xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ต้องแปลกใจ!! ข่าวรั่วก่อนตำรวจถึงตัว“เจ้าคุณธงชัย” ก็ลูกศิษย์วัดสระเกศฯแต่ละคน“ไม่ธรรมดา”วนเวียนในวงศ์วานอำนาจทั้งสิ้น **เลือกตั้งยังอีกยาว!!เหตุจับ“พุทธะอิสระ”กองหนุนหด แถมโพลเชลียร์ก็ไม่เข้าทาง **“ธีระชัย”ถลกหนังรัฐบาลทำราคาก๊าซพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

พระพรหมสิทธิ, วิษณุ เครืองาม, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ไม่ต้องแปลกใจ!! ข่าวรั่วก่อนตำรวจถึงตัว “เจ้าคุณธงชัย” ก็ลูกศิษย์วัดสระเกศฯแต่ละคน “ไม่ธรรมดา” วนเวียนในวงศ์วานอำนาจทั้งสิ้น ทั้ง “ชินวัตร - ดามาพงษ์” หรือ “ศิษย์เอกภูเขาทอง” อย่าง “วิษณุ เครืองาม” ผู้ร่วมสอย “เจ้าคุณเสนาะ” เปิดทางสะดวกให้ “เจ้าคุณธงชัย” ครองอาณาจักรภูเขาทอง

กลายเป็น “พระหายาก” อีกรุ่น .. รายของ “เจ้าคุณธงชัย” พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และ “เจ้าคุณจำนงค์” พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม .. ที่หลบหนีปฏิบัติการ “สายฟ้าแลบ” ของตำรวจกองปราบฯ ไปได้อย่างหวุดหวิด ทำท่าจะตามรอย “ศิษย์น้อง” อดีตพระธัมมชโย เจ้าลัทธิจานบิน ไปติดๆ .. ข่าวว่า 2 เจ้าคุณชั้นพรหม แค่ถอยไป “ตั้งหลัก” แล้วมีการต่อรองเพื่อขอเข้ามอบตัว โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ต้องได้รับการประกันตัว เพื่อเลี่ยงการถูกสึกจากความเป็นพระ .. ทว่าพอเห็นชะตากรรม 5 เพื่อนร่วมขบวนการ “เงินทอนวัด” นำโดย “ทิดเอื้อน” อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ที่ถูกจับกุมตัว และถูก “จับสึก” .. ขนาด “รองสมเด็จเจ้าคณะ กทม.” ยังไม่รอด แบบนี้ไม่ต้องคิดมาก เลขหมายที่ใช้ติดต่อไม่ได้ทันที .. งานนี้นอกจากต้องติดตามตัวในฐานะ “ผู้ต้องหาหนีหมายจับ” แล้ว ก็ต้องไล่เช็กกันว่า ทำไม “ข่าวรั่ว” ทั้งที่เป็นปฏิบัติการลับสุดยอด ขนาด รมต.กำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังรับหน้าชื่น ว่า เพิ่งรู้เรื่องก็ตอนเห็นข่าวในทีวี .. หนีไม่พ้นข้อครหา “เกลือเป็นหนอน” ในสายบัญชาการที่กด “ไฟเขียว”ส่งซิกให้ “พระอาจารย์”ชิ่งก่อนหน้า “ตำรวจลง” ไม่กี่ชั่วโมง ..

