xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว “เสี่ยคราม” ผู้วายชมน์ เพื่อนซี้ “เสี่ยป้อม” ที่เขาว่าเป็นเจ้าของโคตรนาฬิกาหรูทั้งกรุ **“รายการคืนวันศุกร์” เรตติ้งเกือบแตะหลักศูนย์ ** “คน ป.ป.ช.” ก่อหวอด “ประธานกุ้ย” ลากองค์กรอันศักดิ์สิทธิ์กลายเป็น“เครื่องฟอกบ้านวงษ์สุววรณ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  และ  ปัฐวาท สุขศรีวงศ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ตัวละครลับ!! เปิดตัว “เสี่ยคราม” ผู้วายชมน์ เพื่อนซี้ “เสี่ยป้อม” ที่เขาว่าเป็นเจ้าของโคตรนาฬิกาหรูทั้งกรุ ใจสปอร์ตให้เพื่อนยืมใส่แอ็กอาร์ตหลายสิบเรือนแบบไม่คิดค่าบริการ แม้ตัวตายแต่ยังมีคุณูปการ เป็นทางลงให้ “เพื่อนป้อม” ได้อีก

ตัวตายแต่ชื่อยังอยู่ .. ปม “โคตรนาฬิกาหรู” ของ “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่งมหาทางลงอยู่นานสองนาน .. ที่สุดก็มีการสปอยล์ตอนจบของเรื่องออกมาเรื่อยๆ ว่า ตัวต้นเรื่องอย่าง “ป๋าป้อม” เลือกที่จะชี้แจงเองว่า “นาฬิกาเพื่อน วนๆ กันใส่” ..ก็มีคำถามตามมาว่า “เพื่อนบิ๊กป้อม” เป็นใครมาจากไหน ถึงมีนาฬิการาคาแพงในครอบครองหลายสิบเรือน แถมใจสปอร์ตให้เพื่อนยืมใส่แบบไม่ซ้ำเสียด้วย .. ล่าสุดมีการเปิดเผยชื่อผ่าน “แหล่งข่าวอดีตทหาร” ออกมาว่าเป็น “เสี่ยคราม” ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด จนมีนิกเนมในวงการว่า “เจ้าสัวคอมลิ้งค์” ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา .. ก่อนที่จะมีการขยายประเด็นไปไถ่ถาม “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ในรัฐบาล คสช. ที่เป็นหนึ่งใน “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชัน” ของ “ป๋าป้อม” ด้วย .. ก่อนที่จะเป็นคิวของ “เซเลบนักข่าว” วาสนา นาน่วม ที่ได้โพสต์เรื่องราวของ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ให้กระจ่างชัดขึ้น .. แต่เอาเข้าจริง ก่อนหน้านี้ที่มีการโยนมุก “แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน” ออกมานั้นก็มีการสืบเสาะจนได้ความว่า “เพื่อน” ที่ว่านั้นก็คือ “เสี่ยคราม” นี่เอง หากแต่หลีกเลี่ยงการกล่าวถึงด้วยว่าไม่ต้องการพาดพิงไปถึงผู้เสียชีวิต .. หากแต่ว่ากันว่าในคำชี้แจงต่อ ป.ป.ช.นั้น เป็น “บิ๊กป้อม” เองที่เลือกจะเอ่ยถึง “เพื่อนรัก” คนนี้ เพื่อ “เอาตัวรอด” จากข้อครหา “ร่ำรวยผิดปกติ-ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน” ..

