ทีมโฆษกรัฐ แถลงผลประชุม ครม. คืบหน้าแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เล็งให้แก้สัญญาเพื่อความเป็นธรรม พร้อมเห็นชอบปรับมติส่งคนไทยไปพิธีฮัจญ์
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้รายงานให้ ครม.ทราบถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายรัฐบาล โดยตรวจพบว่ามีนายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบจำนวน 15,591 ราย มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบกว่า 340,000 ราย มีมูลค่าหนี้รวมกว่า 20,000 ล้านบาท จากนี้จะเชิญทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยจะขอความร่วมมือให้ปรับโครงสร้างหนี้แบบให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย แก้ไขสัญญาใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้มีการข่มขู่ลูกหนี้ กรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็จะประสานขอสินเชื่อช่วยเหลือตามโครงการของรัฐ และใช้มาตรการทางกฎหมายต่อเจ้าหนี้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเป็นเรื่องของเกษตรกรส่วนใหญ่ที่กู้เงินมาลงทุนแล้วผลผลิตไม่เข้าเป้า จึงไปกู้หนี้นอกระบบมาแก้ปัญหา โดยมักนำโฉนดที่ดินมาฝากไว้กับนายทุน แล้วไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ บางส่วนก็ไปกู้มาใช้จ่ายไม่จำเป็น หรือไม่ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง
พ.ท.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัตร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่ให้ปรับข้อตกลงแนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่ง ผู้แสวงบุญพิธีฮัจญ์ ในปี 2561 สืบเนื่องจากมติ ครม.เมื่อปี 2553 และปี 2558 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมประสานกับบริษัท การบินไทย ในการจัดเที่ยวบินประเภทเช่าเหมาลำขนส่งผู้แสวงบุญชาวไทยไปยังนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการหาพันธมิตรร่วมทางการบิน เพื่อให้บริหารขนส่งโดยไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทการบินไทยเท่านั้น ปัจจุบันกรมการบินพลเรือนซาอุดีอาระเบียได้ออกข้อกำหนดใหม่ การขนส่งผู้แสวงบุญต้องแบ่งจำนวนผู้แสวงบุญพิธีฮัจญ์อย่างละครึ่ง ระหว่างสายการบินแห่งชาติของประเทศไทย และสายการบินแห่งชาติของประเทศซาอุดีอาระเบีย ไม่อนุญาตให้สายการบินของประเทศอื่นนอกจากทั้งสองประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกากรมการบินพลเรือนของประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกำหนดให้ดำเนินการโดยวิธีการเช่าเหมาลำเท่านั้น