“บิ๊กตู่” ให้โอวาทวันข้าราชการพลเรือน ปลุกเร้าช่วยกันพัฒนาประเทศ ต้องเข้าถึงชาวบ้าน ย้ำ “ไทยนิยม” ทำเพื่อชาติ ไม่ใช่หาเสียง ยืนยันไม่ได้ออกนโยบายเพื่อตัวเอง หรือ คสช. พร้อมทั้งเรียกร้องให้ช่วยกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นรูปธรรม ลั่นไม่คิดเป็นนายกฯ อ้างเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต ประกาศฟัน ขรก.ทุจริตทุกคนตามกระบวนการยุติธรรม
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น พร้อมกล่าวให้โอวาทเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี พ.ศ. 2561 ว่า ข้าราชการมีหน้าที่ 3 ประการหลัก คือ การขับเคลื่อนหน่วยงานของตัวเอง ขับเคลื่อนผู้ใต้บังคับบัญชา และทำงานเพื่อประชาชน เป็นความรับผิดชอบของข้าราชการทุกระดับ เป็นกลไกในการบริหารประเทศ ถ้าทำได้ไม่ดี ประเทศชาติก็ไปไม่ได้ แม้จะมีรัฐบาลดีหรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดอยู่ที่ข้าราชการทั้งสิ้น รัฐบาลแม้จะมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ข้าราชการถือเป็นกลไกสำคัญในการเดินหน้า ข้าราชการต้องประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นคนดี คนเก่งมีคุณธรรม จริยธรรม
“ความจริงอยากให้รางวัลแก่ข้าราชการทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องการคืออยากให้ข้าราชการได้รางวัลจากประชาชน อยากให้ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยกับประชาชนให้มากกว่านี้ ต้องหน้าไม่งอ แม้เราจะเป็นปถุชนคนธรรมดาก็ตาม แต่เราก็มีสองบทบาท ถ้าเป็นประชาชนต้องคิดเสมอว่าเราอยากได้อะไรจากข้าราชการ และผู้บังคับบัญชานั้นมีส่วนสำคัญในการให้คุณหรือให้โทษ โดยจะต้องทำงานอย่างมีวิสัยทัศน์ มองให้ไกลและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ไม่หลีกเลี่ยงกฎหมาย จะต้องให้ทั้งรางวัลและแต่งตั้งคนอย่างเหมาะสม ขอให้ทุกคนตระหนักในตัวเอง รู้จักตัวเอง อย่าหวังร่ำรวย เพราะเรามีแค่เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยง ไม่เหมือนนักธุรกิจที่มีรายได้ดี อย่าฟุ่มเฟือยตามคนอื่น เพราะจะเกิดปัญหาทุจริตตามมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรากำลังเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ข้าราชการต้องมีความเข้าใจในส่วนนี้ รู้ว่าอะไรคือการปฏิรูป เราไม่ได้ปฏิรูปเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ใหญ่ขึ้น มีงบมากขึ้น แต่ทำเพื่อให้มีกระบวนการทำงานที่มีอนาคต เราต้องแก้ทั้งเรื่ององค์กรและระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งกลไกที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันเรามีกฎหมายกว่าแสนฉบับ เราจึงต้องทำกฎหมายให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้ได้โดยไม่มีอะไรผิดเพี้ยน หรือมีปัญหาระยะยาว ประเทศชาติอยู่ที่พวกข้าราชการ รัฐบาลและประชาชน จึงต้องร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้น ข้าราชการต้องหาวิธีตอบสนองนโยบายรัฐบาลให้ได้ รัฐบาลนี้ยืนยันว่าไม่มีนโยบายเพื่อตัวเองและ คสช.