แต่การเอาตัวรอดของ “บิ๊กป้อม” ก็แลกด้วยการที่ “บิ๊กคราม” ต้องถูกขุดคุ้ย สืบสาแหรกแทน ตลอดจน “อาณาจักรคอมลิ้งค์” ที่เคยโด่งดัง ก็ถูกโยนออกมาชำแหละกันอย่างไม่น้อยหน้า .. ชื่อของ “เสี่ยคราม-ปัฐวาท”ซึ่งโลดโผนในวงการมาอย่างยาวนาน เป็นที่โจษขานถึงความสปอร์ต ใจดี ไม่มีใครสงสัยความอู้ฟู่ครอบครองนาฬิกาหรูเป็นร้อยๆ เรือน หรือกรณีที่ให้ “บิ๊กป้อม” หยิบยืมแบบไม่คิดค่าบริการ .. หากแต่ก็มีคำถามว่า การให้หยิบยืมกันนั้น นอกเหนือจาก “ไมตรีจิต - ความผูกพัน” ในฐานะเพื่อนร่วมสถาบันตั้งแต่วัยเยาว์ แล้วต้องมี “ข้อแลกเปลี่ยน” อื่นใดหรือไม่ .. ก็ด้วยไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของ “เสี่ยคราม” จะเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว ชื่อเสียงของ “คอม-ลิงค์” ก็ใช่ย่อย โดดเด่นในเรื่องสายสัมพันธ์แนบแน่นกับสายการเมือง-ผู้มีอำนาจ .. “คอม-ลิงค์” เติบใหญ่ขึ้นมาจาก “ธุรกิจสัมปทาน” ที่เกิดขึ้นมาจากการประสานประโยชน์“ธุรกิจ-การเมือง”อย่างลงตัว ตั้งแต่สมัยที่ “เสี่ยคราม” ยังเป็นเพียงผู้บริหารแถวสองแถวสามด้วยซ้ำ .. แล้วในวันที่ “เสี่ยคราม” ขึ้นมายืนแถวหน้า โดยที่มีเพื่อนซี้อย่าง “บิ๊กป้อม” เป็นผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาล การให้หยิบยืมนาฬิกา ก็ ยังไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ ใช่หรือไม่ .. เหนือสิ่งอื่นใด มีการระบุไว้ว่า “เสี่ยคราม” เสียชีวิตไปตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 แต่ Richard Mille เรือนแรกที่เป็นเรื่องโผล่มา วันที่ 4 ธันวาคม 2560 หรือเกือบปีหลังจาก “เสี่ยคราม” ที่ว่ากันว่าเป็นเจ้าของจากโลกนี้ไป .. อีกทั้งตลอดปี 2560 ก็ยังปรากฏว่า “เสี่ยป้อม” เปลี่ยนนาฬิการาคาแพง คาดว่าไม่ซ้ำเป็น 10 เรือน ก็ต้องถามว่าทั้งหมดเป็นของ “เสี่ยคราม” หรือเปล่า แล้วเหตุใดจึงไม่คืนทายาทไป ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นมา .. กลายเป็นว่าทางลงถูลู่ถูกังของ “ลุงป้อม” ต้องไปเดือดร้อนเพื่อนรักผู้วายชนม์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
** ขาลง ที่แท้ทรู! ผลโพลต่ำเตี้ยเรี่ยดินไม่เท่าไหร่ ที่ชัดเจนกว่าเมื่อ“รายการคืนวันศุกร์”เรตติ้งเกือบแตะหลักศูนย์ เหมือนไฟดับทั้งประเทศ ข่าวว่า “ท่านผู้นำ” ยังไม่รู้ตัว เหตุไร้รายงานจากลิ่วล้อ ที่คงกลัวท่านเสียกำลังใจ

เลื่อนอีกแล้วจ้าา .. ไม่รู้ว่า “โรดแมป คสช.” หรือ “ปลาไหล” เลื้อยไปเรื่อย เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย ที่สำคัญจะเลื่อน จะขยับปฏิทินอะไร ก็ไม่ถง ไม่ถาม สุขภาพคนไทย คิดเอง เออเอง ทั้งนั้น .. ก็จู่ๆ “คูหาเลือกตั้ง” ที่อุตส่าห์เคานต์ดาวน์ ไม่เกินปีนี้ จะได้ออกมาใช้สิทธิกันแล้ว ถูกลากออกไปอีก 90 วัน .. หลังที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เคาะให้กฎหมายฉบับนี้ ที่เป็นหนึ่งในกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้ ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 90 วัน .. จากเดิมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนให้มีผลทันทีเลย เท่ากับว่า บวกเพิ่มไปจากที่“นายกฯลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะได้ออกมาใช้สิทธิ์กันซักที ปรากฏว่า ต้องเขยิบไปอีก 3 เดือน ตกราวๆ กุมภาพันธ์ ปี 2562 นู่นเลยจ้า .. เหตุไม่ต้องเดาให้เมื่อย ก็เห็นกันอยู่ทนโท่ คะแนนนิยมต่ำตมของ “คณะคสช.”เองนั่นแหละ ดูได้จากผลสำรวจของ “กรุงเทพโพลล์” ที่ไปดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง“เส้นทางการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยไทยนิยม” ..นอกจากจะเป็นไปตามเทรนด์ ที่คะแนน“ลุงตู่”ลดฮวบฮาบแล้ว โดยเฉพาะคำถามที่ว่า“หากวันนี้มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจะออกเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่”พบว่า ประชาชนร้อยละ 36.8 ระบุว่า จะ “สนับสนุน”ซึ่งลดลงจากผลสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ร้อยละ 16.0 กันเลยทีเดียว ..

