อดีต ผบ.ตร.เจอดีหลังหลุดวลีตำรวจเป็นไซด์ไลน์ “วัชระ” จ่อชง สนช.ฟัน ผิดจริยธรรมโทษแบนการเมืองตลอดชีพ จี้นายกฯ รับผิดชอบให้ตำแหน่ง พร้อมเรียกคืนยศ
วันนี้ (8 ก.พ.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพล.ต.อ.สมยศ ออกมาพูดตำรวจเป็นไซต์ไลน์ว่า เป็นการหยามหมิ่นตำรวจทั่วประเทศหรือไม่ อีกทั้งการที่บอกว่าตำรวจเป็นอาชีพไซต์ไลน์ เท่ากับเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพพิเศษ เป็นความเสื่อมเสียของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)อย่างยิ่ง ที่มอบยศให้พล.ต.อ. รวมทั้ง ตำแหน่งผบ.ตร. และตำแหน่ง คสช.ในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.อีกด้วย และ การระบุว่าอาชีพตำรวจเป็นแต่ไซต์ไลน์ จึงทำให้ ประชาชน สงสัยว่าในสมัยที่ท่านเป็นผบ.ตร.นั้นได้เบียดบังเวลาข้าราชการไปทำธุรกิจหรือไม่ และการไปยืมเงินจากสถานบริการค้ากามและค้ามนุษย์จำนวน 300ล้านบาทอยากทราบว่าเอาเงินไปทำอะไร และ ธุรกิจอะไร
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นสนช.ลำดับที่ 155 ซึ่งจะต้องปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระพ.ศ. 2561 ที่พึ่งประกาศใช้ ที่ครอบคลุมไปถึงสนช.ด้วย ดังนั้นในวันที่ 12 ก.พ.ตนจะทำหนังสือถึงนายพรเพรช วิชิตชลชัย ประธานสนช.ให้ตรวจสอบตามมาตรฐานจริยธรรม ที่เชื่อว่ากระทำผิดหลายข้อ โดยเฉพาะข้อ 19 และ 22 และดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งอาจเรียกร้องให้ป.ป.ช. ป.ป.ง. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกด้วย
“พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่แต่งตั้งพล.อ.สมยศ เป็นคสช. และ สนช. จะรับผิดชอบหรือนี้อย่างไร ที่ออกมาสารภาพว่าทำอาชีพตำรวจเป็นแค่งานไซต์ไลน์ ถึงว่าในยุคของท่านที่เป็นผบ.ตร.คดีความต่างๆจึงเกิดขึ้นมากมาย พร้อมกับทำความเสื่อมเสียให้องค์กรต่างๆที่ท่านสังกัดอยู่อีกด้วย ดังนั้นถ้าพล.ต.อ.สมยศ ไม่รักวิชาชีพของท่านก็ควรออกมาขอโทษประชาชน และคืนยศพล.ต.อ. ” อ ดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับมาตรฐานจริยธรรมฯ คือ ข้อ 19 ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ และ ข้อ 22 อุทิศเวลาแก่ทางราชการ ไม่เบียดบังเวลาราชการไปประกอบธุรกิจ เพื่อประโยชน์ ส่วนตัวหรือผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายมีการตรวจสอบ และเรื่องไปถึงศาลฎีกา และตัดสินว่ามีความผิด บุคคลนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต