xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนประวิติศาสตร์ “เสี่ยอ๊อด”ทุบสถิติปล่อย“พระกริ่งปวเรศ”34 ล้าน **3 พ่อลูก“อ๊อด - เอ๋อ–อ้าย”ชิ่งฉายา “ขาใหญ่”ลดระดับพอร์ตหมื่นล้าน **เอวังปฏิรูปสงฆ์!!“กฎเหล็กสงฆ์-เณร”สิ้นความขลัง **“สนง.ทรัพยากรฯ เมืองคอน”ถลุงงบ 23 ล้าน ติดแอร์ในอาคารไร้ผนัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ปล่อยผ่านไม่ได้ !! ย้อนประวิติศาสตร์ “เสี่ยอ๊อด”ทุบสถิติปล่อย“พระกริ่งปวเรศ”34 ล้าน เมื่อปี 2558 พร้อมเล่าตำนานรับต่อมาจาก“เสี่ยกำพล” ห้อยคออยู่นับสิบปี ก่อนตัดใจนำออกประมูลเพื่อการกุศล แต่ดันไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน เมื่อปี 2557

นอกเหนือจาก“พอร์ตหุ้น”ที่น่าอิจฉาแล้ว .. “พอร์ตทรัพย์สินอื่น”ของ “เสี่ยอ๊อด ไซด์ไลน์”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ก็น่าสนใจไม่น้อย .. ก็ในบัญชีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อปี 57 “เสี่ยอ๊อดและภรรยา”ระบุว่า ครอบครองทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่า 40 ล้านบาท แบ่งเป็นของ “เสี่ยอ๊อด”15รายการ มูลค่า 30 ล้านบาท .. จำนวนนี้มีหนึ่งรายการที่เป็น“พระเครื่อง 12 องค์”ตีมูลค่าไว้ 25 ล้านบาท .. ทว่าเมื่อเดือนก.ย.58 ก่อนเกษียณจากตำแหน่ง “ผบ.ตร.ไซด์ไลน์”ไม่นาน “เสี่ยอ๊อด”ได้เป็นโต้โผจัดงาน “นิทรรศน์ศรัทธาแห่งสยาม”ขึ้น .. หลักใหญ่ใจความก็เพื่อเชิญชวนสมัครพรรคพวกนำ“พระเครื่อง-พระบูชา”มาร่วมประมูลในงาน เพื่อนำ“รายได้ส่วนหนึ่ง”ไปสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา .. ปรากฏว่าได้รับความสนใจจาก“มหาเศรษฐี-เซียน-นักเลงพระ-ตำรวจรักพระ”ที่มากันอย่างคลาคล่ำ .. ที่ขาดไม่ได้ก็ “เสี่ยกำพล”กำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ที่วันนี้ถูกหมายจับในหลายข้อหา .. ว่ากันว่ามูลค่า“พระเครื่อง-พระบูชา”ในงานวันนั้น รวมกันเป็นพันล้าน แต่ละองค์ประมูลขั้นต่ำหลักล้านขึ้น จนตำรวจต้องวางมาตรการรักษาความ ปลอดภัยเข้มงวดมากเป็นพิเศษ ..

