xs
xsm
sm
md
lg

โรงไฟฟ้าพลังงาน “ใต้โต๊ะ”!!จ่าย 20 ล้าน แลกชนะประมูลก่อสร้าง **โปรเจกต์แสนล้านสะดุด!! “มหาดไทย”ต้องอ้าง “หัวหน้า คสช.”สั่งเร่งผุดศูนย์กำจัดขยะฯ **เบื้องหลังไม่ธรรมดา“อวยชัย วะทา”แกนนำปฏิญญาชักดาบ **น้องๆเพนท์เฮ้าส์ !! บ้านพักตุลาการในหมู่บ้านป่าแหว่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**โรงไฟฟ้าพลังงาน “ใต้โต๊ะ”!!“ทางการญี่ปุ่น”สอบ “เจ้าหน้าที่ MHPS” จ่ายสินบน 20 ล้าน แลกชนะประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าในไทย คาด “โรงไฟฟ้าต้องสงสัย”อยู่ปักษ์ใต้ เป็นโรงสร้างใหม่แทนโรงเก่า เพิ่งเดินเครื่องเมื่อกลางปี 2559 มี “รัฐวิสาหกิจไทย”ถือหุ้นอยู่ 25% กลายเป็น“หนังตัวอย่าง” ว่า ทำไม “คนแถวๆคลองหลอด”ถึงเร่งสปีดดันโครงการโรงไฟฟ้ากันตัวซีด ตัวสั่น

งามหน้าอีกแล้ว .. ข่าวจาก “แดนปลาดิบ”ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ขณะนี้สำนักงานสืบสวนพิเศษของอัยการกรุงโตเกียว กำลังสืบสวน“บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด”หรือ “MHPS” ในข้อหาละเมิดกฎหมายป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม .. จากกรณีที่ “MHPS” จ่ายสินบนมูลค่ากว่า 60 ล้านเยน ผ่าน “นายหน้า”ให้กับ “เจ้าหน้าที่ทางการของประเทศไทย” ..สินบนที่ตีเป็นเงินไทยราว 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการชนะประมูลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนในประเทศไทย เมื่อปี 2556 .. มีรายงานอีกว่า ทางการญี่ปุ่น ใกล้ที่จะได้ข้อสรุปในต้นสัปดาห์หน้า .. นอกเหนือจากการลงโทษตามกฎหมายญี่ปุ่นแล้ว ก็จะส่งเรื่องมายัง “ทางการไทย” ดำเนินการไปด้วยเช่นกัน .. เหมือนอย่างหลายกรณีๆ เช่น “สินบนโรลรอยส์”หรือ “GT 200” ที่ต่างประเทศลงโทษคนผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่จนป่านนี้กระบวนการในไทยยังเงียบกริบนั่นแหละ ..
โลโก้ บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด
แม้ผลสอบ “สินบน MHPS”จะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการยืนยันผลการสืบสวนภายในของ “MHPS” เอง ที่ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่บริษัท กระทำความผิดจริง .. ทีนี้ก็น่าสนใจว่า “โรงไฟฟ้าใต้โต๊ะ”ที่มีเรื่อง “สินบน” เข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นโครงการไหนกันแน่ ด้วย “MHPS” มีการดำเนินโครงการในไทยค่อนข้างเยอะ .. แต่เมื่อเป็นการจ่าย “ใต้โต๊ะ”ให้ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ก็ย่อมหนีไม่พ้น “โรงไฟฟ้าของรัฐ” อย่างแน่นอน .. โดย “โรงไฟฟ้าต้องสงสัย”นั้นอยู่ในพื้นที่ “ภาคใต้” เป็นโรงไฟฟ้าส่วนที่สร้างใหม่ “โรงที่ 4” แทนโรงเก่า เริ่มเดินเครื่องเมื่อกลางปี 2559 .. โดยมี “รัฐวิสาหกิจไทย”ถือหุ้น 25% และบริษัทจากญี่ปุ่น ถือหุ้นอยู่ราว 25% มีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. เป็นเวลา 25 ปี .. เมื่อครั้งสร้างเสร็จ ใหม่ “MHPS” โวสนั่นลั่นทุ่งว่า เป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว .. ผลประโยชน์เบี้ยใบ้รายทางแบบนี้ ก็กลายเป็น “หนังตัวอย่าง”ว่า ทำไม “คนแถวๆคลองหลอด”ถึงเร่งสปีดดันโครงการโรงไฟฟ้ากันตัวซีดตัวสั่น.