โดยเฉพาะรายของ “เจ้าคุณธงชัย” ขาใหญ่แห่ง “อาณาจักรภูเขาทอง” วัดสระเกศฯ ที่หลักฐานชัดกว่าใคร มี “เส้นทางการเงิน” เข้า-ออก ผ่านบัญชีส่วนตัวเป็นร้อยล้าน .. อย่าแปลกใจว่าทำไม “สมภารวัดสระเกศฯ” ถึงหนีไปได้ ก็ด้วย “ลูกศิษฐ์ลูกหา” ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่โต อยู่ในวงศ์วานอำนาจมาทุกยุค .. ตั้งแต่สมัย “สมเด็จเกี่ยว” ยังมีชีวิต ก็ได้รับการอุ้มชูจากเครือข่ายทางโลก “ชินวัตร - ดามาพงศ์” เกื้อหนุนกันจนผงาดเป็นใหญ่ในทางธรรม ทำหน้าที่แทนพระสังฆราชอยู่ตั้งหลายปี .. ที่สำคัญว่ากลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ “บอร์ดพระ” มหาเถรสมาคม (มส.) เข้ารกเข้าพง เป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ มุ่งปกป้อง “อลัชชี” มาตั้งแต่บัดนั้น .. สิ้น “สมเด็จเกี่ยว” ใน มส. ก็มี “ผู้รับช่วง” ทำให้สภาพเละเทะ ไม่ต่างจากเดิม ขณะที่วัดสระเกศฯ ก็เป็นยุคผลัดใบ ขับเคี่ยวชิงความเป็นใหญ่เหนือ “อาณาจักรภูเขาทอง” ของ “เจ้าคุณเสนาะ - เจ้าคุณธงชัย” ที่ทั้งคู่มีคอนเนกชั่นกับฝ่ายการเมืองผู้ถืออำนาจทั้งสิ้น .. ร่องรอยศึกใหญ่ที่ดีด “เจ้าคุณเสนาะ” ตกเก้าอี้ จนต้องสิ้นบุญเมื่อราว 2 ปีก่อน ก็เป็นบทเฉลยใน พ.ศ.นี้ ว่าไฉน “เจ้าคุณธงชัย” ถึงได้ “จมูกไว” กว่าเพื่อน .. ด้วยครั้งนั้น มีการใช้กระบวนการทางโลกกดดัน “เจ้าคุณเสนาะ” ผ่านการตรวจสอบงบฯ จัดงานพระราชทาน เพลิงศพ “ สมเด็จเกี่ยว” ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สมัยที่มี พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เป็นผู้ว่าการ .. แต่ต้องไม่ลืมบทบาทของ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่เป็นลูกคู่ รับส่งกับ สตง. ตลอดว่า ก่อนที่จะมาพลิกลิ้นว่า “ไม่มีความผิด” หลัง “เจ้าคุณเสนาะ” ตัดสินใจลาโลกไป .. พอสิ้นฝ่ายหนึ่งมรณภาพ ผู้ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็หนีไม่พ้น “เจ้าคุณธงชัย” ที่ได้ครองเก้าอี้เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ แบบไร้คู่แข่ง .. ตรงนี้น่าจะเป็น “ใบเสร็จ” ยืนยันความแนบแน่นระดับ “ศิษย์ก้นกุฏิ” ของ “วิษณุ” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ตั้งแต่สมัยแม้ว มาจนถึงสมัยตู่ ที่มีต่อ “เจ้าคุณธงชัย” ได้เป็นอย่างดี .. ท่ามกลางกระแสข่าว ช่วงก่อนงานจะเข้า “เจ้าคุณธงชัย” มี “คนในรัฐบาล” พยายามวิ่งขาขวิด หวังจะช่วย “พระอาจารย์” ให้รอดอาญาแผ่นดิน

** เลือกตั้งยังอีกยาว!! “ลุงตู่ - ลุงป้อม”โร่ประสานเสียงขอโทษจับ “พุทธะอิสระ”แรงเกินเหตุ ไม่ใช่ห่วงใย “อดีตพระอาจารย์”แต่กลัวเสียแนวร่วม-กองหนุนหด เหตุเสียงวิจารณ์ขรมเมืองมาจาก“ติ่งลุงตู่”ทั้งนั้น แถมโพลเชลียร์ ก็ไม่เข้าทาง ถึงขนาดยอมลบทิ้งเพจหลักแสน ตั้งโพลผ่านเพจใหม่ ก็ยังไม่รอด แบบนี้ใครจะกล้าเลือกตั้ง