ไฮไลต์ การประมูลวันนั้นอยู่ที่“พระกริ่งปวเรศ”ที่ว่ากันว่า เป็นองค์ที่มีตำหนิเหมือนองค์ที่“วัดบวรฯ”ที่สุด .. เจ้าของก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “เสี่ยอ๊อด”เจ้าของงาน ซึ่งรู้กันดีในวงการว่าครอบครองพระองค์นี้มานานนับ 10 ปี เจ้าตัวยังประกาศ “พุทธคุณ”ด้วยว่า หนุนส่งจนได้เป็น“ผบ.ตร.” ก่อนหน้านั้นด้วย .. เมื่อถึงงานงานใหญ่ที่ตัวเองเป็นโต้โผ ก็เลยตัดใจนำออกมาประมูลเพื่อการกุศล .. ท้ายที่สุดมี“เศรษฐีใจบุญ”คว้า“พระกริ่งปวเรศ”ไปครอง เคาะราคากันดุเดือดจนไปหยุดที่ 34 ล้านบาท ซึ่งถือเป็น“สถิติใหม่”ของพระตระกูลนี้ ด้วยเดิมมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 20 ล้านบาทเท่านั้น .. ตามที่“บิ๊ก อ๊อด”เล่าประวัติว่า เดิม“พระกริ่งปวเรศ”องค์ดังกล่าว เป็นของ“ผู้ดีเก่าคนหนึ่ง”แล้วขายให้“เสี่ยต้า บางแค”ก่อนตกมาถึงมือ“เสี่ยกำพล”ที่มีมิตรจิต-มิตรใจที่ดีกับ “เสี่ยอ๊อด”จึงปล่อยเช่ากันในราคา 15 ล้าน .. พร้อมกะเกณฑ์ว่า สนนราคาที่ได้ในการประมูลน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน หากต่ำกว่านั้น “บิ๊กอ๊อด”ก็เคาะราคา 20 ล้าน ประมูลคืนมาเอง พอมี“เศรษฐีใจบุญ”ทุ่มทุนถึง 34 ล้านบาท ก็“วิน-วิน”กันไป .. หลังจากนั้นเห็นว่า“เสี่ยอ๊อด”เสียดายไม่น้อย จนต้องไปควานหาเช่า“พระกริ่งปวเรศ”องค์ใหม่ มาห้อยคอแทน .. ที่ยกเอาประวัติศาสตร์การประมูล“พระกริ่งปวเรศ”หนนั้นขึ้นมา ก็แค่จะชี้ให้เห็นว่า เหตุใดพระเครื่องราคานับ 20 ล้าน ที่ “บิ๊กอ๊อด”บอกเองว่าห้อยคอมานับสิบปี ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. เมื่อปี 2557 จึงไม่ปรากฏรวมอยู่ในรายการ“ทรัพย์สินอื่นฯ”ที่เป็น “พระเครื่อง 12 องค์”ซึ่งตีมูลค่าไว้ 25 ล้านบาท .. เมื่อมีหลักฐานไทม์ไลน์การครอบครองชัดเจนเช่นนี้ ก็อาจเข้าข่าย“ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน”หรือไม่ อย่างไร .. ครั้นจะ“หลงลืม”ก็ไม่น่าใช่ เล่นห้อยคอจนได้เป็น ผบ.ตร. ขนาดนั้น .. เรื่องแบบนี้ ป.ป.ช. จะปล่อยผ่านไปก็กระไรอยู่นะขอรับ
 ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง และ ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง
**กางพอร์ตหุ้นพุ่มพันธุ์ม่วง!! 3 พ่อลูก“อ๊อด - เอ๋อ-อ้าย”ชิ่งฉายา “ขาใหญ่”ลดระดับพอร์ตหมื่นล้าน หลังเข้าๆ ออกๆ ด้วยทุนหลักพันล้านมาหลายปี เพลย์เซฟ ถือยิบย่อยแค่หลักร้อย แต่ร่องรอยผ่องถ่ายหุ้นระหว่าง“กลุ่มทุน”มี “ตัวละครชื่อคุ้น-นามสกุลดัง”น่าสนใจกว่า

เรื่องหุ้นผมนิยมมาก .. คำของ“เสี่ยอ๊อด ไซด์ไลน์”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่บอกว่าอาชีพ“ตำรวจ”เป็นแค่งานเสริม พร้อมคำขยาย ผมมีรายได้ ผลกำไรจากการเล่นหุ้น...”หรือแปลความได้ว่า เล่นหุ้นรวยกว่าเป็น“หมาต๋า”นั่นเอง .. ถึงกับเคยมีเสียงลือเสียงอ้างในตลาดทุนว่า“กลุ่มพุ่มพันธุ์ม่วง" ที่ประกอบด้วย “พ่ออ๊อด”และ 2 ทายาท "ลูกเอ๋อ" ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง และ "ลูกอ้าย" ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง รวมไปถึง พิศาล พุ่มพันธุ์ม่วง พี่ชายเสี่ยอ๊อด ที่เสียชีวิตไปแล้ว มีพอร์ตหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่า“หมื่นล้าน” จนถูกยกให้เป็น“ขาใหญ่”อยู่ช่วงหนึ่ง .. หากแต่“ข้อมูลอย่างเป็นทางการ”ในปัจจุบันกลับพบว่า พอร์ตของ 3 พ่อลูกรวมกันอยู่ราวๆ“พันล้าน”เอง .. ตัว“พ่ออ๊อด”ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินราวๆ 380 ล้านบาท เมื่อปี 2557 มีส่วนของเงินลงทุน 12 แห่ง 53 ล้านบาทเศษเท่านั้น .. แต่หลังยื่นบัญทรัพย์สินต่อป.ป.ช.กลับระดมทุนไปลงหุ้น AQ ได้ถึง 855 ล้านบาท ช่วงเดียวกันก็กำเงินสดๆไปเข้าหุ้น WAT อีก 270 ล้านบาท .. นอกจากนี้ “เสี่ยอ๊อด”ก็เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ WPหรือเวิลด์แก๊ส และส่งลูกสาวคนโต“บอสเอ๋อ”เข้าไปบริหาร .. ส่วนตัว “ลูกเอ๋อ”เองเน้นกระจายความเสี่ยงไปถือหุ้นยิบย่อยหลักสิบ หลักร้อยล้าน นับสิบตัว และมี AQ ที่ซื้อต่อมาจาก “พ่ออ๊อด”500 ล้านหุ้น ในราคา 250 ล้านบาท ..