** โปรเจกต์แสนล้านสะดุด!! “มหาดไทย”ต้องอ้าง “หัวหน้า คสช.”สั่งเร่งผุด “ศูนย์กำจัดขยะฯ”324 แห่งทั่วประเทศให้เสร็จใน 1 เดือน ขู่ “ข้าราชการ - ท้องถิ่น”ที่ใส่“เกียร์ว่าง” เลี่ยงขาแหย่คุก เหตุมี “กรณีศึกษา”ใช้งบฯไม่ถูกต้อง สร้างแล้วใช้ไม่ได้ ที่ สตง. กำลังจ้องเขม็งเป็นตัวอย่าง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ติดกึกติดกัก ไม่ไปไหนซักที .. อภิมหาโปรเจกต์แสนล้าน “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ”ในมือกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกยกเป็น“วาระแห่งชาติ” ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ คสช.เข้ามามีอำนาจ .. ผ่านมา 4 ปีกว่า ก็ยังไม่ถึงไหน ทั้งใช้มาตรา 44 กรุยทางผ่านตลอด เว้นการทำรายงาน อีไอเอ ฉีกทิ้งกฎหมายผังเมือง ที่เป็นอุปสรรค “ขวางทางเสือ”แล้วก็ตาม .. อะไรๆ ที่เคยคิดว่า “หวานเจี๊ยบ”กลืนคล่องคอ กลับกลายเป็น “ยาขม”จนแล้วจนรอด ก็เร่งไม่ขึ้น ปัญหานานัปประการที่มาจาก “ความไม่ชอบมาพากล”แก้ไม่ตก .. กระทั่ง “ศูนย์จัดการขยะครบวงจร”แหล่งรวบรวมขยะในแต่ละพื้นที่ ที่กดปุ่มอนุมัติงบไปแล้วหลายพันล้าน ก็มีปัญหาแทบทุกที่ .. ไม่ว่าจะเป็น “ปทุมธานี” ที่หมายมั่นให้เป็น “ต้นแบบ” การจัดการขยะป้อน “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ”ก็ทำท่าจะไปไม่รอด เมื่อถูกแรงต้านจากชาวบ้าน .. เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่า อาจมี “ข้าราชการ - นักการเมือง” รับผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง .. หรือการใช้งบที่ส่อผิดปกติ จนโครงการสร้างโรงแยกขยะ งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ที่ “เชียงราย”ใช้งานไม่ได้ และมีการชงเรื่องให้ตรวจสอบกันอยู่ .. ที่ว่ากันว่ากลายเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย”ทำให้ “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หักกับ “ขาใหญ่คลองหลอด”จนต้องจากเมืองเจียงฮาย เด้งไปอยู่ จ.พะเยา .. เป็นกรณีคล้ายกับศูนย์กำจัดขยะ ที่นาแก จ.นครพนม ที่ใช้งบฯ 72 ล้านบาท สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 54 แต่ใช้การไม่ได้ ซึ่ง สตง.กำลังเข้าไปไล่เบี้ย หาผู้รับผิดชอบทั้งแพ่ง-อาญา อยู่ในขณะนี้ .. กลายเป็น “เรื่องขยะๆ”ที่ดูเหมือนข้าราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองก็ไม่อยากยุ่งด้วย เหตุประตูคุกเปิดอ่าซ่า ภัยจะมาถึงตัว แน่นอนว่า คงทำให้เจ้าภาพหลักอย่าง “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เก๊กซิมไม่น้อย .. ที่น่าเจ็บใจก็ตรงที่ มาสะดุดกับข้าราชการ-ท้องถิ่น “ใต้บังคับบัญชา”พากันสับ “เกียร์ว่าง”เลี่ยงขาแหย่คุกกันเป็นแถบ ..

