“พล.อ.ประยุทธ์” บินร่วมประชุมผู้นำกลุ่ม 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงที่เวียดนาม เมินตอบเรื่องส่งตีความกฎหมายลูก ส.ส. ยิ้มเมื่อถูกถามเรื่อง “แม้ว-ปู” โผล่ญี่ปุ่น
วันนี้ (30 มี.ค.)ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมภริยาและคณะ ออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS Summit) ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 30-31 มี.ค. ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยนายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่ประธาน สนช.ส่งหนังสือขอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กลับ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และปฏิเสธตอบกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวในงานเปิดตัวหนังสือของอดีตรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น โดยนายกฯ แสดงสีหน้ายิ้มเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS Summit) ครั้งที่ 6 ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยวันที่ 30 มี.ค. นายกฯ จะหารือทวิภาคีกับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และจะเป็นสักขีพยานในพิธีมอบใบอนุญาตการลงทุนในโครงการอมตะ ซิตี้ ฮาลอง
จากนั้นหารือกับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อนประชุมระดับผู้นำภาคธุรกิจแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ในหัวข้อ “ค้นหาปัจจัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติเวียดนาม กรุงฮานอย ซึ่งนายกฯ จะได้กล่าวถ้อยแถลงในเวทีดังกล่าวด้วย
สำหรับวันที่ 31 มี.ค. นายกฯ จะร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ของการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงฯ ในหัวข้อ “ปัจจัยสำคัญของแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ในอันที่จะเพิ่มพูนประโยชน์จากผลสำเร็จที่ผ่านมา และการประสบความสำเร็จท่ามกลางภูมิทัศน์การพัฒนาของโลกที่เปลี่ยนแปลง”
จากนั้นจะเป็นการประชุมเต็มคณะ ในหัวข้อ “การใช้ประโยชน์ของความร่วมมือและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อบูรณาการให้เกิดความมั่งคั่งร่วมกันในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา” หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกฯ เดินทางกลับถึงประเทศไทยเวลา 16.00 น.