ศาลปกครองสูงสุด ยืนคำสั่งห้ามตำรวจขัดขวางกิจกรรม We walk เดินมิตรภาพ มธ.สู่ขอนแก่น ชี้ รธน.รับรองเสรีภาพการชุมนุมสาธารณะ แกนนำหวังรัฐเลิกปิดกั้นขัดขวาง อำนวยความสะดวกจน 17 ก.พ จัดกิจกรรมเสร็จ
วันนี้ (15 ก.พ.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ไม่ปิดกั้น ขัดขวาง การชุมนุมและคุ้มครองความสะดวกของประชาชนในกิจกรรม “We walk เดินมิตรภาพจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มุ่งสู่จังหวัดข่อนแก่น”
ทั้งนี้ คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว มาจากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 7 คน ยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ให้ ผบ.ตร.สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในฐานะเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะมิให้กระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการปิดกั้น ขัดขวางในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ กับพวกรวม 4 คน ผู้ฟ้องคดี และผู้ร่วมชุมนุมภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และใช้อำนาจหน้าที่ดูแลการชุมนุมสาธารณะและรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโดยเคร่งครัด จนถึงวันที่ 17 ก.พ.
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางระบุว่า เสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะเป็นสิทธิและเสรีภาพที่สำคัญประการหนึ่งของประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยซึ่งรัฐธรรมนูญรับรองไว้ แต่จะถูกจำกัดได้เฉพาะแต่กรณีเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิชุมนุมสาธารณะไว้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายเลิศศักดิ์กับพวกได้มีหนังสือแจ้งการชุมนุมต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองหลวงแล้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองหลวงไม่ได้มีคำสั่งให้แก้ไขหรือคำสั่งห้ามการชุมนุมแต่อย่างใด และจากพยานหลักฐานมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีการปิดกั้น ขัดขวาง และทำให้นายเลิศศักดิ์กับพวก และผู้เข้าร่วมชุมนุมรู้สึกหวาดกลัว ซึ่งอาจมีการกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปในเหตุที่ถูกฟ้องร้อง อันกระทบต่อสาระสำคัญของสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ซึ่งการมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวของศาลไม่ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคแก่การบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด แต่ระหว่างที่มีการชุมนุม หากเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ามีการกระทำใด ๆ อันนำไปสู่การชุมนุมสาธารณะ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานตำรวจก็ชอบที่จะพิจารณากำหนดเงื่อนไข หรือมีคำสั่งหรือประกาศให้มีการแก้ไขหรือร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกชุมนุมหรือสั่งให้ยุติการกระทำนั้น หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะหรือกฎหมายอื่นได้ จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง
ด้านนายสุรชัย ตรงงาม ทนายความ กล่าวภายหลังฟังคำสั่งว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดวันนี้ยืนยันในหลักการว่าการเดินมิตรภาพมีการแจ้งการชุมนุมโดยถูกต้อง มีการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งศาลก็ได้พูดเรื่องสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และยังพูดเรื่องกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ซึ่งไทยผูกพันธ์อยู่ โดยคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุดก่อนมีคำพิพากษานี้ถือว่าเป็นที่สุด ซึ่งผลของคำสั่งจะมีจนกว่าเสร็จสิ้นการชุมนุม คือในวันที่ 17 ก.พ.ตามที่กลุ่มขอไว้
“ผลของคำสั่งเท่ากับรับรองว่า การเดินมิตรภาพเป็นการใช้เสรีภาพชุมนุมโดยสงบ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมต้องเคารพคำสั่งโดยไม่ดำเนินการใดๆ ซึ่งเป็นการปิดกั้นขัดขวาง ซึ่งในความเป็นจริงเราก็ยังพบว่า ปัญหาเรื่องการกดดันและการปิดกั้นยังคงอยู่ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (16) ทางทีมทนายก็จะนำคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการปิดกั้น แต่หากยังมีการปิดกั้นอีก ก็จะเข้ามาฟ้องศาลต่อไป หรือดำเนินคดีอาญาต่อหน่วยงาน ที่กระทำการปิดกั้นเพราะเรามีคำสั่งศาลชัดเจน”
สำหรับในคดีหลักษณะนี้ รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคำให้การมาส่งยังศาลปกครองซึ่งทางกลุ่มได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายเชิงสัญลักษณ์จำนวน 1 แสนบาท แต่ระหว่างนี้เราก็อาจจะพิจารณาเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม โดยกำลังปรึกษาหารือกันอยู่
นายภาสกร อินทุมาร เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า เมื่อคำสั่งศาลปกครองสูงสุดแล้ว หน่วยงานรัฐไม่ควรปิดกั้นการชุมนุมที่เหลืออีก 2 วัน โดยในวันที่ 16 ก.พ.จะมีการเดินใน จ.ขอนแก่น และจะมีเวทีวิชาการสรุปผลร่วมกัน ในวันที่ 17 ก.พ.ซึ่งจะเป็นวันสุดท้าย หวังว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกจนกว่ากิจกรรมนี้จะจบ
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นยังไม่อนุญาตให้เข้าไปจัดกิจกรรมนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้ายังไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการจากมหาวิทยาลัย ก็ยังพูดไม่ได้ว่าทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาต ความจริงแล้วมหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่มีอิสระทางวิชาการ ในวันดังกล่าวเราก็จะใช้เป็นเวทีทางวิชาการ มีประเด็นสิทธิเสรีภาพ ตนก็ยังรอทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นอยู่ว่าจะอนุญาตหรือไม่
เมื่อถามว่าหากจบการเดินมิตรภาพจะมีการจัดกิจกรรมต่อจากนี้อีกหรือไม่ นายภาสกรกล่าวว่า ทางเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองยังไม่ได้มีการหารือกัน แต่คาดว่าจะมีการดำเนินกิจกรรมต่อไปจนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้อง
ด้านนายอัมรินทร์ สายจันทร์ ทีมทนายของ "people go network "กล่าวว่า มีรายงานจากกลุ่มผู้ชุมที่เดินมิตรภาพในพื้นได้รายงานข้อมูลเข้ามา ว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการติดตามตัวผู้ที่เคยเดินทางมาร่วมกิจกรรม โดยมีการตามไปที่บ้าน ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีการพูดคุย ในลักษณะที่กดดัน ปรามไม่ให้มาร่วมกิจกรรมอีก และมีชาวบ้านในจังหวัดพะเยา ถูกตั้งข้อหาดำเนินคดี ในความผิด ขัดคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่3/2558 ในการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะนำเข้าไต่สวนในศาลปกครองส่วนของคดีหลัก และจะนำคำสั่งศาลปกครองสูงสุดวันนี้ไปสู้ในคดีอาญาที่ทางแกนนำโดนแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี เพื่อยืนยันว่าที่ถูกฟ้องคดีอยู่ได้กระทำในสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย