เมืองไทย 360 องศา
เปิดกันไปแล้วเมื่อวันที่ 3 เมษายนสำหรับ"สายตรงไทยนิยม"หรือ "สายตรงลุงตู่"ที่เปิดใช้ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นมากมาย เช่น แอพพลิเคชั่น police i lert u ที่ให้แจ้งเบาะแสเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สายตรงศูนย์ดำรงธรรม 1567 ของกระทรวงมหาดไทย ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 เป็นต้น
โดยวันแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มาเปิด"สายตรงลุงตู่"ด้วยตัวเอง มีการเฟซบุ๊คไลฟ์รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านโดยตรง ซึ่งรายแรกที่เข้ามาพูดคุยมาจากจังหวัดจันทบุรี ที่มีปัญหาเรื่อง"หนี้สินนอกระบบ"และขอความช่วยเหลือซึ่ง"ลุงตู่"ก็สั่งให้จัดการแก้ปัญหาให้ทันที
แม้มีการดักคอกันล่วงหน้าว่ารับแต่ปัญหาห้ามเข้ามาด่าหรือโจมตี ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ความหมายมันมากไปกว่านั้นก็คือการรับฟังปัญหา และแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านนี่แหละมันสำคัญนัก เพราะเชื่อว่ามีปัญหาร้อยแปดที่ต้องการให้รัฐบาลและราชการช่วยแก้ไข ที่สำคัญก็คือมันแก้ไขให้ได้หรือเปล่า และแก้ไขได้รวดเร็วหรือไม่เท่านั้น
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริงก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่างานนี้มี"การเมือง"แฝงเข้ามาเอี่ยวแน่นอน ซึ่งก็คงไม่ต้องพูดกันมาก เพราะรับรู้อ่านกันออกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าพิจารณากันก็คือนี่คือการ"แก้เกม"ของฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่หยิบฉวยเอาจาก"โซเชียลฯ"ที่เคยคิดว่าเป็น"จุดอ่อน"ให้พลิกกลับมาเป็นจุดแข็งในการสื่อสารกับชาวบ้านได้โดยตรงโดยใช้สื่อมวลชนน้อยลง
การขับเคลื่อน "สายตรงลุงตู่"ที่ว่านี้อาจะเป็นการจัดการภายใต้การกำกับดูแลด้านประชาสัมพันธ์ของ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคยได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์รวมทั้งเรื่องการเผยแพร่ผลงานของรัฐบาลให้ชาวบ้านได้รับรู้
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในระยะหลังรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพยายามปิดจุดอ่อนให้มากที่สุด โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์จากโลกโซเชียลฯที่มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องมีความพยายามบิดเบือนไปอีกทางเพื่อดีสเครดิต แต่ที่ผ่านมาก็ได้เห็นทีมโฆษกรัฐบาลถูกส่งออกมาชี้แจงแก้ต่างอย่างรวดเร็วมากขค้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ไม่ค่อยมีข่าวคราวจากฝั่งรัฐบาลเท่าใดนัก
ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามออกมาสื่อสารโดยตรงกับทางชาวบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรทั่วประเทศในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ที่น่าจับตาก็คือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้จักเล่นกับ"กระแส"มากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยที่เห็นก็คือการใช้"กระแสออเจ้า"ได้อย่างเนียนๆที่สุด โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน เขาได้เปิดทำเนียบรัฐบาลให้เวลากับ"ทีมนักแสดงจากละครบุพเพสันนิวาส"อย่างเต็มที่ให้ความเป็นกันเองเต็มที่ มิหนำซ้ำยังพาเยี่ยมชมถึงในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีโดยให้เวลานานถึงเกือบสองชั่วโมง ถือว่าไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะทีเด็ดที่หยอดมุขแซวว่า "ไหนออเจ้าคนไหนอยากเลือกตั้งเร็วๆ" โดยหมื่นเรืองฯตอบว่า "ไม่เป็นไร รอได้ ให้เป็นไปตามโรดแมป" นี่แหละสำคัญนัก เรียกได้ว่างานนี้"ได้ใจ"ไปเต็มๆเลยเชียวหละ
เมื่อวกกลับมาที่เรื่อง"สายตรงลุงตู่" มันก็เหมือนกับการอธิบายด้วยภาพที่ไม่ต้องพูดจาสาธยายกันให้มากความ เพราะนี่คือการพลิกเกมกลับมาสู้อีกครั้ง โดยใช้สื่อสารในโลกโซเชียลฯที่เคยเป็นจุดอ่อนหรือ เคยถูกฝ่ายตรงข้ามนำมาใช้บั่นทอนโจมตี ให้กลับมามีประโยชน์ในเรื่องของความรวดเร็วและเข้าถึงตัวชาวบ้านได้โดยตรง
ดังนั้นงานนี้ถึงได้บอกว่าในช่วงที่ต้องลุ้นกันสุดตัวในโค้งสุดท้ายแบบนี้ มีเครื่องไม้เครื่องมือใกล้ตัวที่พองัดเอามาใช้ก็ต้องเอา อย่างน้อยก็ต้องเบรกภาวะ"ขาลง"ให้ได้ก่อน ประกอบกับโครงการฟื้นฟู"รากหญ้า"ที่กำลังโหมอย่างหนักในเวลานี้หากพอเห็นผลมันก็น่าจะตีตื้นเข้ามาแบบเป็นกอบเป็นกำ ก็พอน่าจะพอมีลุ้น !!