ในขณะที่สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จู่ๆก็มีความเคลื่อนไหวออกมาจากตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อมีรายงานว่า “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการให้ “กระทรวงมหาดไทย”เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยทั้งระบบให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว .. ระบุด้วยว่า “ให้เร่งจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร ในทุกกลุ่มพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7,852 แห่ง ที่มีการรวมกลุ่มเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศ จำนวน 324 กลุ่ม ตามจำนวนภูเขาขยะ 324 ลูก ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน” ..อดไม่แปลกใจไม่ได้ว่า “นายกฯตู่”ได้ล่วงรู้ปัญหาการสร้างศูนย์กำจัดขยะฯ ที่ผ่านๆ มา ที่กองพะเนิน เน่าเสียยิ่งกว่าขยะซะอีกหรือไม่ .. หรือมี “บางคน”ไปเว้าวอนขอร้อง หวังเอา “คำสั่งนายกฯ”หรือพูดให้ถูก “คำสั่งหัวหน้า คสช.”ไปเป็น “ดาบอาญาสิทธิ์”จูนเครื่อง “ข้าราชการ - ท้องถิ่น”หรือไม่ ประการใด .. ซึ่งหากใครไม่ปฏิบัติตาม ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าอะไรจะตามมา ก็ขนาดคนดีมีคุณภาพอย่าง “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”ยังไม่รอดเงื้อมือ “เจ้าพ่อคลองหลอด”มาแล้ว

**เบื้องหลังไม่ธรรมดา!! พลิกปูม “อวยชัย วะทา”แกนนำ “ปฏิญญาชักดาบ”จาก “กองหนุน คสช.” ก่อนอารมณ์ค้าง หลังไร้ชื่อร่วม “กก.ปฏิรูปประเทศ” พลิกบทรับจ็อบ “นายหน้าค้าม็อบ”แตะมือกับ “ขั้วตรงข้าม”โจมตี “ขุนทหาร”เสียหาย ระดมทุนลงเลือกตั้ง พร้อมหาเสียงล่วงหน้า “พรรคครูไทยเพื่อประชาชน”
อวยชัย วะทา  และ  ธวัชชัย ไทยเขียว
จอดไม่ต้องแจว .. “ปฏิญญามหาสารคาม”ที่ “กลุ่มข้าราชการครู”ประกาศ “ชักดาบ”ไม่จ่ายหนี้ที่ค้างอยู่กับ “ธนาคารออมสิน” ตลอดไป .. โดยเหมารวมไปถึงกลุ่มข้าราชการครู ที่เป็นลูกหนี้ 4.5 แสนราย มูลหนี้รวมกว่า 4 แสนล้านบาท .. ตั้งแต่จุดพลุออกมา พูดได้เลยว่าไร้เสียงสนับสนุน มีแต่เสียงสาปส่ง ไม่เชื่อว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ครูบาอาจารย์”ที่ควรจะเป็น“แม่พิมพ์ -แบบอย่าง” ให้กับเด็ก-เยาวชนของชาติ .. อีกทั้ง“หนี้สิน” ของ “ครู” ตลอดจนบุคลกรการศึกษา ก็เป็น “ปัญหาเรื้อรัง”ที่รัฐบาลทุกยุคยื่นมือเข้าไปช่วยตลอด .. กรณีหนี้ “กองทุน ช.พ.ค.” ที่เป็นประเด็นอยู่ ทางกระทรวงศึกษาฯ โดย “หมอธี”น.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เจ้ากระทรวง ก็เพิ่งสั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เข้ามาจัดโปรแกรม “ปรับโครงสร้างหนี้” ให้เมื่อเร็วๆ นี้ แล้วแท้ๆ .. เป็นโปรแกรมที่ทั้ง “ลดดอกเบี้ย -แก้ประกันชีวิต”จนน่าจะพึงพอใจ แต่ก็เหลือเชื่อว่า มีเพียงไม่ถึง 1% ที่แสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการ .. แสดงว่า ผู้ที่ไม่เข้าร่วมโครงการน่าจะไม่ติดขัดกับการชำระหนี้ และมีกำลังในการส่งหนี้ จนไม่ต้องมาขอรับการช่วยเหลือ .. แต่จู่ๆ กลับมี “ปฏิญญาชักดาบ”จากครูแค่ไม่กี่หยิบยมือ ทำเอาภาพลักษณ์ครูทั่วประเทศเสื่อมเสียไปด้วย ..

