xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เฮ! ศาลฎีกายืนคำสั่ง “สุกำพล” ปลดพ้นทหาร มิชอบ ส่อไม่สุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี
ศาลฎีกาพิพากษายืน คำสั่ง “สุกำพล สุวรรณทัต” ปลด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกจากราชการทหาร เป็นคำสั่งมิชอบ ชี้จำเลยไม่ได้เป็นนายทหารประจำการแล้ว ซ้ำสั่งปลดย้อนหลังถึง 23 ปี ส่อไม่สุจริต ละเมิดสิทธิโจทก์ ให้เพิกถอนคำสั่ง

วันนี้ (16 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งข้อความผ่านไลน์ว่า “วันนี้ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ผมฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่ปลดผมออกจากราชการ โดยศาลฎีกาได้ยืนคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเนื่องจากเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบครับ”

ด้านนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ในฐานะทนายความเจ้าของคดีเปิดเผยว่า คดีนี้เป็นกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม และแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการทหารย้อนหลังถึง 23 ปี โดยนายอภิสิทธิ์ได้ต่อสู้คดีนี้มาถึง 3 ศาล สรุปคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีแพ่ง ในคดีนี้ได้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม จำเลย ผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้เพิกถอนคำสั่งของ พล.อ.อ.สุกำพล เพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ส่อไปในทางไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยข้อเท็จจริงในคดีนี้ จำเลยออกคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการในขณะที่โจทก์มิได้อยู่ในราชการ แต่เป็นนายทหารนอกประจำการ โจทก์เองไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย หรือถูกสั่งพักราชการหรือเป็นกรณีที่โจทก์หนีราชการที่จำเลยจะใช้อำนาจสั่งปลดโจทก์ให้มีผลย้อนหลังถึง 23 ปี เมื่อได้ความว่า คำสั่งการปลดโจทก์ในขณะที่โจทก์มิได้รับราชการแล้ว จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยทหาร พุทธศักราช 2476 มาตรา 7 ทั้งไม่อาจแปลความให้เป็นผลร้ายแก่โจทก์ได้ การที่จำเลยออกคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการโดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2531 ซึ่งโจทก์พ้นจากราชการมาก่อนแล้วถึง 23 ปีเศษ ก็ส่อไปในทางไม่สุจริต ถือเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยได้ โดยคดีนี้มีตนและนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย เป็นทนายความรับผิดชอบคดี


กำลังโหลดความคิดเห็น