ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เปลืองไฟเปลืองแอร์!! แถลงความคืบหน้าปม“นาฬิกาหรู”ทั้งที่ไม่คืบหน้า “เลขาฯวรวิทย์”ท่องคาถา “ขออนุญาตไม่เปิดเผย”แต่เผยไต๋เอาผิด“เสี่ยป้อม”ไม่ได้ สร้างบรรทัดฐานใหม่แห่งการตรวจสอบ มองข้ามนิยาม“ประโยชน์อื่นใด”ไปเฉยๆ ส่วน “ประธานกุ้ย”ถอนตัว ก็ไม่ใช่สปิริต แค่จำนนสถานะ “สายตรงวงษ์สุวรรณ”
เซอร์ไพร์สแค่ไหน ถามใจเธอดู .. ตลอดการแถลงข่าวความคืบหน้า“โคตรนาฬิกาหรู”ของ“เสี่ยป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มี วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้แถลง .. ที่ขมวดประเด็นได้เพียงว่า ป.ป.ช. “คาดการณ์”ว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.61 โดยไม่มีรายละเอียดใดประกอบ .. อีกทั้งยังวนเวียนอยู่กับวรรคทองส่วนตัวของ“เลขาฯวรวิทย์” ที่ว่า“ขออนุญาตไม่เปิดเผยนะครับ”เพียงแต่คราวนี้ไม่มีเสียงหัวเราะเอิ๊กๆ ตามมาให้รำคาญเท่านั้น .. สรุปได้ว่า“ไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้า”จนมีคำถามตามไปว่า แล้วจะแถลงให้เปลืองไฟ เปลืองแอร์ ทำไมไม่ทราบ .. หากแต่เมื่อถอดรหัส“ระหว่างบรรทัด”ที่ “เลขาฯวรวิทย์”ตอบคำถามสื่อในประเด็น “ยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่”ก็จะพบว่า ฉาบเคลือบไปด้วยความพยายามที่จะปกป้อง“พี่ใหญ่ คสช.”โดยตลอด .. ทั้งการอรรถาธิบายโดยอ้าง “หลักการ”ว่า หากนาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น “บิ๊กป้อม”ก็ไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สิน ที่ต้องระบุ เฉพาะของตัวเอง-คู่สมรส-บุตรที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ทรัพย์สินที่จะยื่นนั้น ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้ครอบครองเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องยื่น .. เสมือนเป็นการแบะท่าแล้วว่า ที่ “เสี่ยป้อม”อ้างมาว่าเป็น“นาฬิกาเพื่อน” โอเค ผ่าน ..
แต่พอเจอถามถึงการตีความ“ของยืม”เป็น“ประโยชน์อื่นใด”ที่เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 103 ในกฎหมาย ป.ป.ช. หรือไม่“เลขาฯวรวิทย์”ก็ออกลูกพลิ้วไปว่า ต้องให้อนุกรรมการฯ เป็นผู้วินิจฉัย .. ก่อนจะมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า มาตรา 103 นั้นต้อง“ตีราคาเป็นตัวเงินได้” ..ก็ไม่รู้ว่าจะมีการนำ นาฬิกาเรือนที่ 16 Patek Philippe 5135R Calendario Annual Calendar มูลค่า 1.5 ล้านบาท ที่ “เพจ CSI LA”ขุดเพิ่มออกมาว่า“เสี่ยป้อม”เอามารัดข้อมืออยู่เป็นปี .. ตั้งแต่เดือน มี.ค.59 จนถึงอย่างน้อยเดือนก.พ.60 ที่ปรากฏอยู่บนข้อมือ“เสี่ยป้อม” ครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นเดือนเดียวกับที่เพื่อนรัก “เสี่ยคราม”ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เสียชีวิต ที่ว่ากันว่าเป็นเจ้าของนาฬิกาคืนเพื่อนเสียชีวิต .. ถ้าการครอบครองสินทรัพย์ของผู้อื่น ราคา 1.5 ล้านบาทอยู่ร่วมปี ถ้าไม่เข้าข่ายการถือกรรมสิทธิ์ ก็น่าจะพอตีเป็น“ค่าเช่า”จากมูลค่าสินทรัพย์ได้ไม่ยาก แต่ก็เชื่อว่าป.ป.ช.คงอ้างหลักการว่า ไม่สามารถทำได้มากกว่า .. แล้วหากเป็นไปตามคำพูดของเลขาฯ ป.ป.ช.คนปัจจุบัน ก็เท่ากับเป็นการสร้าง“บรรทัดฐานใหม่”ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯต่อป.ป.ช. ทำเอาบรรดา “นักการเมือง - ข้าราชการ”ลูบปากเลยทีเดียว .. ก็ด้วยบรรทัดฐานนี้ ต่อไปใครจะไป“ซุกเงิน - ซุกหนี้ - ซุกหุ้น”ไว้ที่ไหน ก็เพียงแต่อ้างว่าไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ แค่ยืมมาใช้ เท่านี้ก็จบข่าว ..