รุนแรงเกินเหตุ .. วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางกับภาพเหตุการณ์ที่ทางตำรวจกองปราบฯ เข้าจับกุม อดีตพระพุทธะอิสระ คากุฏิ .. เดิมทีคงจงใจปล่อยคลิปออกมา นัยว่าจะโชว์ผลงาน กลับกลายเป็น “บูมเมอแรง” ย้อนศรไปถล่มการทำงานของตำรวจ กระทบไปถึง “บิ๊กรัฐบาล” .. ด้วยต่างรู้ดีว่า “พี่น้อง 3 ป.” คนโตของ คสช. ล้วนปวารณาตัว เป็นศิษย์อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยทั้งสิ้น .. แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้ “พระอาจารย์” ต้องประสบชะตากรรมเช่นนั้น จริงอยู่ แต่ละคดีที่เป็นมูลเหตุนั้น ถือเป็น “ข้อหาหนัก-โทษแรง” แต่ตัวผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ตลอดหลายปีที่ผ่าน .. เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว ก็เลยได้ยิน “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ ขันทร์โอชา กับ “รองฯป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประสานเสียงขอโทษขอโพย ผ่าน “ลูกน้อง” ออกมา .. มองผิวเผินอาจจะมีเค้าลางความเอื้ออาทรกับ “อดีตพระอาจารย์” อยู่บ้าง แต่หามองกว้างๆ แบบ “ทั้งกระดาน” หาเป็นเช่นนั้นไม่ .. เพราะต้องมองว่า “ลุงตู่-ลุงป้อม” ยังมีภารกิจสำคัญในการต่อท่ออำนาจหลังการเลือกตั้ง แล้ว “อดีตพระพุทธะอิสระ” ก็ถือเป็นเซเลปฯ คนสำคัญของฝ่ายสนับสนุน คสช. .. อีกทั้งร้อยทั้งร้อย ของผู้ที่ออกมาวิจารณ์ว่า “รุนแรงเกินเหตุ” ล้วนแล้วแต่เป็น “ติ่งลุงตู่ - ติ่ง คสช.” แทบทั้งสิ้น .. เมื่อมี “เป้าทางการเมือง” แล้ว คำขอโทษที่เอ่ยออกมา ก็เพียงเพื่อรักษาน้ำใจ “มวลชน-กองหนุน” มากกว่า หาใช่หมายปลอบประโลม “อดีตพระสุวิทย์” ที่ก้าวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอะไรหรอก .. เพราะ “บิ๊ก คสช.” รู้อยู่แก่ใจว่า คะแนนความริยมตกต่ำหนักมาก โดยเฉพาะช่วงก้าวข้ามปีที่ 4 ในอำนาจ ที่สัมผัสได้แต่ความอิดหนาระอาใจของประชาชน ไม่เว้นกระทั่ง “ติ่งลุงตู่” ..

สะท้อนผ่านโพลหลายสำนัก ที่ชี้เป็นทางเดียวกันว่า คสช. เข้าสู่ยุคเสื่อมอย่างเป็นทางการ แล้วยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจปากท้องขาขึ้น ซ้ำเติมอีก .. ไม่ต้องอะไรมาก แค่ผลสำรวจความคิดเห็นใน “แฟนเพจเชลียร์” ยังไม่รอด ตั้งกระทู้อวยถามง่ายๆ ว่าให้ “ประยุทธ์” ไปต่อไหม โหวตกัน 5 แสน มี 90% บอกว่า “ไม่เอาแล้ว” .. จน “นายพลไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ต้องออกมาแก้เกี้ยวว่า วัดผลอะไรตอนนี้ไม่ได้ รอดูผลการเลือกตั้งดีกว่า .. แต่เหมือน “แอดมิน” ไม่แน่ใจ หรือต้องแก้งานหลังคำตอบไม่ตรงตาม “ธง” ที่ตั้งไว้ไม่ทราบ เลยตัดสินใจลบ “เพจเก่า” ที่คนไลค์เป็นแสนไปอย่างไม่เสียดาย .. แล้วตั้งเพจใหม่ แต่ก็ลองของตั้งโพลใหม่ ด้วยคำถามเดิม คราวนี้คนโหวตยังไม่เท่าเดิม อยู่ที่ 3 แสนกว่า แต่ผลที่ออกมาหนักกว่าเดิม 95% ว่าไม่สนับสนุนประยุทธ์ .. เจอผลลัพธ์แบบนี้ อะไรๆ มันก็เลยดู “เซนซิทีฟ”ไปซะหมด จึงไม่แปลกที่กรณี “อดีตพระอาจารย์” ก็เลยต้องออกมา “ขอโทษ”ในที่สุด .. ตอกย้ำกันแบบนี้ สงสัยยังไม่รีบเลือกตั้งแน่.

