“ทนายยิ่งลักษณ์” รับไม่ได้ สุดสะเทือนใจรองนายกฯ ระบุยึดบ้านพักอดีตนายกฯ และให้สามีกับลูกต้องจ่ายค่าเช่า ยกกฎหมายทำไม่ได้ เหตุไม่ใช่บ้านที่ปล่อยเช่าอยู่แล้ว ย้ำไม่ต้องจ่ายค่าเช่าให้คลัง โวยทำร้ายจิตใจครอบครัว
วันนี้ (2 ก.พ.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงกรณีการยึดบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วให้นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และนายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ต้องจ่ายค่าเช่าด้วยว่า ในฐานะทนายความได้ฟังคำให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจอดีตนายกฯ เป็นอย่างยิ่ง บ้านก็ถูกยึดทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และสามีกับลูกยังต้องมาจ่ายค่าเช่าในการอยู่บ้านของตัวเองอีก ทั้งนี้ ตนได้ดูข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วพบว่า กรณีถ้ามีการยึดบ้านของลูกหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าหนี้จะได้ค่าเช่านั้น จะต้องเป็นกรณีในขณะหรือภายหลังที่มีการยึดบ้านนั้น ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้นำบ้านออกให้บุคคลอื่นเช่า เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องค่าเช่านั้นได้ ซึ่งในทางกฎหมายเรียกว่าดอกผลของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่กรณีนี้การยึดบ้านของท่านอดีตนายกฯ เป็นการยึดทรัพย์โดยอาศัยคำสั่งทางปกครองก่อนที่จะศาลจะมีคำพิพากษา และข้อเท็จจริงเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า บ้านดังกล่าวอดีตนายกฯ ได้ร่วมพักอาศัยเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก แม่บ้าน โดยไม่ได้นำออกให้เช่าแต่อย่างใด
นายนรวิชญ์กล่าวอีกว่า การที่นายอนุสรณ์อยู่อาศัยก็อยู่อาศัยในฐานะสามี และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และการที่น้องไปป์อยู่อาศัยก็อยู่ในฐานะบุตร ไม่ใช่ผู้เช่า จึงไม่เป็นเหตุที่บุคคลทั้งสองจะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับกระทรวงการคลังตามที่นายวิษณุให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ จากคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายและแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการทำร้ายจิตใจของอดีตนายกฯ นายอนุสรณ์ และน้องไปป์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบ้านที่เคยอยู่อาศัยก็ต้องถูกยึด การอยู่ในบ้านของตัวเองก็ต้องมาเสียค่าเช่าอีก น่าสะเทือนใจยิ่งนัก ตนในฐานะทนายความของอดีตนายกฯ แม้จะไม่ได้ดูแลในส่วนคดีของศาลปกครอง แต่ขอให้กำลังใจอดีตนายกฯ นายอนุสรณ์ และน้องไปป์ ว่าคำสัมภาษณ์ของนายวิษณุไม่เป็นที่สุด ในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายยังมีขั้นตอนที่ต้องต่อสู้กันอีกหลายขั้นตอน