xs
xsm
sm
md
lg

“อนาคตใหม่” ยื่น คสช.ขอประชุมตั้งพรรครุกปลดล็อกทันที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พรรคอนาคตใหม่” ยื่น คสช. ขออนุญาตจัดประชุมตั้งพรรค 27 พ.ค. ดักคออย่าเลือกปฏิบัติ พร้อมจี้ “ปลดล็อก” ไฟเขียวให้ทุกพรรคทำกิจกรรมได้ สร้างบรรยากาศการเลือกตั้งที่เป็นสากล ประกาศ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯคนนอก หรือมีรัฐบาลสืบทอดอำนาจพร้อมเป็นฝ่ายค้าน



วันนี้ (9 เม.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหนังสือขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อจัดประชุมและยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทวงถามความคืบหน้าในการตอบรับการยื่นจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากใกล้ครบเวลา 30 วัน ในวันที่ 15 เม.ย. แล้ว แต่ทางพรรคยังไม่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง (แบบพ.ก. 7/2) จาก กกต. โดยเกรงว่าจะติดช่วงวันหยุดสงกรานต์ จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป เพราะในขณะนี้ทราบว่า คสช. ได้มีการอนุญาตให้ 13 พรรคการเมือง ที่ขอจัดตั้งใหม่ ดำเนินการจัดประชุมได้

นายปิยบุตร กล่าวว่า ทางพรรคได้การออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยัง คสช. 3 ข้อ คือ 1. อยากให้คสช. ยกเลิกข้อ 4 และข้อ 8 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 และอนุญาตให้พรรคอนาคตใหม่ได้จัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค. ตามที่ร้องขอ โดยหวังว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการมเมือง 60 กำหนดว่าภายใน 6 เดือนหลังจดจัดตั้งพรรค ต้องจดทะเบียนพรรคให้เสร็จสมบูรณ์หมายความว่า ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 เดือน ที่ต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน ระดมทุนประเดิมจากสมาชิกให้ได้ 1 ล้านบาท จัดเตรียมนโยบายข้อบังคับพรรค รวมถึงการเลือกผู้บริหารพรรค

ดังนั้น คสช. จึงต้องรีบอนุมัติให้พรรคได้ประชุมโดยเร็ว เพราะตามกฎหมายไม่มีกรอบเวลากำหนดว่าคสช. จะต้องอนุญาตเมื่อใด ยิ่งช้ายิ่งเกิดความเสียหายกับพรรค และหากต้องการทำตามที่นายกฯเคยพูดว่าต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมืองก็ต้องยิ่งให้มีการประชุมพรรคโดยเร็ว

2. ให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เพราะหากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปก็จะเกิดการเลือกตั้งช้าสุดในเดือน ก.พ. 62 เหลือเวลาอีกเพียง 10 เดือน ถือว่าสั้นมากกับการทำพรรค เพราะทุกพรรคถูกจำกัดเสรีภาพนานถึง 4 ปี เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สะท้อนเจตน์จำนงของประชาชนและพรรคการเมืองสามารถรณรงค์ได้ตามมาตรฐานในรัฐเสรีประชาธิปไตยก็ต้องปลดล็อกคำสั่งทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด 3. คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และให้ยกเลิกการดำเนินคดีทางกฎหมายกับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทันที

“ผมคิดว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในทางการเมืองเพราะคสช.ก็ยังมีอำนาจบริหารอยู่ ถ้าเปิดเสรีภาพให้พรรคการเมืองรณรงค์มีการแลกเปลี่ยนพูดจากัน จะสร้างบรรยากาศที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศเห็นถึงเส้นทางไปสู่โรดแมปว่าจะเกิดขึ้นจริง การยกเลิกคำสั่งที่เป็นอุปสรรค และยุติการดำเนินการคดีจะเป็นการสร้างบรรยากาศในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง และเป็นการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหาร สู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ หากไม่ทำเช่นนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยยังมีการจำกัดเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชนก็จะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยแต่เป็นเพียงพิธีกรรมที่ใช้ประกอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการสืบทอดอำนาจเท่านั้น และหวังว่าคสช.ในฐานะผู้มีอำนาจจะไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กับพรรคที่ไม่ได้ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งพรรคยังคงยืนยันจะไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี”

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีเหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพของ ประชาชน พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่กำลังจัดตั้งพรรค การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแม้จะทำให้การเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไปจากปัญหาทางเทคนิคก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพ เพราะเราไม่เห็นเสรีภาพมา 4 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ตรงไปตรงมา ซี่งเชื่อว่า คสช. คงเข้าใจประเด็นนี้ และหาทางจัดการเรื่องต่างๆ จึงอยากบอกว่าไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดความขัดแย้ง เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ช่วยขจัดความขัดแย้งทางความคิดได้อย่างสันติที่สุด ด้วยการที่เปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงออก ซึ่งตนยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เชื่อว่าประเทศนี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้คงไม่มีการยื่นจัดตั้งพรรค และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปร่วมกับ คสช. ในเดือน มิ.ย. หรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไมได้เป็นพรรคแบบสมบูรณ์เลย และยังไมได้รับเชิญ

ด้าน นายธนาธร กล่าวว่า หลังยื่นขอจัดตั้งพรรคก็มีผู้สนับสนุนขอให้ไปรับฟังปัญหา จึงมีการลงพื้นที่เช่นที่ จ.ตรัง และพื้นที่ในภาคใต้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี แต่ก็มีปัญหาในเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับประชาชนได้มากเกี่ยวกับเรื่องของนโยบาย และขณะนี้มีความต้องการแลกเปลี่ยนที่เป็นประชาธิปไตยไม่สามารถปิดกั้นได้แล้ว คสช. ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้ง การที่อ้างเรื่องนี้เป็นเพียงคำพูดที่สร้างความหวาดกลัว แต่น่าจะเข้าใจว่า การเมืองแบบเดิมใช้ไมได้ผลแล้ว ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเส้นแบบอยู่ตรงไหน เวลาที่ คสช. บอกว่า อย่าล้ำเส้นในทางกฎหมาย ก็ไม่ได้เขียนชัดเจนว่าอะไรทำได้ไม่ได้ จึงไม่รู้จะวางตัวอย่างไร ที่จะเหมาะสม แต่เห็นว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงและชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นจึงขอให้ปล่อยให้เราได้ทำกิจกรรมทางการเมือง ให้ดอกไม้ได้บาน ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่า ก.พ. 62 เราพร้อมหมด ขอให้มีการเลือกตั้งก็แล้วกัน

นายธนาธร ยังกล่าวด้วยว่า หากหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ พรรคก็พร้อมเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน เพราะเรายืนหยัดอย่างชัดเจนว่าประชาชนควรได้รับสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยดังนั้น ขอพูดให้ชัดเจนไว้ว่า หากพรรคได้รับการอนุมัติให้ก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง เราจะไม่สนับสนุนนายกฯคนนอกและไม่ร่วมรัฐบาลกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากระบอบ คสช.





กำลังโหลดความคิดเห็น