ข่าวปนคน คนปนข่าว
** มุกไม่ฮาพาเครียด!! สมญา “ประยุทธ์เป็นคนตลก” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย “ลุงตู่” กลัวตกบัลลังก์“ดาวตลก” งัดมุก “สแตนดี้ตู่เฉย” เลี่ยงให้สัมภาษณ์สื่อ คนไทยฮาไม่ออก วิสัยทัศน์ท่านผู้นำ เม้นท์สนั่น “อาการหนัก” ไปจนถึง “ไม่ไหว อย่าฝืน”
แข่งกันดวลมุกหรือไรไม่ทราบ .. เมื่อวานเพิ่งว่าถึง “กิริยาขัดลูกหูลูกตา-ขาดความเป็นมืออาชีพ” ของ วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอย่างที่ไหน แถลงข่าวใหญ่ ดันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ยิ้มฟันค้าง เสียภาพ “เลขาธิการองค์กรระดับชาติ” โหม้ดดด .. ไม่ทันไร “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงกลัวบัลลังก์ “ดาวตลก” จะสั่นคลอน หรือกลัวว่าจะเสียงภาพลักษณ์ ที่ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ “นายกเป็นคนตลก - ประยุทธ์เป็นคนตลก” ไป หรือมุ่งมั่นการ “สร้างความสุขให้ประชาชน” ไม่ทราบได้ .. ปะหน้าสื่อ จะงดให้สัมภาษณ์เฉยๆ ก็ไม่มีใครว่า นี่เล่นงัดมุก ให้ลูกน้องวิ่งไปยก “สแตนดี้ตู่เฉย” หรือภาพถ่ายนายกฯ ขนาดเท่าตัวจริง ที่เตรียมไว้สำหรับงานวันเด็กเสาร์นี้ มาตั้งที่หน้าไมโครโฟนแทน .. ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ พร้อมกล่าวเสียงดังว่า “ใครจะถ่ายรูป ใครจะถามปัญหาการเมือง ความขัดแย้ง ถามกับไอ้คนนี้นะ” ..
แม้ตรงหน้างานจะสร้างเสียงฮาได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเสียงฮาที่เจือไปด้วยความผิดหวัง ของบรรดาผู้ปกครองเดินทางมากับบุตรหลานร่วมงานที่รัฐบาลจัดขึ้น บางคนหวังว่าจะได้ถ่ายภาพคู่กับ “นายกฯประยุทธ์” อย่างใกล้ชิด .. ส่วนสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ ก็ดูจะชาชินกับ “ความไม่ตลก” ส่อไปในทาง “ไม่ให้เกียรติ” กัน ของผู้นำประเทศคนปัจจุบันไปเสียแล้ว .. เมื่องัดมุกที่เตรียมมาจากบ้าน เพื่อเลี่ยงการให้สัมภาษณ์เช่นนี้ ก็หนีไม่พ้นเสียงวิจารณ์ว่า “ตลกฝืด” ไปจนถึง “ไม่ตลกด้วย” .. บ้างก็ว่าไปถึง “อาการหนัก” ด้วยสถานะความเป็นผู้นำประเทศ ที่ไม่ควรจะทำให้ทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องล้อเล่นไปซะหมด .. ถามว่าเหตุใด “นายกฯตู่” ถึงเลือกที่จะเลี่ยงการตอบคำถามนักข่าว แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น การที่ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง แม้ว่าจะเพิ่งประกาศตัวเป็น “นักการเมือง” อย่างเป็นทางการก็ตาม .. ถือเป็นเรื่อง “ย้อนแย้ง” ขั้นสุด ทั้งในสถานะผู้นำประเทศ หรือในสถานะนักการเมือง ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพูดเรื่องการเมือง .. หากแต่การพูดเรื่องการเมือง ก็สามารถพูดอย่าง “สร้างสรรค์” ได้ ไม่ต้องไปเอะอะ มึงมาพาโวย ให้เกิดความขัดแย้งในทุกเรื่อง .. ชอบใจหนึ่งในคอมเม้นต์ ที่มีต่อ “มุกสแตนดี้ตู่เฉย” ที่ว่า “ไม่ไหว อย่าฝืน” ด้วยความปรารถนาดีครับ ท่านผู้นำ.