น่าแปลกที่ “พ่ออ๊อด”ปล่อยหุ้น WP ให้“กลุ่มทุนอื่น”จนหมดมือ “ลูกเอ๋อ”ก็ยังนั่งบริหารเวิลด์แก๊สอยู่ “ผิดวิสัย”การซื้อขายหุ้นในตลาดไม่น้อย .. มาถึง“ลูกอ้าย”รายนี้ค่อนข้างโลว์โปรไฟล์ อาจจะด้วยยังเป็น“ตำรวจอาชีพ-เล่นหุ้นแค่ไซด์ไลน์”อยู่กระมัง มีถือหุ้นเด่นๆ ก็ AQ จำนวน 500 ล้านหุ้น หรือ 3.95% ที่ซื้อต่อจากพ่อ พร้อมกับพี่สาวในราคาเท่ากัน และเคยมีชื่อถือหุ้นใหญ่ FER-R จำนวน 233 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.07% มูลค่า 158 ล้านบาทอยู่พักใหญ่ .. ที่ว่าไปเป็น“ข้อมูลอย่างเป็นทางการ”เท่านั้น ยากที่จะทราบได้ว่า มีการถือหุ้นในรูปแบบ“ไม่ประสงค์ออกนาม”หรือไม่ และมีมากน้อยเพียงใด .. สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา “พอร์ตตระกูลพุ่ม”ลดความหวือหวาในตลาดทุนลงมาค่อนข้างมาก รูปการณ์นี้ก็ต้องบอกว่า “โกยไปไม่น้อย”หากได้ยื่นบัญชีอีกที คราวนี้เงินน่าจะโผล่ขึ้นมาเป็นพันๆล้าน เห็นจะได้ .. ความน่าสนใจไม่ใช่ว่า ลงทุนได้-เสียอย่างไร แต่อยู่ที่การผ่องถ่ายระหว่าง“กลุ่มทุน”ที่มี “ตัวละครชื่อคุ้น-นามสกุลดัง”อยู่ไม่กี่ราย .. ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไล่เช็คให้รู้เช่นเห็นชาติ ไม่ว่าจะเป็น“ดีเอสไอ”ที่นัดหมายกับ“เสี่ยอ๊อด”วันนี้ หรือทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็น่าจะออกมาแอคชั่นบางประการ .. หากเห็นว่าน้ำหนักของข้อหา “ค้ามนุษย์”ที่ “เสี่ยกำพล”กำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ผู้ให้ “เสี่ยอ๊อด”ยืมเงิน 300 ล้านบาท ต้องคดีอยู่ มีน้ำหนักพอ ก็ควรเข้ามาไล่เช็คเส้นทางการเงินเหล่านี้ให้ผุดผ่องอย่างที่ทาง“นายกฯอ๊อด”มั่นใจเสียเถอะ.