มิเพียงเท่านั้น คำแถลงของ“เลขาฯวรวิทย์”ยังดูขัดหูไปหมด ออกตัวราวกับทำหน้าที่ทนายส่วนตัวของ“เสี่ยป้อม”ด้วยการบอกว่า นาฬิกาที่มีทั้งหมด อาจไม่ถึง 25 เรือน ตามที่ถูกขุดขึ้นมา ทั้งที่ในสายตาคนนอกเชื่อว่า มีมากกว่า 25 เรือนด้วยซ้ำไป .. กลายเป็นว่า “องค์กรตรวจสอบ”อย่าง ป.ป.ช. ที่ควรจะเป็น“คนช่างสงสัยที่สุด”กลับคล้อยตามคำอ้างเลื่อนลอย มุ่งแต่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่“จำเลย”ทั้งที่คนอื่นมองว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่ฟังขึ้น .. มาอีหรอบนี้แล้วก็น่าจะสรุปๆ ยกความบริสุทธิ์ผุดผ่องไปให้ “ท่านรองฯป้อม”สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสียเลย ไม่ต้องยื้อเวลาเป็นพิธีไปถึงเดือนหน้าหรอก .. แล้วที่ “ประธานกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. พยายาม “ขโมยซีน”ไม่ขอร่วมพิจารณา กรณี“นาฬิกาหรู”ของ “เจ้านายเก่า”หากเรื่องส่งเข้าที่ประชุมใหญ่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น หรือน่าสรรเสริญเยินยอใน“สปิริต”อะไรเลย .. เพราะแม้จะไม่ได้เข้าข่าย“มีส่วนได้ส่วนเสีย-มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะญาติ”กับ “พี่ป้อม”ในทาง“นิตินัย”ตามมาตรา 46 ของกฎหมาย ป.ป.ช. อย่างชัดเจนก็ตาม .. แต่ในทาง“พฤตินัย”รู้กันทั่วเมืองว่า “ประธานกุ้ย”มียี่ห้อ “สายตรงวงษ์สุวรรณ”แปะอยู่บนหน้าผาก ที่เจ้าตัวเคยยอมรับว่า เป็นจุดอ่อนส่วนตัว .. แต่วันนี้กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้“องค์กรตรวจสอบ”ที่เคยมีเครดิตล้นพ้นอย่าง ป.ป.ช. ง่อยเปลี้ยเสียขาทันที .. แล้วหากรู้ตัวว่าทำหน้าที่ตรวจสอบ “ผู้มีอำนาจ”ไม่ได้ ก็ไม่น่าจะแหย่เท้าเข้ามาเป็นป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น .. หรือยังหลงคิดว่าทำงานเป็น “หน้าห้องบิ๊กป้อม”อยู่ แค่ย้ายมากินเงินเดือน เป็นประธานป.ป.ช. แล้วคอย“ปิดจ๊อบ”เวลา “เจ้านาย”งานเข้าเท่านั้นล่ะ
**กองหนุนยังอยู่!! “สุเทพ”ตั้งหน้าตั้งตาสวมบท “เด็กดี”เกาะเกี่ยวไปกับ“ผู้มีอำนาจ”ไม่สนใจตรวจสอบ“รัฐบาลทหาร”ซักเรื่อง ลืมสิ้นปณิธาน“ปฏิรูปประเทศ - ปฏิรูปตำรวจ”เมินฤดูกาลซื้อขายเก้าอี้สีกากี ที่ล่าสุด“โพย”เพิ่งส่งเข้า“บ้านใหญ่ - ลาดพร้าว - โชคชัย"
ใครจะยังไงไม่รู้ .. สำหรับ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. แล้ว ยังคงหลงไหลได้ปลื้มใน“รัฐบาลทหาร”ขอเป็น “กองหนุน คสช.”อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู .. ในอารมณ์ที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึงความไม่ชอบมาพากลในประเด็น“โคตรนาฬิกาหรู”ของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แบบกัดไม่ปล่อย .. แต่ “เทพเทือก”ผู้เคยสวมบท “ฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม”กลับอ้างง่ายๆ ว่า ตัวเองไม่ใช่“ฝ่ายค้าน”ไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบรัฐบาล .. หรือกระทั่ง การที่หลายฝ่ายมองว่า หมุดหมาย“ปฏิรูปประเทศ”ที่ กปปส. เคยชูเป็นธงนำก่อนที่ “รัฐบาลลายพราง”จะเข้ามายึดอำนาจ ไม่ได้คืบหน้าไปไหน .. แต่ “สุเทพ” ก็ยังพออกพอใจ รับได้ว่า คสช.ทำได้แค่ไหน ก็ยินดีแค่นั้น .. รวมไปถึงประเด็นการยื้อเลือกตั้งออกไปอีก 90 วัน หรือประเด็นการสืบทอดอำนาจ ที่ทำเอา“นักการเมือง-นักเลือกตั้ง”โวยกันทั้งประเทศ แต่ “สุเทพ”ยักไหล่ว่า เลือกตั้ง เลือกเมื่อไรก็ได้ อย่าไปมอง คสช.ด้วยอคติ .. เป็นท่าทีที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ เสมือนหนึ่ง“สุเทพ”แค่อยากทำตัวเป็น “เด็กดี”ให้เข้าหูเข้าตา“บิ๊ก คสช.”เท่านั้น .. จนน่าย้อนถามไปถึง “สุเทพ”ที่ว่าพอใจกับการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศของคสช.ว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่ทำสำเร็จ ..
เอาง่ายๆ บิ๊กโปรเจกต์ “ปฏิรูปตำรวจ”ที่ “สุเทพและชาวคณะ”เคยตั้งแง่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย วันนี้ก็ยังไม่ไปถึงไหน .. เรื่องซื้อขาย “เก้าอี้สีกากี”วนลูปมาเป็นฤดูกาล ช่วงนี้ก็กำลังวิ่งเต้นเก้าอี้ระดับ "นายพันสีกากี" ตั้งแต่ สารวัตร (สว.) ถึง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ที่ติด“โรคเลื่อน” กันมาตั้งแต่ปลายปีกลายอย่างสนุกสนาน มีความไม่ชอบมาพากล จนทำให้ “แกนนำ กปปส.”ต้องมาโหวกเหวกโวยวายเหมือนเมื่อครั้ง มีปัญหาในเขตพื้นที่ บช.ภ.8 จนเลยเถิดมาถึงพื้นที่นครบาล เมื่อไม่กี่เดือนก่อนไหม .. แว่วว่า วันสองวันนี้“โพยตำรวจ”ได้ส่งเข้า “บ้านใหญ่-ลาดพร้าว-โชคชัย" ตามรหัสที่รู้กันในวงการหมดแล้ว .. ซึ่งก็ไม่ทราบว่า เป็นโพยเปล่าๆ หรือต้อง“ติดปลายนวม”ไปด้วยเท่าไร ก็ไม่รู้มีข่าวอะไรมาเข้าหู“อดีตผู้นำมวลมหาประชาชน” บ้างหรือเปล่า .. หรือมัวแต่เปลือยตัวเองล่อนจ้อน ขอเกาะเกี่ยวไปกับ“ผู้มีอำนาจ”ท่องคาถา “ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน”ปวารณาตัวเป็น“ลิ่วล้อ - กองเชียร์”ของ “รัฐบาลทหาร”ท่าเดียว
** เหยื่อรายใหม่!!“เสี่ยจ๊ะ”แห่งพรรคคนธรรมดาฯ เดินเกมแรง สบช่องเสนอตัวผ่าน“บิ๊กฉัตร”ขอหนุน “ขุนทหาร”สืบทอดอำนาจ
จับไต๋กันไม่ยาก .. เหตุที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือ“สภาฝักถั่ว”ในเครือ“รัฐบาลลายพราง”เล่นเล่ห์แก้ไขร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ต่อเวลาไปเหนาะๆ 90 วัน .. หนีไม่พ้นการเลื่อนโรดแมปเลือกตั้ง ที่คงไม่ทันเดือนพ.