“ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา” คำนี้วงการสื่อสารมวลชนหรือ วงการข่าว และผู้ที่สนใจติดตามข่าวสาร คงจะคุ้นหูและ เคยชินกับคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นสโลแกน “คนข่าวในเครือ เนชั่น”
โดย “สุทธิชัย หยุ่น” หนึ่งในผู้ก่อตั้งและบุกเบิกเครือเนชั่น ได้เขียนกติกานี้ขึ้นมาเพื่อเป็นบรรทัดฐานหรือเป็นแนวทางให้คนข่าวในเครือเนชั่น ได้ถือปฏิบัติหรือเป็นบรรทัดฐานในการทำงานเรียกง่ายๆ ว่า “Nation way” ที่ยืนยงมากว่า 40 ปี
แต่แล้วพายุลูกใหญ่ก็พัดมาถล่มวงการสื่อสารมวลชนไทย จากการหลงเข้าไปลงทุนใน “ทีวีดิจิทัล” และการถูกกระแส “โซเชียลเน็ตเวิร์ก” แขนงต่างๆ กลืนกินโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่ว่าจะเป็นสื่อเล็ก สื่อใหญ่ ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ต่างได้รับผลกระทบกันอย่างหนักหนาสาหัส
“เครือเนชั่น” สื่อใหญ่อีกหนึ่งราย ที่ได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง จนประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก มีการปรับลดพนักงาน ให้พนักงานเออลีรีไทร์อย่างน้อยๆ 3 หน ใช้กลยุทธ์ ปรับลดต้นทุนทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ไม่ว่ารูปแบบการเสนอข่าว ลดหน้าหนังสือพิมพ์ ปิดวิทยุ หันไปเสนอช่องทางออนไลน์ หรือช่องทางต่างๆ
ตลอดจนกระแสข่าวว่าจะมีการยุติ “หนังสือพิมพ์คมชัดลึก” เพื่อความอยู่รอดอีกด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่ “สุทธิชัย” ไปพลาดท่าใน “สมรภูมิธุรกิจ” ให้แก่กลุ่มทุนใหม่อย่าง “กลุ่ม NEWS” จนเป็นเหตุให้ ผู้ก่อตั้งอย่าง “สุทธิชัย หยุ่น” จำต้องอำลาที่มั่นอันเป็นที่รักไปในที่สุด โดยบัดนี้ เขาไปยึดหัวหาด “ร่วมผลิต” และ “จัดรายการ” อยู่ที่ทั้ง “สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส” และ MCOT ช่อง 9 อสมท
และอีกไม่ช้าผู้เป็นน้องชายอย่าง “เทพชัย หย่อง” ก็จำต้องเดินไปในเส้นทางสายเดียวกันในสิ้นเดือนเมษายน ปีนี้
การโบกมือลาของ “สุทธิชัย” เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเข้ามาของ “เสี่ยช้าง” สมชาย มีเสน จากฐานเศรษฐกิจ และ “เสี่ยต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม จาก TNEWS เข้ามายึดหัวหาดในฝ่ายบริหาร
โดยเฉพาะรายหลัง ก่อนที่จะเข้ามาก็ได้มีความพยายาม ในการต่อรองให้เปลี่ยนตัวผู้ที่จะมากำกับทิศทางด้านข่าว ด้วยภาพลักษณ์ของ “เสี่ยต้อย” ที่ยืนตระหง่านตรงข้าม “ระบอบทักษิณ” แถมยังไปมีบทบาทสำคัญช่วงการชุมนุม กปปส. เป็นมือทำงานที่ใกล้ชิด “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ตั้งแต่ก่อนชุมนุม จนมาถึงปัจุบัน
ภาพของ “สนธิญาณ แห่ง TNEWS” จึงเข้ามากลบความเจิดจ้าของ “เนชั่น” ที่เคยพยายามสร้างชื่อในฐานะ “สื่อครบวงจร” ในอดีตเสียสนิท และกำลังถูกจับตาจากสังคมว่า สุดท้ายแล้วจะกลับกลายเป็นแค่ “TNEWS สาขาสอง” หรือไม่
แล้วก็ไม่ผิดอย่างที่คิด พลันที่กลุ่มทุนใหม่เข้ามาเต็มตัว ก็ได้เริ่มมีการ “ผ่าตัดใหญ่” เริ่มจากเดิมเครือเนชั่น มีทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่อง NOW 26 และ ช่อง Nation 22 ซึ่งขาดทุนมาโดยตลอด จึงจะตัดให้เหลือทีวีเพียงช่องเดียวคือ Nation 22 ซึ่งก็ได้มีการรวบรวมพนักงานและทีมงานทยอยมาอยู่ช่อง Nation 22 มาพักใหญ่แล้ว ซึ่งจะอยู่ภายใต้การดูแลของ “สนธิญาณ”
โดยมีข่าวร้อนๆ ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์มาแล้วว่า จะมีการดึง “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก โฆษกคนสำคัญของ กปปส. ที่ตอนนี้จัดรายการอยู่ “ช่องนิวทีวี” มาร่วมงานในเดือนเมษายน 2561 จะเริ่มออกอากาศ ตั้งแต่พฤษภาคม เป็นต้นไป
และมีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ๊ปองจะทำรายการข่าว ช่วงวันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 18.20-20.00 น. และรายการสัมภาษณ์พิเศษในวันเสาร์
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แต่เดิมช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เป็นรายการล่าความจริง ซึ่งเป็นทีมงานจากช่อง NOW26 เดิม ที่มี ปกรณ์ พึ่งเนตร เป็นบรรณาธิการข่าว และรายการคมชัดลึก รายการนิวส์ทอล์กที่อยู่มาตั้งแต่เปิดสถานี ปัจจุบันมี เอกรัฐ ตะเคียนนุช เป็นผู้ดำเนินรายการ
แค่ชื่อ “เสี่ยต้อย-เจ๊ปอง” คงจะนึกภาพกันออกว่า ทิศทางข่าว หรือแนวทางการอ่านข่าวจะออกมาแนวทางอย่างไร สำทับกับ ผู้ดำเนินรายการแม่เหล็ก กนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ที่มีจุดยืนอยู่ในทิศทางเดียวกับลุงกำนัน ก็ยิ่งชัดเจนหนักเข้าไปอีก
ดังนั้น เวลานี้ เนชั่นยุคใหม่จึงสามารถกล่าวได้อย่าง เต็มปากเต็มคำได้ว่า เป็นจุดศูนย์รวม เซเลบตัวท็อปของ ฟาก “ลุงกำนัน” เลยก็ว่าได้
กล่าวสำหรับ “กนก รัตน์วงศ์สกุล” นั้น ห้วงเวลานี้ ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย ยิ่งเมื่อไปตรวจสอบข้อมูลที่ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เจ้าของสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 61 เมื่อครั้งที่มีมติแต่งตั้งนายสมชาย มีเสน เป็นรองประธานบริษัท และ นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย เป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการบริษัท ก็จะพบว่า มีการอนุมัติแก้ไขอำนาจลงนามผูกพันบริษัทของกรรมการ เป็น นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย, นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล, นายสมชาย มีเสน และ นายสุพจน์ เพียรศิริ กรรมการ สองในห้าคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราบริษัท
ชื่อที่โดดเด้งขึ้นมาก็คือ “นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล” ซึ่งมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็น “ภรรยา” ของ “กนก รัตน์วงศ์สกุล” นั่นเอง ดังนั้น สถานะของ “กนก” ในเครือเนชั่นยุคใหม่จึงย่อมไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ หลังการขยับครั้งนี้ แนวทางเดิมเกี่ยวสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น หรือคมชัดลึก ที่ 2 หัวแรก ดูจะไม่มีปัญหาในแง่ธุรกิจ สามารถทรงตัวไปได้ด้วยแนวทางเฉพาะตัว ทำให้ไม่เคยขาดทุน มีกำไรมาตลอด อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยประคองเครือเนชั่นมาตลอดด้วย
น่าสนใจตรงที่ “คมชัดลึก” ที่ก่อนหน้าที่มีข่าวออกมาตลอดว่า จะมีการปิดในส่วนของ “หนังสือพิมพ์” ทำเอาทีมงานเตรียมเคานต์ดาวน์นับถอยหลังมาเรื่อย แต่นโยบายล่าสุด จะยังคง “คมชัดลึก” ไว้เช่นเดิม จนพนักงานเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน เพราะก่อนหน้านี้เคยแจ้งเป็นการภายในกับฝ่ายข่าว ฝ่ายขายโฆษณา และฝ่ายจัดส่งแล้วว่าจะ “เลิก”
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะคอการเมืองว่า หรือจะใช้เป็น “กระบอกเสียง” ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง และว่ากันว่าเป็นเหตุให้งบโฆษณาเริ่มหลั่งไหลมาที่ “คมชัดลึก” อย่างผิดสังเกตด้วย
ขณะที่เว็บไซต์ “เสี่ยต้อย” แทบจะยกทีมดูแลเว็บไซต์ TNEWS เข้ามาประจำการอย่างเบ็ดเสร็จ สังเกตได้จาก การพาดหัว “บทความ-คอลัมน์” ออกไปในแนวฮาร์ดคอร์สไตล์ TNEWS ทั้งสิ้น โดยเฉพาะข่าวความเคลื่อนไหวของ “ระบอบ ทักษิณ” อาทิ “เผยภาพแรก หลังโกย ชื่นชีวา มากันครบ” ช่วงที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เดินทางมาแถบเอเชียเมื่อช่วงตรุษจีน หรือ “คนนี้ที่ใช่ ไอ้เพ้ง สายตรงจอมยุทธ์หลังม่าน” เรื่องราวเกี่ยวกับ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล คนใกล้ชิดทักษิณ ที่มีข่าวว่าจะมานำพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ต้องมาติดตามดูกันว่าต่อไป การผ่าตัดครั้งใหญ่ครั้งนี้ ของเครือเนชั่น จะเป็นอย่างไร จะแล่นเรือฝ่ามรสุมครั้งนี้ไปได้หรือเปล่า ภายใต้ “กัปตันคนใหม่” อย่าง “เสี่ยต้อย” พร้อมด้วยลูกทีมที่ล้วนแล้วแต่เป็น “ติ่งลุงกำนัน” แทบทั้งสิ้น