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์  และ  แม่ชีทศพร
**เอวังปฏิรูปสงฆ์!!“กฎเหล็กสงฆ์-เณร”สิ้นความขลัง“เจ้าคณะใหญ่หนกลาง”ไร้แอกชั่น ปล่อย"หลวงเพ่น้ำฝน" ฟื้นพุทธพาณิชย์ ขายกระเป๋าปลุกเสก-ผ้ายันต์ไฉ่ซิงเอี๊ย แถมเห็นดีเห็นงามบูชาเทพในตำนาน โร่ไปเปิด“พระแม่ธรณีฯ”ให้ “แม่ชีทศพร”ถึงเมืองจันท์

ปฏิรูปแบบลูบๆ คลำๆ จนเคย .. วาระ“ปฏิรูปการผ้าเหลือง”ฮึ่มๆ กันอยู่พักนึง แล้วก็เงียบ ยิ่งหลังปรับ“ครม.ประยุทธ์ 5”ที่ “นายกฯตู่” มอบหมาย“เพื่อนฉัตร”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ควงคู่ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับ“สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ”ยิ่งเงียบกริ๊บ .. จากเดิมที่ดูมีความหวัง มาวันนี้กรอกลับ กลายเป็น “ดินแดนสนธยา”ไปแตะต้องไม่ได้เช่นเคย .. เอาแค่กรณี“ธรรมกาย” ที่แค่เอาเป็นเอาตาย วันนี้ก็ยังไม่เห็นหัว“ธัมมชโย”แล้วก็ยังปล่อย “ลัทธิจานบิน”ดำเนินกิจการพุทธพาณิชย์ อยู่แบบเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น .. หรือ ก่อนหน้านี้ เดือนก.ย.60 ที่เคยมี “กฎเหล็กสงฆ์-เณร”ที่ออกคำสั่งโดย “พระสังฆาธิการ”หรือเจ้าคณะใหญ่ทั้ง 5 คุมเข้มพฤติกรรม พระ-เณร .. ข้อสำคัญที่ชาวพุทธโมทนาสาธุ ก็เรื่องการห้ามวัดติดป้ายโฆษณาปลุกเสกวัตถุมงคล-ห้ามจำหน่ายวัตถุมงคล อย่างเด็ดขาด .. เข้มๆ กันอยู่พักเดียว ตอนนี้เริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง .. ไม่ต้องไปไกล เอาแค่พื้นที่ความรับผิดชอบ“หนกลาง”ในความดูแล “สมเด็จสมศักดิ์”สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ในฐานะ“เจ้าคณะใหญ่หนกลาง”ดูจะหละหลวมกว่าใครเพื่อน .. ทั้งคดี“เงินทอนวัด”ที่ “เจ้าคุณบุญเทียม”พระราชรัตนมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติฯ เป็น 1 ใน 4 ภิกษุ ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตเงินทอนวัดด้วย แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ทางสงฆ์ออกมา .. จนคนนินทาว่า ที่อยู่รอดปลอดภัยก็ด้วยความใกล้ชิดเป็น“เลขานุการเจ้าใหญ่คณะหนกลาง”นั่นเอง ..

หรือบรรดาพฤติกรรมเสื่อมเสียสร้างความมัวหมองแก่พระพุทธศาสนา จากเจ้าเก่าอย่าง "หลวงเพ่น้ำฝน" แห่งวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม .. ที่ลุกขึ้นมาอวดโอ้พุทธคุณ-ธรรมคุณ เปิดขายกระเป๋าปลุกเสก "พูลเพิ่มทรัพย์" ตามมาด้วยผ้ายันต์พันคอ “ไฉ่ซิงเอี๊ย”รับเทศกาลตรุษจีน สร้างเทรนด์เครื่องรางของขลังกกลับมาอีก ไม่สน“กฎเหล็ก”อะไรเลย .. ปัญหาความไม่ชอบมาพากลของงบประมาณ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี ที่มีผู้ไปร้องเรียนถึงทำเนียบรัฐบาล .. ต่างๆ เหล่านี้มีการแทงเรื่องไปถึง“สมเด็จสมศักดิ์”อย่างครบถ้วน ทว่ามีการแจ้งกลับว่า“อาพาธ”ยังไม่สะดวกปฏิบัติหน้าที่ .. แต่กลับกัน กิจนิมนต์ขึ้นเหนือ ล่องใต้ “สมเด็จสมศักดิ์”กลับเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจังหวัดไหนนิมต์มา มิเคยบอกปัด .. โดยเฉพาะครั้งที่ "แม่ชีทศพร" ต้นตำรับสแกนกรรมอันลือลั่น ซึ่งเคยพำนักอยู่ที่วัดพิชยญาติฯไปสร้าง “พระแม่ธรณีบีบมวยผม”องค์ใหญ่ที่สุดในโลกให้คนสักการะ ที่จ.จันทบุรี .. “เจ้าประคุณสมเด็จวัดพิชยญาติฯ”ก็มีน้ำใจล้นเหลือ ไปเป็นองค์ประธานเปิดให้ โดยไม่พิจารณาให้ดีว่า“พระแม่ธรณีฯ”เป็น “เทพในตำนาน”หาใช่ “พระพุทธรูป”แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ที่“สงฆ์ผู้ใหญ่”ควรไปสนับสนุน และเคยมีการเน้นย้ำในกฎเหล็กสงฆ์ด้วย .. เมื่อ“พระปกครอง”ยังไม่ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงตัวเอง โอกาสปฏิรูปสะสาง“วงการผ้าเหลือง”ก็คง “เอวัง”เช่นเดิม.
