xs
xsm
sm
md
lg

ทางออก“หมู่บ้านป่าแหว่ง”ของ “ท่านผู้นำ”ฟังเหมือนจะไม่ทุบ แถมปล่อย “ไอโอ”ดิสเครดิตกลุ่มคัดค้าน **ขี้กลากยังอาย!! ป.ป.ท.ปิดกล่อง “ทุจริตผู้ยากไร้”ลอก “โมเดลโกง”เหมือนกันทั้งประเทศ **ควันหลงเก้าอี้ดนตรี!! เปิดปมโยกย้าย 12 บิ๊กคลองหลอด

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์, ปวิณ ชำนิประศาสน์ และ ณรงค์ พลละเอียด
ข่าวปนคน คนปนข่าว

** รู้นะคิดอะไรอยู่!! ทางออก “หมู่บ้านป่าแหว่ง” คือทุบสถานเดียว พ่วงไล่เบี้ยเอาผิด “ตัวการ” ขบวนการยัดป่าเสื่อมโทรม แต่ “ทางออก” ของ “ท่านผู้นำ” ที่พร่ำพูดถ่วงเวลาไปเรื่อย ฟังเหมือนจะไม่ทุบ แถมปล่อย “ไอโอ” ดิสเครดิตกลุ่มคัดค้าน คิดแบบนี้ดูเบา “พลังริบบิ้นเขียว” เกินไปหน่อยหรือเปล่า

เป็นอื่นไปไม่ได้ .. ทางแก้ปมพิพาท “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ต้อง “ทุบสถานเดียว” ตามข้อเรียกร้องที่ไม่เพียงแต่ภาคประชาชน-นักอนุรักษ์ในพื้นที่เท่านั้น เสียงส่วนใหญ่ของคนไทยก็มองแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” .. สมควรทำทุกวิถีทางจะ “ทุบ-รื้อ” อะไรก็ได้ตามที่สะดวก แค่เอา “ความอุจาดตา” ออกไปจากดอยสุเทพ สร้างเป็นบรรทัดฐานการใช้พื้นที่ป่าทุกๆ พื้นที่ ต่อไปอนาคตด้วย .. ฝ่ายรัฐโดย “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พูดเองว่า “หมู่บ้านป่าแหว่ง” สร้างเสร็จแล้วก็คงเข้าอยู่ไม่ได้ แต่ก็มีความกังวลเรื่องงบประมาณที่สูญเสียไปแล้ว .. กระทั่งส่องภาพถ่ายนทางอากาศ “ป่าแหว่งวิลล่า” ทิ่มแทงป่าเชิงดอยสุเทพ หลากหลายมุม ก็รู้ว่า “อุจาดตา” แค่ไหน .. แต่ที่ผ่านๆ มา “ท่านผู้นำ” ก็ดู “นิ่งนอนใจ” อย่างเหลือเชื่อ เหมือนไม่รับรู้ความเคลื่อนของกลุ่มคัดค้าน และไม่รับรู้ความรู้สึกของประชาชน .. เอาแต่ท่องคาถาว่า กำลังหาทางออก พอถูกจี้เข้าหน่อย ก็พลิ้วไปอีกว่ากำลังส่ง “ทีมงาน” ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล .. ทั้งที่ข้อมูลทุกอย่างมีพร้อมสรรพ ทั้งจาก “ฝ่ายศาล” ที่โยนมาให้นายกฯ ตัดสินใจ โดยที่ศาลไม่ขัดข้อง .. หรือของภาคประชาชนที่ฝากไว้กับ “กองทัพภาคที่ 3” พร้อมประเคนมาที่ตึกไทยคู่ฟ้าได้ทุกเมื่อ .. ไม่มีความจำเป็นต้องไป “นับหนึ่งใหม่” ที่คนเขารู้แกวหมดแล้วว่าแค่ “ลูกไม้ถ่วงเวลา” แถมยังส่ง “ขบวนไอโอ” ปล่อยข่าวดิสเครดิสกลุ่มคัดค้านไม่เลิก .. ที่พล่านไปปล่อยว่า ทำไมเขาเพิ่งออกมาเคลื่อนไหว เรื่องนี้ชาวบ้านเขาแจงได้เป็นฉากๆ ค้านกันมานมนานกาเล แต่ “ผู้ถืออำนาจรัฐทุกยุค” ไม่เคยฟัง ไม่เว้นกระทั่งยุค คสช. ..

