ได้ให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัดได้บูรณาการกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในรูปแบบประชารัฐ เพื่อสร้างสังคมคุณภาพ ได้แก่ การแก้ไขปัญหายาเสพติด, การกำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะให้ปฏิบัติตามกฎหมาย, การจัดระเบียบชายหาด, การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกกรณี นอกจากนี้ เลขาธิการ กอ.รมน.ได้เน้นย้ำให้ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัดได้ยึดถือคำสั่งและนโยบายของ ผอ.รมน.ที่ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสภาพแวดล้อมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในการแก้ไขปัญหาทุกกรณีขอให้ยึดหลักรัฐศาสตร์ควบคู่ไปกับหลักนิติศาสตร์ รวมถึงเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ในกรอบวินัยของข้าราชการที่ดี ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีล่าสุด ปรากฏว่าไม่มีกำหนดการพบผู้นำท้องถิ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขณะที่กำหนดการเดิมที่ยังไม่เป็นทางการ นายกฯ มีกำหนดการพบผู้นำท้องถิ่นเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่หอประชุมไทยพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทันทีที่ตัดสินใจลงพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีกระแสการดูดอดีต ส.ส.ที่สะพัดมากขึ้น จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจยกเลิกกำหนดการดังกล่าว