สำนักนายกฯ ส่งความเห็นถึง “อ.ต.ก.-อคส.” เร่งคดีแพ่ง-อาญา “โครงการจำนำข้าว” ก่อนหมดอายุความ ขีดเส้นภายในเดือนธันวาคม 61 ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการฟ้องร้องคดีให้ทันภายในกำหนดอายุความ ส่วนคดีอื่นให้เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทุกคดีโดยเร็ว
วันนี้ (26 มิ.ย.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้มีหนังสือความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีเกี่ยวกับการดำเนินโครงการจำนำข้าวเปลือก ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ขอให้เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดี เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของรัฐและเป็นการป้องกันความเสียหายใดๆ อันอาจเกิดขึ้นจากการที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการฟ้องร้องคดีต่างๆ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้
ในส่วนของคดีเกี่ยวกับการดำเนินโครงการจำนำข้าวเปลือก ซึ่งมีทั้งคดีความอาญา และคดีความแพ่ง ซึ่งใกล้จะหมดอายุความ และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อฟ้องร้องคดี นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และกระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทุกคดีโดยเร็ว แล้วส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดอย่างช้าสุด ภายในเดือนธันวาคม 2561 เพื่อดำเนินการฟ้องร้องคดีให้ทันภายในกำหนดอายุความ
“ทั้งนี้ ในกรณีที่มีคดีใดที่ส่วนราชการเจ้าของเรื่องมีประเด็นที่เห็นควรจะประนีประนอม ยอมความ ไกล่เกลี่ย หรือตกลงให้เป็นไป ตามคำร้องขอของคู่ความ ส่วนราชการเจ้าของเรื่องจะดำเนินการเช่นนั้นได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายก่อน แล้วแต่กรณี”
ในส่วนของคดีความอื่นๆ นอกเหนือจากส่วนแรก ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ที่เป็นเจ้าชองเรื่องตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินการฟ้องร้องคดีทันภายกำหนดอายุความของคดีนั้นๆ ทั้งนี้ หากส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐใด ปล่อยปละละเลยจนคดีขาดอายุความ จะถือเป็นความบกพร่องของหัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐนั้น
มีรายงานว่า ในคราวประชุม ครม. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานต่อที่ประชุม ถึงเรื่องคดีความที่พบว่าหลายหน่วยงานยังติดเรื่องคดีแพ่ง โดยบางหน่วยงานคิดว่าต้องให้คดีอาญาเสร็จก่อน แล้วจึงจะไปดำเนินการในขั้นตอนคดีแพ่ง แต่คดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจะหมดอายุความเร็ว หน่วยงานบางหน่วยงานอาจจะคิดไปเอง จึงไม่ได้เร่งรัดเรื่องนี้ นายวิษณุจึงขอให้แต่ละหน่วยงานไปดูว่าหน่วยงานของตัวเองมีคดีความที่เกี่ยวกับคดีแพ่งอะไรอยู่บ้าง เพื่อจะได้เร่งรัดดำเนินการก่อนที่คดีความจะหมดอายุทางแพ่ง ส่วนมีการยกตัวอย่างคดีไหนบ้างที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษนั้น เราให้ความสำคัญทุกคดี เช่น คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ต้องเรียกค่าเสียหาย รวมทั้งภาคเอกชนด้วย