อีกทั้งยังมีคำเตือนจาก “รองฯกุ๊กไก่”ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ระบุว่า ครูที่คิดจะเบี้ยวหนี้ ต้องรอรับสภาพ “สามเด้ง” เป็นบุคคลล้มละลาย ขาดคุณสมบัติข้าราชการ และถูกให้ออกจากราชการ .. ถือเป็นความผิดสถานหนัก ที่ “ข้าราชการครู” จริงๆ คงไม่กล้าหืออือด้วยเป็นแน่ กระทั่งผู้ที่เกษียณแล้วก็คงไม่ส่งผลดีเท่าไร .. เรื่องนี้จึงน่าจะมี “เบื้องลึก เบื้องหลัง”ไม่ธรรมดา แล้วก็โป๊ะเชะ เมื่อมีการระบุว่า แกนนำในครั้งนี้ชื่อ อวยชัย วะทา .. เป็น “อวยชัย”ที่ระบุตำแหน่งว่า ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย และ “รู้จัก-รู้มือ”กันดีในหมู่มวล “นักเคลื่อนไหว”ใน ฐานะแกนนำครูที่แอบอิง “ฝ่ายการเมือง”มาตลอด .. มีพื้นเพมาจากสายคอนเนกชั่น “ครูประชาบาลภาคอีสาน”ร่วมกับ ตวง อันทะไชย - สุชน ชาลีเครือ - ชิงชัย มงคลธรรม - ปรีดา บุญเพลิง อะไรเทือกนั้น .. แม้ว่า “อวยชัย”จะมีจุดยืนค่อนข้างชัด ในการปักหลักตรงข้าม“ระบอบทักษิณ”มาโดยตลอด แต่อย่างว่า “เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน” .. เดิม “อวยชัย”ถือเป็น “กองหนุน คสช.ตัวพ่อ”คนหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็เริ่มออกอาการชัง “ขุนทหาร” มาตั้งแต่เมื่อครั้งตั้ง “กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา”ที่ไม่มีชื่อตัวเอง ตลอดจน “นอมินี”จากสายครูประชาบาล แม้แต่คนเดียว ..

อีกประการ “อวยชัย” พยายามเบียดแทรกเข้าสู่ถนนสายการเมืองมาโดยตลอด พยายามสมัคร ส.ส.-ส.ว. อยู่หลายหน แต่ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน .. การออกมาจุดพลุ “ปฏิญญาชักดาบ”หนนี้ จึงถูกตีความออกไปในหลายแง่มุม มุมหนึ่งคือการหาเสียงล่วงหน้า “พรรคครูไทยเพื่อประชาชน”ที่ “อวยชัย” น่าจะไม่พลาด สวมเสื้อลงเลือกตั้งหนหน้า .. อีกมุมหนึ่งก็เป็นบทบาท “นายหน้าค้าม็อบ”ที่อาจมีการไปแตะมือกับ “เครือข่ายครูอีสาน”ที่มีอยู่หลายหน่อใน “พรรคเพื่อไทย”เพื่อตอกลิ่มขยายแผล เรื่องเศรษฐกิจไม่ดี จนครูไม่มีปัญญาใช้หนี้ โจมตีภาพของ “รัฐบาล คสช.”.. แม้จะผิดจุดยืนเดิมๆไปบ้าง แต่ก็พอเป็นหนทางระดมทุน “พรรคครูฯ”ลงสนามเลือกตั้งได้บ้าง ไม่มากก็น้อย.