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นการเตรียมการสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และข้าราชการสำคัญที่สุด เพราะอยู่ในทุกพื้นที่ ท่านจะทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาธิปไตยของเราเป็นสากล โดยต้องเหมาะกับประเทศไทย ไม่ย้อนกลับไปแบบเดิมอีก วันนี้เห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวมากมายพอสมควร ตนไม่ว่าใครผิดหรือถูก แต่ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลและ คสช.มีความมุ่งมั่นทำให้ประเทศมีการพัฒนา ดังนั้น ทุกคนมีหน้าที่ขับเคลื่อนผลักดันยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นรูปธรรม โดยนำแนวพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งปัจจุบันได้นำมาประเดิมใช้ในโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อไปถึงหมู่บ้าน ครอบครัว โครงการนี้ไม่ใช่การหาเสียง หรือประชานิยม แต่เป็นการคิด พูดคุยร่วมกัน เพื่อหาข้อยุติ ไม่ใช่พอมีเงินก็แจกกลุ่มนี้กลุ่มนั้น เราต้องให้คิดกันเอง ต้องสอนให้คิดเป็น ที่ผ่านมาไม่ได้กล่าวหาใครว่าคิดไม่เป็น แต่เป็นเพราะขาดคนชี้นำ ซึ่งวันนี้รัฐบาลมีการชี้นำจริง แต่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง หรือเพื่อรัฐบาลและ คสช. แต่ชี้นำเพื่อประเทศไทย
นายกฯ กล่าวว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสิ่งที่ทรงพระราชทานมา 30-40 ปีแล้ว ต่างประเทศนำไปใช้และเขาก็พูดกลับมาที่ตนว่า “โชคดีที่ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาพูดมาคำนี้ผมก็สะอึก แต่คนไทยสำนึกไหม คิดเข้าใจในสาระตรงนี้ไหมว่าที่เขาพูดอย่างนี้หมายความอย่างไร โดยเฉพาะประเทศที่มีความยากจน มีสงคราม ที่เราไปร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยหลายพื้นที่ เขาชื่นชมกลับมา เพราะข้าราชการของเราไปช่วยประชาชนของเขา เขาบอกว่าโชคดีที่คนไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเช่นเดียวกันเราก็โชคดีที่มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานนำพระราโชบายให้สืบสาน รักษาและต่อยอดสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงทำไว้สมบูรณ์”
นายกฯ กล่าวว่า ฉะนั้นเราต้องช่วยกันที่จะสานต่อรักษาสิ่งที่ดีงาม และติดตามว่าที่ผ่านมาเราทำครบถ้วนแล้วหรือยัง ทั้งนี้ ประชาชนต้องร่วมมือร่วมใจด้วย เราใช้กฎหมายบังคับอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสร้างการเรียนรู้ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย เพื่อทำให้เกิดสังคมที่ปลอดภัย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่รัฐบาล และ คสช.คิด ขอให้เข้าใจความคิดของตนด้วย ตนรับผิดชอบทั้งงานด้านความมั่นคง และการบริหารราชการแผ่นดินด้วย คนเป็นข้าราชการต้องเสียสละ ต้องคิดว่าประชาชนจะได้อะไรจากการทำงานของพวกเรา การทำงานต้องอยู่ในสมองว่าเราทุกคนต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่เตรียมการไปสู่อนาคตเป็นนักการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี ตนไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้จริงๆ ทุกอย่างมันเป็นชะตาฟ้าลิขิตมาทั้งหมด เขาบอกโชคชะตาฟ้าลิขิตทุกคนกำหนดมาแล้ว ถ้าเราเป็นคนดี ลิขิตจะเปลี่ยนไปได้ถ้าเราดีจริง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องการให้พร้อมในการรองรับการเป็นประชาธิปไตยสากลในวันข้างหน้า ตนก็ทราบว่ามีผลกระทบต่างๆ มากมาย แต่เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศที่เลือกประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองในการบริหารประเทศมี 3 อำนาจ โดยที่รัฐบาลจะใช้อำนาจที่พระราชทานมาอย่างไรไม่ให้เสื่อมเสีย และเป็นสิ่งที่ข้าราชการทุกคนต้องปฏิบัติให้ราบรื่น ขอให้ข้าราชการมีความมั่นคงต่อไปในระบอบประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ตนจะพยายามทำให้ทุกคนมีความปลอดภัยในการทำงานให้มากที่สุด แต่ทำอย่างไรทุกคนจะไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งที่มันไม่ดี และที่เคยเกิดขึ้นมาอีก
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายทางการปกครองอยู่บ้าง เพราะทุกคนรู้แล้วว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง และวันหน้าต้องไม่เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าใครก็ตามจะทำให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ เพราะผู้ที่จะมารับโทษทางวินัยคือพวกท่านทุกคน ทุกคนต้องฝืนและเข้มแข็งให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การกรอกใบประเมินข้าราชการ ตนเห็นได้คะแนนเต็มหมด แต่งานไม่ค่อยเรียบร้อย ยังมีปัญหาอยู่ ให้คะแนนเต็มไม่ได้ บางทีคะแนนรวมได้ 98-99 เปอร์เซ็นต์ แต่ตนยังโดนด่าเพียบ ตนดูอยู่ แต่ไม่ได้ให้ร้ายใคร ถ้าไม่มีความผิด ถ้าไม่ทุจริต เพราะการปกครองข้าราชการที่มีอยู่จำนวนมากมันไม่ง่าย แต่ขอให้ข้าราชการทำดีต่อไป ส่วนคนไม่ดี ตนยืนยันว่าจะลงโทษหมดด้วยกระบวนการยุติธรรม ผ่านการตรวจสอบ สอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริง ประชาชนอาจยังไม่เข้าใจและใช้การตัดสินโดยโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นพลังสำคัญที่ทำให้การบริหารราชการยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ถ้าจริงก็แก้ไข ถ้าไม่จริงก็ออกมาชี้แจง และขอให้ทุกคนดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ เพื่อสร้างสังคมที่มีความสามัคคีปรองดอง