แล้วที่ “บิ๊กรัฐบาล” อ้างไปเรื่อยว่า ต้องดูทุกมิติ กลัวจะโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายบ้าง กลัวไม่มีกฎหมายรองรับบ้าง .. โธ่ถัง “ดาบอาญาสิทธิ์” อย่างมาตรา 44 จะเก็บไว้ในฝักทำไม ที่บอกว่า “จะใช้บ่อยๆ ทำไม วันนี้พยายามเลี่ยงใช้เท่าที่จำเป็น” แหม ทีเรื่องไม่ใช่เรื่องควักออกมาใช้ออกบ่อย ทีเรื่องควรทำกลับเหนียม .. ย้ำไปหลายหนแล้วว่า เรื่องดีๆ เช่นนี้ แค่กล้าตัดสินใจ ก็ “ได้ใจประชาชน” อาจจะขัดใจข้าราชการหรือฝ่ายตุลาการบ้าง .. ทางเลือกแบบนี้สำหรับคนที่ประกาศตัวจะเล่นการเมืองต่อ ก็น่าจะเลือกไม่ยาก .. และใน “ทางออก” ที่ว่านี้ก็ยังมี “ทางลงสวยๆ” ไว้รอท่าอยู่แล้ว ก็ “ลายแทง” ที่ลากไส้ไว้ครบถ้วนว่าใครเป็น “ตัวการ” ขบวนการยัดป่าเสื่อมโทรม .. แม้งบประมาณจากภาษีประชาชนกว่าพันล้านต้องเสียไป แต่ก็มีช่องให้ไปทวงถามความรับผิดชอบ ทางแพ่ง-ทางอาญา จาก “ตัวการ” เหล่านั้นได้ .. หากยังไม่เดินตามนี้ คนก็รู้แกวหมดแล้วว่า จะถ่วงไปเพื่อให้ออกหน้าไหน .. คิดสั้นเช่นนนั้นก็เหมือนดูเบา “พลังริบบิ้นเขียว” เกินไปหน่อยหรือเปล่า.

**ขี้กลากยังอาย!! ป.ป.ท.ปิดกล่อง “ทุจริตผู้ยากไร้”รอบแรก 67 จาก 76 จังหวัด ส่วนอีก 9 จังหวัดที่เหลือ แค่ยังตรวจไม่พบ ดูทรงแล้วน่าจะไม่รอด ลอก “โมเดลโกง” เหมือนกันทั้งประเทศ ส่วนผลสอบวินัยร้ายแรง “บิ๊กกระทรวงนักบุญ” ยังยื้อไปอีกสัปดาห์