**นายทุนต้องมาก่อน!! “ธีระชัย”ถลกหนัง “รัฐบาลประยุทธ์”เดินนโยบายพลาด ทำราคาก๊าซพุ่งเป็นประวัติการณ์ พอถูกด่าเยอะ ก็แก้ผ้าเอาหน้ารอด ควัก “กองทุนน้ำมัน”อุดหนุน สุดท้ายเข้ากระเป๋า “นายทุน” ทั้งที่ควรทบทวนนโยบายสร้างสมดุลราคาเหมือนแต่ก่อน

มีขึ้นก็มีลง .. ขึ้นพรวดๆ มา 4-5 รอบติด ก็ได้ฤกษ์ลดลงมาบ้างสำหรับ “ราคาน้ำมัน”ที่ปรับลงเล็กน้อย พอลดกระแสวิจารณ์ให้เบาบางลงไปได้บ้าง .. แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมา “ขี้ตู่” ว่าเป็นผลงานรัฐบาลที่ต้องไปชื่นชมอะไร เป็นอานิสงส์ จากราคาน้ำมันตลาดโลก ที่ลดลงต่ำกว่า $70 ต่อบาร์เรล และเห็นว่ายังมีแนวโน้มลดลงอีก ด้วยประเทศผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นต่างหาก .. ก็ต้องดูไปยาวๆ ว่า เมื่อตลาดโลกลดลงเรื่อยๆ ราคาน้ำมันในประเทศจะ “ลดอย่างสมเหตุสมผล” หรือยังจะ “ลดพอเป็นพิธี” เหมือนเดิม .. ทำให้เงินจากกองทุนน้ำมันที่เตรียมเอาออกมาอุดหนุน “น้ำมันดีเซล”ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ก็คงยังไม่ได้ควักออกมาใช้ .. คงเหลือแต่ในส่วนของ “ราคาก๊าซหุงต้ม” ที่จะดั๊มพ์ราคาลงมาอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง จากราคาที่ขึ้นไปเฉียด 400 บาทต่อถัง ตามที่ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน .. ทว่า “ความปรารถนาดี” ของรัฐบาล ก็ถูกจับได้ไล่ทันอีกครั้ง ว่า มี “นัยช่อนเร้น” และประจานว่า การที่ราคาก๊าซหุงต้มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ก็มาจากน้ำมือของ “รัฐบาล คสช.” เอง .. เมื่อ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ออกมาถลกหนังว่า ที่คนไทยต้องเดือดร้อนกันถึง “ก้นครัว”ก็ด้วย “รัฐบาลประยุทธ์” ทำพลาด ไปยกเลิกเพดานราคาก๊าซหุงต้มจากโรงแยกก๊าซที่เคยกำหนดไว้ต่ำกว่าราคาตลาดโลก ที่ $333 ต่อตัน เป็น $498 ต่อตัน ที่ “สูงกว่าราคาตลาดโลก” .. ซ้ำร้ายยังไปยกเลิกสูตรตั้งราคาก๊าซ จากโรงกลั่น “76-24” เปลี่ยนเป็นใช้ “ราคานำเข้า+ค่าขนส่ง +ค่าใช้จ่าย +ค่าประกัน” .. ส่งผลราคาก๊าซพุ่ง จนประชาชนแบกภาระหลังแอ่น ถือเป็นการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด พอถูกด่ามากๆ ก็สบช่อง “กองทุนน้ำมัน” ออกมาตรึงราคาให้อยู่ถังละ 363 บาท โดยไม่คิดทบทวนนโยบายกลับไปสร้างสมดุลด้านราคาแบบเดิม .. อ้างว่า บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลายเป็นว่าเอาเอาเงินประชาชนไปจ่ายให้ “กลุ่มทุน” มากกว่า .. กลายเป็นว่า วิกฤตราคาพลังงานขาขึ้นรอบนี้ ก็มี “ข้อดี” เหมือนกัน ที่ทำให้รู้เช่นเห็นชาติ เหลือบไร พลังงานไทย ที่คอยแต่ประเคนประโยชน์ให้นายทุน .

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น