โฆษกศาลปกครอง ยัน ประธานศาลปกครองสูงสุดทำตามกฎหมาย ปมล้มสรรหาเลขาธิการสำนักงานศาล ปค. ชี้ เป็นอำนาจอีกทั้งการคัดเลือกสอดคล้องกับหลักการศาลยุติธรรม
วันนี้ (10 ก.พ.) นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกศาลปกครอง กล่าวชี้แจงกรณี นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ว่า กฎหมายได้แก้ไขใหม่ตามข้อเรียกร้องของตุลาการ ให้สามารถแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองจากตุลาการ หรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองก็ได้จากเดิมที่กำหนดให้แต่งตั้งจากข้าราชการเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายก็เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการสอดคล้องเป็นทิศทางเดียวกับการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล โดยเทียบเคียงจากการแต่งตั้งเลขาธิการ สำนักงานศาลยุติธรรมที่กฎหมายกำหนดให้ต้องแต่งตั้งจากเลขาธิการจากผู้พิพากษาเท่านั้น
เขากล่าวว่า นอกจากนี้ กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของประธานศาลปกครองสูงสุดในการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ไม่ใช่อำนาจของ กศป. ที่จะเป็นผู้คัดเลือกเพียงแต่ต้องเสนอ กศป. ให้ความเห็นชอบเท่านั้น หาก กศป. ไม่เห็นชอบตัวบุคคลที่ประธานเสนอ ประธานก็ต้องคัดเลือกและเสนอชื่อคนใหม่ให้ กศป. ให้ความเห็นชอบต่อไป รวมทั้งกฎหมายไม่ได้กำหนดวิธีการคัดเลือกเลขาการของประธานศาลปกครองสูงสุด ว่า ต้องดำเนินการโดยวิธีใด และไม่ได้กำหนดให้ต้องตั้งคณะกรรมการคัดเลือก ดังนั้น หากมีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่ประธานจะนำมาประกอบการพิจารณา โดยประธานไม่จำต้องคัดเลือกตามข้อเสนอของคณะกรรมการ
นายประวิตร กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองในครั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือก ได้เสนอผลการคัดเลือกตามความเห็นของเสียงข้างมาก แต่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการคัดเลือกและความเหมาะสมของผู้ที่คณะกรรมการคัดเลือกเสนอ อีกทั้งมีข้อเรียกร้องให้การแต่งตั้งเลขาธิการในครั้งแรกหลังจากมีการแก้กฎหมาย ควรแต่งตั้งจากตุลาการประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้ว จึงไม่เสนอชื่อบุคคลที่คณะกรรมการคัดเลือกเสนอ และได้คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการจากบุคคลอื่นที่มีความเหมาะสมมากกว่าและไม่มีข้อด่างพร้อยใดๆ เสนอต่อคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (กศป.) เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่ง กศป. มีข้อสังเกตว่า ก่อนที่ประธานจะเสนอชื่อผู้อื่น ประธานควรยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก และแจ้งผู้สมัครทราบก่อนประธานจึงขอถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการประชุม หลังจากนั้น ประธานจึงมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก
“ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจตามกฎหมายในการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมและเป็นที่ไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการซึ่งกฎหมายกำหนดให้เลขาธิการที่มาจากตุลาการมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปีแต่หากมาจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ซึ่งหากเลขาธิการที่มาจากตุลาการครบวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ก็จะมีการคัดเลือกเลขาธิการใหม่ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผู้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดในขณะนั้น ว่า เห็นว่า ผู้ใดเหมาะสม และได้รับความไว้วางใจระหว่างตุลาการกับข้าราชการ นอกจากนี้ หากเทียบเคียงกับแนวทางปฎิบัติของศาลยุติธรรม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการจะขอโอนกลับไปเป็นผู้พิพากษาเพื่อเปิดทางให้ประธานศาลฎีกาคนใหม่คัดเลือกเลขาธิการใหม่ ดังนั้น ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงยังสามารถดำรงตำแหน่งเลขาธิการได้ หากผู้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดในขณะนั้นเห็นว่ามีความเหมาะสม”