เลขที่ออก 67 .. เป็น 67 ศูนย์ จาก 76 ศูนย์ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย-ผู้ไร้ที่พึ่ง .. สรุปผลรอบแรก ที่ “ยังไม่โกง” มีเพียงแค่ 9 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครศรีธรรมราช นนทบุรี แพร่ นครสวรรค์ สุโขทัย และ อุตรดิตถ์ .. แต่ “เดอะแขก” พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ก็หมายเหตุไว้ตัวโตๆ ว่า “ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการทุจริต แต่ยังตรวจไม่พบเท่านั้น”..พูดออกมาขนาดนี้ ฟันธงไปเลยว่า “ไม่น่ารอด” ก็เพราะที่โกงๆ กันทุกจังหวัดเป็น “โมเดลเดียวกัน” คือการขอบัตรประชาชนชาวบ้านมาทำการปลอมแปลงเอกสาร .. แบบนี้ไม่แปลกหรอกที่ พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และ ณรงค์ คงคำ รองปลัดฯ พร้อม 1 ผู้ตรวจฯ ถึงถูกสั่งพักราชการไปก่อนหน้านี้ .. ก็ลักษณะการโกง มันเหมือนกับมี “ศูนย์กลาง” ยิงตรงส่งนโยบายลงไปอย่างไรอย่างนั้น ด้วย “พุฒิพัฒน์ - ณรงค์”เคยเป็นอธิบดี และรองอธิบดีอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เจ้าของโปรเจกต์ มาก่อน .. ที่น่าตกใจกว่านั้นก็ ป.ป.ท.บอกว่า มีเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า 250 คน เกี่ยวข้อง เข้าข่ายทำเป็น “ขบวนการ” ชัดๆ แทบจะเหมากรมกันเลย ..

ที่แปลกอีกอย่างก็ในขณะที่ “คนนอก” อย่าง ป.ป.ท. ไล่สอบจนคืบหน้ารวดเร็ว แต่กระบวนการ “ภายใน” ของกระทรวง พม. กลับเหมือน “ยื้อๆ” ชอบกล .. ด้วยสัปดาห์ที่แล้ว “บิ๊กโย่ง”พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม. ให้ข่าวเองว่า จะสามารถสรุปผลการสอบวินัยร้ายแรง “พุฒิพัฒน์ - ณรงค์”ได้ตั้งแต่เมื่อวาน (30 เม.ย.) .. พอถึงเวลากลับบอกว่า อาจจำเป็นต้องขยายเวลาไปถึงวัปดาห์หน้า ด้วยพยานบางปากยังขอเลื่อนการให้ข้อมูล .. ตามประสา “วัยรุ่นใจร้อน” ก็ต้องบอกว่า แบบนี้มันไม่ค่อยสวย .. สอดรับกับที่ นภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ คนปัจจุบัน ที่ออกคำสั่งสอบสวนและโยกย้าย “ผู้ที่เกี่ยวข้อง”แบบมั่วๆ ซั่วๆ จนน่าสงสัย .. ทั้งการสอบวินัยไม่ร้ายแรง พวงพยอม จิตรคง ผอ.ศูนย์ฯขอนแก่น กับลูกน้อง แล้วยังเลื่อขั้นตำแหน่งให้ วราภรณ์ อบมา หัวหน้าฝ่ายหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม มือทำงานของ “เจ๊พวงพยอม” ที่น่าโดนปลดตั้งแต่เรื่องแดง .. แล้วยังให้มีสิทธิ์ “วราภรณ์” ที่ ไม่มีวุฒิและประสบการณ์การเงินการบัญชี เข้าระบบธุรกรรมการเงินของกรมฯ อยู่ร่วม 2 เดือน .. จนมีคนตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ทำเป็นมึนๆ ส่ง “มือทำงาน” ไป “เคลียร์เอกสาร - ทำลายหลักฐาน” อะไรหรือเปล่า.

**ควันหลงเก้าอี้ดนตรี!! เปิดปมโยกย้าย 12 บิ๊กคลองหลอด “ผู้ว่าฯเชียงใหม่” ไม่เกี่ยวปมป่าแหว่ง แต่สร้างเรื่องไว้เยอะ จนต้องเอามาหลบไว้ก่อน “ผู้ว่าฯชุมพร” โดนเด้งเขากรุ หลังบ้านเป็นเหตุ ส่วน “ผู้ว่าฯเชียงราย” ขวางโครงการส่งกลิ่น พร้อมพูดความจริง งบฯ 100 เจอกินไป 60 ทำเชียงรายไม่เจริญ ก็เลยโดนย้าย