ย.61 อย่างที่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เเบกหน้าไปประกาศบนเวทีโลก ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่พร้อมลงสู่สนามเลือกตั้ง เหตุ“พรรคทหาร-พรรคนอมินี”ยังตั้งไข่กันไม่สะเด็ดน้ำ .. “พรรคประชารัฐ”ที่คาดว่าจะเป็น“สาขาหลัก”ในการสืบทอดอำนาจของ“รัฐบาลทหาร”ก็เข้าโหมด “โลว์โปรไฟล์”หลังเจอดักคอ จนขยับตัวไม่ถนัด .. ส่วน“กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่รับงานไปบอนไซ“ค่ายสะตอ”พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังเดินงานได้ไม่เต็มเหนี่ยว .. เช่นเดียวกับปฏิบัติการสลายมุ้งการเมือง ที่ “บิ๊ก คสช.”ซุ่มเดินสายไล่จีบด้วยตัวเอง ก็ยังเหนียมๆ เปิดหน้าได้ไม่เต็มที่ .. หากแต่ก็ยังมีความเคลื่อนไหวของ“คนการเมือง”ที่พยายามเดินหน้าเสนอตัวแบบ“ฮาร์ดเซลล์”ขอเป็นหนึ่งในตัวเลือก“พรรคนอมินี”หวังเป็นฐานสืบทอดอำนาจกับเขาอยู่เนืองๆ ..
วางตาไม่ได้กับความเคลื่อนไหวของ "มงคล สุขเจริญคณา" ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ได้เข้าพบ“บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจาก“เพื่อนตู่”ให้ทำการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) สานต่อภารกิจเดิมจากสมัยเป็น รมว.เกษตรฯ .. เพราะก่อนหน้านั้น“มงคล”ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ขาใหญ่วงการประมง”ก็เคยขนม็อบชาวประมงจาก 22 จังหวัดชายทะเล 500 กว่าคน มาให้กำลังใจ“บิ๊กฉัตร”ในช่วงที่เก้าอี้เจ้ากระทรวงเกษตรฯ ง่อนแง่นมาแล้ว .. เป็นความเคลื่อนไหวของชาวประมงผ่านคอนเนกชั่น “เสี่ยจ๊ะ”ธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย ที่จับผลัดจับผลู ได้เข้าไปเป็นคณะทำงานรัฐมนตรีเกษตรฯ ก่อนติดตาม “บิ๊กฉัตร”มาที่ทำเนียบรัฐบาลในตอนนี้ .. โดยมีเสียงเล็ดลอดออกจากห้องทำงานรองนายกฯ ที่นอกเหนือจากแนวทางการแก้ไขปัญหาประมง ยังมีหัวข้อคุยถึงแนวทางการเมืองของ“พรรคคนธรรมดาฯ”ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกด้วย .. เห็นว่ามีการลงสัตยาบัน ประกาศหนุน“รัฐบาลทหาร”หากคิดจะลงสนามสืบทอดอำนาจแบบไม่อิดออด เพื่อหวังซื้อใจ“เพื่อนซี้นายกฯ”อีกด้วย .. ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่รอดหูรอดตา“เซียนการเมือง”ที่เมาต์กันแซ่ดว่า สงสัยงานนี้ “รองฯฉัตร”กำลังจะตกเป็น “เหยื่ออันโอชะ”รายใหม่ของคู่หู “ธนพร - มงคล”..โดยเฉพาะรายของ “ธนพร”หรือ “เสี่ยจ๊ะ”ที่รู้กันดีทั้งวงการ ขนาด “นักการเมืองเขี้ยวลาก” อย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน ยังเคย “บักโกรก”มาแล้ว สมัยทำ พรรคมัชฌิมาธิปไตย .. ไม่รู้ว่ามีใครสะกิด “บิ๊กฉัตร”ให้รู้ตัวบ้างหรือยัง.
ช.ชฎา