นอกจากนี้ ยังเหมือนจามศอกไปที่หน้าของ“ทีมลุงคสช.”เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในเรื่องการสรรหา“นายกฯ คนนอก”ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ร้อยละ 70.6 เห็นว่า นายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น .. พูดง่ายๆว่า ใครๆก็ไม่ยอมรับ “นายกฯคนนอก”ที่ไม่ได้ลงเลือกตั้ง “ลุงตู่”เห็นแบบนี้ คงหนาวๆ ร้อนๆ จนอยู่ไม่ได้ ยิงอาณัติสัญญาณให้“สภาฝักถั่ว”เลื่อนเลือกตั้งไปพลางก่อน .. ก็เพราะว่าถ้าลงจากอำนาจตอนนี้ ทั้งที่คะแนนนิยมยังไม่“ติดลมบน”พรมที่จะปูไปสู่เก้าอี้นายกฯ คนนอก ไม่สวยแน่ .. แถมสถานการณ์ยังมีแต่เรื่องเหวอะหวะ ไม่น่าประทับใจอะไรในช่วงนี้ โดยเฉพาะกรณีของ“เสี่ยป้อม”ที่ทำเอาโคลงเคลงกันทั้งเรือแป๊ะ! .. นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของพรรคการเมือง ก็ยังไม่อ่อนกำลังลงเท่าไหร่ อย่าง“ค่ายสีแดง”อยากจะเอาให้มิดกันไปก่อน เลยจะขอชัวร์ๆ อีกสักนิด ไปปีหน้าเลยละกัน อะไรทำนองนั้น เบื้องต้น 3 เดือนก่อน ไม่พร้อมอีก ก็ใช้อภินิหารเลื่อนไปอีกเฟส อย่างไรก็ได้ อำนาจอยู่ในมือ .. แต่ไม่รู้“พี่เบิ้ม”สหรัฐอเมริกา ที่ “บิ๊กตู่”ไปประกาศต่อหน้า เหมือนสัญญาประชาคมจะรู้สึกอย่างไร

แล้วยังที่มีคนไป“โกหก”คำโตที่นู่น หรือสหภาพยุโรป “อียู”จะรีบประชุมปรับท่าทีกันใหม่ หลังเพิ่งจะมีมติฟื้นระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็“ผู้นำไทย”เล่นกลืนน้ำลายตัวเองซะงั้น .. หรือหาก“นายกฯตู่”อาจจะไม่เชื่อผลโพลก็ได้ เพราะเป็นเรื่องของการสำรวจ มันอาจคลาดเคลื่อน ก็ได้ .. แต่โปรดฟังทางนี้ “ลุงตู่”ทราบหรือไม่ว่า รายการทุกค่ำคืนวันศุกร์ ที่ตัวเองยืนเดี่ยวไมโครโฟนอยู่น่ะ .. ตอนนี้แทบไม่มีคนดูเลย ทุกบ้านต่างขานรับนโยบายประหยัดไฟ ปิดทีวีกันพรึ่บพรั่บ รวมถึงรายการของ คสช. ที่ออกทุก 6 โมงเย็น .. ทั้งสองรายการ สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่วงการทีวี ที่เรตติ้งเกือบแตะหลัก “ศูนย์” เหมือนชีพจรคนใกล้ม้วย ต่ำกว่ารายการธรรมะ ช่วงเช้ามืดเสียอีก .. ทีแรกก็นึกว่าเครื่องวัดเรตติ้งเสีย พอจบรายการนายกฯ รายการ คสช. เท่านั้นแหละ กราฟเรตติ้งฟรีทีวี สามัคคีกันพุ่งปรึ๊ด ประเทศไทยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง .. ไม่รู้ถึงวันนี้มีใครรายงาน“นายกฯตู่”ให้รู้ตัวหรือยังน้าาา.
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
** เข้าสู่ยุคเสื่อม!! “คน ป.ป.ช.” ก่อหวอด ไม่แฮปปี้ท่าที “ประธานกุ้ย” ลากองค์กรอันศักดิ์สิทธิ์กลายเป็น “เครื่องฟอกบ้านวงษ์สุววรณ”