หัวเมืองใหญ่ๆ ทั้งนั้น .. เทศกาลเก้าอี้ดนตรีของ “บิ๊กคลองหลอด”เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ “ครม.ประยุทธ์” อนุมัติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง-ผู้ว่าฯ ที่สลับตำแหน่งกันรวม 12 ตำแหน่ง ตามที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เสนอ .. ถือว่าย้ายกันไม่เยอะสำหรับ “ฤดูโยกย้ายกลางปี” ครั้งนี้ แต่ต้องบอกว่า แต่ละเก้าอี้มีเหตุและผลในตัว .. เริ่มกันที่ ปวิณ ชำนิประศาสน์ โดนเด้งจากผู้ว่าฯเชียงใหม่ มาเป็นรองปลัดมหาดไทย สลับ ศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ไปนั่งแทน .. คาดกันว่า อาจเป็นลูกหลงจากปม “ป่าแหว่ง” แต่ความจริงเป็นวีรกรรมของ “ปวิณ” ที่สะสมไว้ตั้งแต่อยู่เชียงใหม่ล้วนๆ .. ตั้งแต่การออกหนังสือสำคัญผิดพลาด แถม “หลังบ้าน” ยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในพิธีสำคัญ แล้วก็ยังมีปัญหาฝุ่นควัน ที่ไปเอาเรื่องคดีความกับเด็กที่วาดการ์ตูนสะท้อนปัญหาอีก .. ยังดีที่เป็น “สิงห์ดำ” แล้ว “หลังบ้าน” มีกิจการส่วนตัวใหญ่โต ก็เลยยังได้ถูไถอยู่ที่รองปลัด ประคบประหงม รอเวลาออกไปผงาดอีกรอบ .. ขณะที่ “บึงกาฬ-อำนาจเจริญ” เจอข้อหาป้องกันอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ไม่เข้าเป้า ..

ที่หลุดไปเข้ากรุก็ต้อง ณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าฯ ชุมพร เด้งไปเป็นผู้ตรวจฯ .. รายนี้ข้อหาหนัก ปล่อย “หลังบ้าน” เป็นใหญ่ หนีบเข้าร่วมประชุมราชการบ่อยๆ .. ว่ากันว่าถึงขนาดทำตัวเป็น “ซูสีไทเฮา” มีนอกมีในจนมาเข้าหูผู้ใหญ่เข้า .. ที่น่าตลกก็ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯเชียงราย ถูกย้ายไปเป็นพ่อเมืองพะเยา .. รายนี้หากจำกันได้ เพิ่งได้รับคำชื่นชมใน “ความตงฉิน” ออกมาฉะกับ “ท้องถิ่น” ในเชียงราย ที่ชงเรื่องของบฯไม่ชอบมาพากล ส่อไปในทางทุจริตหลายเรื่อง .. เคยออกมาพูดความจริง ถึงขนาดว่า จ.เชียงราย ควรเจริญมากกว่านี้ หากงบประมาณ 100 บาท มาทำประโยชน์ซัก 90 บาท แต่ทุกวันนี้งบประมาณ 100 บาท ทำได้แค่ 40 บาทเท่านั้นเอง .. ว่ากันว่าโครงการไหนไม่ถูกต้องโปร่งใส “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” จะไม่ยอมเซ็นทุกกรณี โดยเฉพาะโครงการสร้างโรงแยกขยะกว่า 300 ล้าน .. ตั้งแต่เป็นมาอยู่เมืองเชียงราย ตีกลับโครงการอัดฉีดเร่งด่วนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 20-30 โครงการ .. ในสายตาคนทั่วไป ก็มองว่านี่คือตัวอย่างช้าราชการที่ดี ที่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ชาติ มากกว่าจะ “กินตามน้ำ” ไปเรื่อย .. แต่ในสายตา “ผู้ใหญ่” กลับมองว่า เป็น “จระเข้ขวางคลอง” ถูกตั้งข้อหาไม่ยอมเซ็นเอกสาร จนทำให้งานล่าช้า .. คงพูดความจริงเกินไป ก็เลยโดนฟ้าฝ่าไปตามระเบียบ.

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น