เมืองไทย 360 องศา
ตอนแรกยังนึกกันว่าหลังจากที่ “กบดาน” เก็บตัวเงียบไม่พูดไม่จามาตั้งนานสองนาน หลังจาก “ความแตก” จากภาพที่เอามือบังแดดแยงตาระหว่างที่รอถ่ายภาพหมู่กับคณะรัฐมนตรีที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าคราวนั้นก็ถูกแฉเรื่องการครอบครองแหวนเพชรและนาฬิกาหรูที่ยังไม่เคยแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน โดยถูกตามแฉเรื่องนาฬิการาคาแพงเรือนแล้วเรือนเล่าจนเกือบ 20 เรือน เข้าไปแล้ว แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มกราคม กลายเป็นว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ทั้งเรื่อง “อารมณ์” และลีลาท่าทาง ยังออกมาในรูปแบบเดิม นั่นคือ เมื่อถูกจี้ถามแบบต่อเนื่องจากสื่อเป็นต้อง “ขึ้น” คุมไม่อยู่ทุกที ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “นาฬิกาเรือนหรู” ว่า จะมีการชี้แจงเพิ่มเติมกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่ หลังจากที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ซึ่งเคยเป็น “ลูกน้องเก่า” พูดเปิดทางเอาไว้ว่าจะขยายเวลาการส่งเอกสารชี้แจงออกไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากมีการตรวจสอบนาฬิกาเรือนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาแบบไม่หยุดหย่อน ล่าสุด ถึงวันที่ 8 มกราคม มีเพจชื่อดังเจ้าเก่า อย่าง CSI LA ที่เกาะติดเปิดโปงมาตลอดออกมาแฉให้เห็นอีกว่าเป็นนาฬิกาเรือนที่ 17 แต่ “เสี่ยป้อม” หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังอารมณ์เสีย ยืนยันว่า จะไม่ยื่นหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมอีกแล้ว
นั่นก็แสดงว่า หนังสือที่เคยชี้แจงกับ ป.ป.ช. เมื่อตอนปลายปีที่แล้ว ถือว่าครบถ้วนแล้วหรือไม่ หรือไม่เช่นนั้น ก็อีกความหมายหนึ่งก็คือ “ไม่แคร์” ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้ว เนื่องจากเห็นว่าไม่จำเป็นหรืออาจมองว่าหน่วยงานตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช. ไม่มีความหมายสำหรับเขาหรือไม่
อย่างไรก็ดี สำหรับสังคมภายนอก อาจมองกันไปคนละด้าน และมีอารมณ์ต่างกัน อย่างน้อยหากพิจารณาจากความรู้สึกจากข่าวที่ปรากฏใน mgr online ที่มีการนำเสนอข่าวที่มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโนเนมคนหนึ่ง พยายามบุกเข้ามามอบนาฬิกาเรือนหนึ่งให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 มกราคม โดยอ้างว่าเพื่อต้องการให้ พล.อ.ประวิตร มีนาฬิกาเป็นของตัวเอง ไม่ต้อง “ยืมเพื่อน” มาใส่ ตามที่ปรากฏเป็นข้ออ้างตามข่าวก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะรู้ว่านี่คือ “เจตนาให้เป็นข่าว” และคนที่เคลื่อนไหวดังกล่าวก็ไม่ใช่มีคนรู้จักอะไรนัก พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีคนเข้าไปคลิกอ่านข่าวนี้หลายพันครั้ง กลายเป็นข่าวยอดนิยมประจำวัน อีกทั้งยังมีความเห็นเชียร์นักเคลื่อนไหวคนนี้ ขณะที่มีความเห็นในทางลบกับ พล.อ.ประวิตร เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
ปรากฏการณ์ดังกล่าวแบบนี้ ถือว่าชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีภาพทางสังคม “ติดลบ” แบบกู่ไม่กลับ เพราะนี่คือ “กระแส” ที่พอเกิดขึ้นแล้วแก้ไขยาก เพราะจะอยู่ในความรู้สึกของชาวบ้านตลอดไป แม้ว่าสำหรับโครงสร้างอำนาจทั้งในรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขาจะพาวเวอร์ในระดับเบอร์ 1 เบอร์ 2 ก็ตาม แต่ภายนอกถือว่ากลายเป็น “ตัวถ่วง” เต็มรูปแบบแล้ว
ด้วยอาการแบบนี้หากสะสมต่อไปเรื่อยๆ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็จะถูกตามเกาะติดทั้งจากสื่อและจากสังคม จากโลกโซเชียลที่เวลานี้ถือว่าเกาะติดชนิดที่เรียกว่า “กัดไม่ปล่อย” มันก็ยิ่งทำให้เขายิ่งอารมณ์เสีย กลายเป็นว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด ขวางหูขวางตาไปหมด ทุกอย่างมีแต่ภาพลบ อาการแบบนี้สำหรับคนที่มีอำนาจ มันก็เสี่ยงที่จะเกิดอาการ “สติแตก” โดยเฉพาะกับการแฉโพยเรื่อง “คอลเลกชันนาฬิกาหรู” ที่มีเป็นรายวัน ล่าสุด เห็นว่า มีการแฉภาพให้เห็นเป็นนาฬิกา “เรือนที่ 18” ขณะเดียวกัน หากการชี้แจงและการตรวจสอบยังดำเนินการอย่าง “กำกวม” ไม่เคลียร์ถูกมองว่า “ดีแต่ตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม” หรือ “รายเล็กรายน้อย” แบบพวกปลาซิวปลาสร้อย มันก็ยิ่งทำให้เกิดอาการทรุดฮวบพร้อมกันไปทั้งรัฐบาล
ที่สำคัญ ยิ่งเป็นช่วงที่ลากโยงมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำลังมี “เดิมพัน” สำคัญ ต้องการ “กองหนุน” ให้กลับมาเพิ่ม เพื่อให้ได้ “ไปต่อ” ตามโควตา “นายกฯคนนอก” ที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว มันก็ยิ่งลำบาก หากยังมี “ตัวถ่วง” อยู่แบบนี้ เพราะหากไม่สลัดทิ้ง ยังกระเตงกันอยู่แบบนี้ต่อไปมันก็น่าหวาดเสียว!!