ไม่ได้พังกันแค่รัฐบาล .. ว่ากันว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ติดบ่วงกรรมนาฬิกาหรู “นายเก่า” ของ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เหมือนกัน .. แม้ท่าทีหน้าฉากของ “บิ๊กกุ้ย” จะไม่ค่อยรู้ร้อนรู้หนาว แต่หลังฉากก็มีบ่นกระปอดกระแปด อยากโดน “เซตซีโร่” ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว .. แต่บัญชา “นายเก่า” ที่ตัวเองยังขาแข็งไม่แสดงสปิริตตามกระแสสังคม ก็ยังมาขอร้อง แกมบังคับให้ “น้องกุ้ย” ทู่ซี้อยู่คุม “อาณาจักรสนามบินน้ำ” คุ้มหัวลูกพี่ไว้ก่อน .. ตามเกมที่มีการแก้ไขร่างกฎหมาย ป.ป.ช.ในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่สุ่มเสี่ยงเข้าข่าย “ขัดรัฐธรรมนูญ” อย่างเห็นได้ชัด .. จนล่าสุดสมาชิก สนช. ถอยครึ่งก้าว เข้าชื่อกันยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในประเด็นขัดรัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อต่ออายุให้ “กรรมการ ป.ป.ช.บางคน”.. ที่เหมือนเป็น “ตั๋ว” อยู่ต่อให้ “บิ๊กกุ้ย” และ “เดอะตี๋” วิทยา อาคมพิทักษ์ ชัดเจนกว่าคนอื่นนั้น .. ถ้าเป็นเหมือนที่ “ประธานกุ้ย” เคยพูดว่า พร้อม “เซย์กู๊ดบาย” หากปรากฏว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” นั้น .. จริงๆ ทั่นรู้ว่า ปัญหาทุกวันนี้มันมาจากไหน ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า “ถูกต้อง” แต่ต้องไม่ลืมคิดถึง “เครดิต-ความน่าเชื่อถือ”ที่ติดลบในช่วง 2 ปีเศษที่ “บิ๊กกุ้ย” เข้ามาเป็นประธาน ป.ป.ช. .. ยิ่งมาประจานกันล่อนจ้อน ในท้องเรื่อง “โคตรนาฬิกาหรู” ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ..

ชาวบ้านร้านตลาดจับได้ไล่ทันหมดแล้วว่า ใครเป็นใคร “บิ๊กกุ้ย” มีสายสัมพันธ์อย่างไรกับ “บ้านวงษ์สุวรรณ” .. ทำเอา “ชาว ป.ป.ช.” เจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ในสำนักงาน ป.ป.ช. กินไม่ได้ นอนไม่หลับ .. เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง “โคตรนาฬิกา” มา เครดิต ป.ป.ช.ติดลบรายวัน ภาพลักษณ์ที่สั่งสมกันมาหมดแทบไม่เหลือ กลายเป็นเครื่องมือ “ฟอก” ของ “ผู้ยิ่งใหญ่” ในรัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว .. มีบางคนแอบกระซิบ เรื่องนี้อย่างไรมันก็ผิด ใครบ้าจะยืมนาฬิกาเพื่อนเป็นสิบๆ เรือน แต่ไม่มีของตัวเองสักเรือน มองในมุม “องค์กรปราบโกง” ที่สยบขี้ฉ้อมานักต่อนัก อีหรอบนี้ฟันโชะไปก่อนไม่ต้องคิดมาก .. หลายคนอึดอัดอยากจะตะโกนบอก “ผู้บังคับบัญชา” ช่วยเห็นแก่หน้าองค์กร ทำให้มันจบๆ เถอะท่าน .. ปัญหาความน่าเชื่อถือองค์กรตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กลายเป็น “ยุคมืด” ของ ป.ป.ช. ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจาก 2 ปีมานี้ มีเรื่องไม่ถูกไม่ควรเพียบ มีการโอบอุ้มกันมาเพื่อ “ภารกิจบางอย่าง” โดยเฉพาะคดีของคน “บ้านวงษ์สุวรรณ”.. อันเป็นเหตุมาจาก“จุดอ่อน”ของ“บิ๊กกุ้ย”ที่มีความสนิทสนม ทั้งพี่ ทั้งน้อง ที่ปวารณาตัวเป็น“สายตรงวงษ์สุวรรณ”อย่างเต็มภาคภูมินี่แหละ .. มันเลยทำให้ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในความเป็นกลาง แม้แต่เรื่อง “นาฬิกาหรู” ที่ทิ่มแทงตาคนไทย ไกลไปถึงสายตาชาวโลก .. ทั้งคุณสมบัติส่วนตัวที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ตลอดจนยี่ห้อ “สายตรงวงษ์สุวรรณ” ที่ปะอยู่บนหน้าผาก กลายเป็น “ตำหนิ” ที่ยังคงอยู่แบบนี้ไปจนครบวาระ 9 ปี หาก“บิ๊กกุ้ย”ได้ไปต่อ แต่ไม่รู้ว่า “เครดิต-ความน่าเชื่อถือ” ของ ป.ป.ช. จะกู่ไม่กลับขนาดไหนแล้ว.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น