**น้องๆเพนท์เฮ้าส์ !! “กลุ่มต่อต้าน”อ้างผู้อาศัยใน “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ไม่ใช่ “ข้าราชการชั้นผู้น้อย” ที่ “รมต.สุวพันธุ์” เคยอ้าง เปิดภาพรถหรู จอดเรียงราย ใต้อาคารชุดที่ด้านบนทำห้องพักสุดอลังการ ระดับ “เพนท์เฮ้าส์” ยันมีชื่อแซ่ผู้อาศัยระดับ “ผู้พิพากษา”เงินเดือนเป็นแสน ทางที่ดี ผู้เกี่ยวข้องควรชี้แจงให้สิ้นสงสัย ก่อนลุกลามบานปลาย
บ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5  และ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ
ยังไม่ได้บทสรุป .. “หมู่บ้านป่าแหว่ง”โครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการบริเวณเชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ ที่ถูกคัดค้าน จน “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องทุบโต๊ะเปรี้ยง“ห้ามอยู่อาศัย”ในอาคารชุด 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง .. ในขณะที่ “กลุ่มต่อต้าน”ในนาม “เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”ก็ยืนกรานมาตลอดว่า “ต้องรื้อเท่านั้น”.. กลายเป็นว่ายังหา “จุดลงตัว”ไม่ได้ แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมฯ ที่มี สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกฯ รับผิดชอบอยู่ก็ตาม .. เงียบหายไปพักใหญ่ ล่าสุด เฟซบุ๊ก “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”ของกลุ่มต่อต้าน ออกมาแฉ อีกระลอก ในประเด็นมี “ผู้เข้าไปพักอาศัย”ขัดกับคำสั่งนายกฯ .. ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการทำความเข้าใจไปแล้วว่า เป็น “ข้าราชการชั้นผู้น้อย” ที่เข้าไปพักอาศัยตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องกว่า 30 ครอบครัว ทำให้พอหยวนๆ กันไปครั้งแล้ว .. แต่ก็ยังไม่จบเมื่อ “กลุ่มต่อต้าน”ไปได้ “ภาพหลุด”ที่ทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ที่เข้าไปอยู่ใน “ป่าแหว่งวิลเลจ”ตอนนี้ หาใช่ “ชั้นผู้น้อย”ด้วยรถราที่จอดในพื้นที่ ล้วนแล้วแต่เป็นรถราคาหลักหลายล้าน ทั้งสิ้น .. อีกทั้งยังมีข้อมูลที่ว่ากันว่า 8 ใน 9 อาคารชุดที่มีปัญหานั้น แต่ละหลัง มีห้องพักเพียง 8 ห้อง พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางโอฬาร ขนาดไหน ระดับ “เพนท์เฮ้าส์”ดีๆ นี่เอง .. พร้อมอ้างว่ามี “ชื่อแซ่”ของผู้ที่เข้าไปอาศัย แต่ละคนเป็นระดับ “ผู้พิพากษา”มีเงินเดือน-เงินประจำตำแหน่ง ถึงหลักแสนบาทต่อเดือน ไม่ใช่ “ข้าราชการชั้นผู้น้อย” ที่เคยอ้าง .. ถ้าเป็นจริงตามที่กลุ่มต่อต้านอ้าง ก็คงไม่ค่อยสวย และกระทบคำมั่นของรัฐบาลที่ให้ไว้ต่อสังคม .. ก่อนจะลุกลามบานปลาย จริงเท็จประการใด ก็ควรชี้แจงให้กระจ่างดีกว่า .

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น