อาคารเอนกประสงค์ แหลมตะลุมพุก
** โกงกันมูมมาม !! “สนง.ทรัพยากรฯ เมืองคอน”ถลุงงบ 23 ล้าน ติดแอร์ในอาคารไร้ผนัง แถมงานถมดินลูกรัง 5 เมตร สรุปถมขึ้นมาเมตรเดียว แต่“ข้าราชการไทย”เซ็นรับมอบงาน ปล่อย“เอกชน”รับเงินหน้าตาเฉย ฟ้องโมเดลเงินทอนโครงการรัฐ

ไม่มีวัวผสมเลย .. มีมาเรื่อย เรื่องฉาวๆประจานความล้มเหลว“วาระปราบโกง”ของ“รัฐบาลทหาร”..คราวนี้เป็น ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กับโครงการอาคารเอนกประสงค์ภายในที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแหลมตะลุมพุก งบ 22.7 ล้านบาท .. ปรากฏว่า สร้างเสร็จ-รับมอบงานเรียบร้อย ตั้งแต่ ก.ย.60 แต่เกือบครึ่งปี ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ .. ก็ด้วยสภาพอาคารเป็นแบบ“โอเพ่นแอร์”เปิดโล่ง ไม่มีผนัง-กำแพง แต่กลับติดตั้งเครื่องปรับอากาศไปตั้งหลายตัว .. มองผ่านๆ คิดว่า “ผู้รับเหมา”ทิ้งงานแหง ๆ แต่เมื่อ จำเริญ พิทพยพงษ์ธาดา ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช พร้อม สำนักงานตรวจเงินเผ่นดิน (สตง.)ประจังหวัด ไปตรวจสอบ ก็พบว่าไม่เป็นไปตามแบบ ทั้งฝ้าเพดาน ที่ไม่ได้ตีไม้เต็มพื้นที่ รวมถึงอีกหลายจุด .. อย่าง“งานถมดินลูกรัง”งบประมาณ 8.8 แสนบาท ที่ต้องถมดินได้สูง 4.9 เมตร แต่ที่ ส่งมอบงานกัน สูงแค่เมตรเดียว .. ปัญหาอยู่ที่ว่า สร้างไม่ตามแบบ ทำไม่ได้ตามทีโออาร์ เสร็จแบบทะแม่งๆ กลับมีคนเซ็นรับงาน เบิกจ่ายเงินไปเรียบร้อย .. มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกเหนือจาก“มีนอกมีใน”ทั้งที่เห็นท่นโท่ว่า“มันผิดปกติ” .. แบบนี้ไล่ไม่ยาก ว่าใครต้องรับผิดชอบ แค่เอา“ไอ้โม่ง”คนที่เซ็นออกมา ก็เชือดซะ .. ประจานกันชัดๆ เป็นโครงการของ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.นครศรีธรรมราช ที่อ้างความจำเป็นเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ .. ในอารมณ์ที่หากทำตามแบบ เป๊ะตามโครงการ“เงินทอน” คงน้อย เอาแบบพอถูไถ เซ็นรับมอบงาน คล้ายกับ“คนร้อนเงิน”..นี่โครงการขี้หมูขี้หมา โครงการใหญ่ๆ บิ๊กโปรเจกต์ ก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าใดหร๊อก.

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น