** ไม่แคร์โซเชี่ยลฯ!! “เสี่ยป้อม” ลั่นไม่แจงเพิ่ม “นาฬิกาหรู - แหวนเพชร” ทั้งที่ ป.ป.ช.เพิ่งถามเพิ่มมา สื่อจี้ถามโซเชี่ยลฯขุดกรุนาฬิกา สวนขวับ “ไปฟังทำไม” ก่อนร้องเสียงหลง “ไม่รู้ ผมไม่รู้” ส่วน “น้องกุ้ย” ก็แบะท่าเตะถ่วง เอะอะๆ จะขยายเวลาสอบท่าเดียว
นึกว่าจะแน่ .. เปิดสัปดาห์ใหม่มา “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม สร้างเซอร์ไพร์สเล็กๆ เมื่อมายืนขาแข็ง เกาะโพเดี้ยมให้สัมภาษณ์นักข่าวเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก .. หลังห่างหายไปนาน ตั้งแต่มีปม “นาฬิกาหรู” เปิดหัวแรกกับความคืบหน้าผลประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่เห็นว่ามีการลงนามใน “แผนปรองดองสลายสีเสื้อ” ที่ดูจะไม่มีสาระอะไรให้จับต้องมากมาย .. เมื่อถูกถามถึง “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดี ที่มีภาพไปปรากฎตัวอยู่ที่เกาะอังกฤษ “ท่านรองนายกฯความมั่นคง” พูดเต็มปาก รู้จากข่าวที่ออกสื่อเหมือนกัน ปะติโธ่!! .. หรือคำตอบเสียงเข้มๆว่า เป็น “ทหารแท้” ไม่เปลี่ยนสถานะเป็น “นักการเมือง” ตามรอย “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โพล่งออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ดูจะไม่สลักสำคัญอะไรเช่นกัน .. ก็ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรอย่างไร “พี่น้องตัว ป.” ทั้ง “ประยุทธ์ - ประวิตร” ก็กอดคอกันแหวว-อยู่กันไปทั้งชาติอยู่แล้ว .. รวมๆ แล้วการการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกิจลักษณะครั้งแรกในปีจอ หนักไปทางใช้ลีลาลวดลาย ตอบให้ผ่านๆไป มากกว่าจะมีสาระอะไรให้นำพา .. แต่พลันที่ถูกยิงคำถามถึง “นาฬิกาหรู” เท่านั้นล่ะ ทำเอา “เสี่ยป้อม” เสียอาการเลยทันที เมื่อถามถึง “เกมล่าสมบัติ” ที่สังคมโซเชียลฯ กำลังขุดคุ้ยอย่างเมามัน จนได้นาฬิหาหรูมาแล้วอย่างน้อย 17 เรือน .. “เสี่ยป้อม” ว้ากใส่ทันที ”จะไปฟังมันทำไม” ปัดส่งๆ ไปว่าเป็นเรื่องของโซเชี่ยลฯ ไม่จำเป็นต้องตอบ ก่อนตบท้ายด้วย “ไม่รู้ ผมไม่รู้” เสียยงสูงปรึ๊ดดด .. เอ่อ แต่ท่านครับ เรื่องของโซเชี่ยลฯ ที่ท่านว่า ไม่ได้เป็นการกล่าวหาลอยๆ มีข้อมูล ภาพประกอบ พร้อม วัน ว. เวลา น. ว่า เดือนไหน ปีไหน ท่านคาดนาฬิกายี่ห้ออะไร สนนราคาเท่าไร .. หรือกระทั่งมีการทำเป็นไทม์ไลน์ สังเกตว่าหลังจาก “รัฐบาล คสช.” อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน 3.6 หมื่นล้านบาท เมื่อต้นปี 2560 เป็นต้นมา “ท่านป้อม” อัปเกรดจาก “นาฬิกาแบบลุงๆ” มาใส่ “นาฬิกาไฮเอนด์” ที่กำลังได้รับความนิยม มี Richard Mille อย่างน้อย 3 เรือน ที่ได้รับเกียรติมาประดับบารมี “ลุงป้อม” ในรอบปี 2560 ที่ผ่านมา ..
ไม่เท่านั้น “เสี่ยป้อม” ยังประกาศด้วยว่า ไม่ขอชี้แจงนาฬิกาหรู-แหวนเพชร เพิ่มเติมต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้ว .. แบบนี้ วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่บอกว่าทำหนังสือให้ชี้แจงมาเพิ่มเติมจะว่าอย่างไร .. หรือ “น้องกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. อดีตหน้าห้อง “เสี่ยป้อม” ก็อุตส่าห์แบะท่าจะ “เตะถ่วง” ให้แล้ว อ้างว่า “หากพบเพิ่ม ต้องขยายเวลา” จนน่ากลัวว่า ถ้าเผอิญ ป.ป.ช.ขยายเวลาเต็มพิกัด 1 เรือน 1 เดือน คงสอบกันไม่มีจบสิ้น .. ทั้งที่แต่ละเรือน ก็อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกันเลยด้วยซ้ำ แต่มีพิรุธว่า เหตุใดคนรักนาฬิกา สวมใส่แทบไม่ซ้ำ ถึงไม่เคยกรอกลงในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เท่านั้น .. ทรงนี้ ป.ป.ช.ของ “ประธานกุ้ย” ผู้มีจุดอ่อนในชีวิต “ใกล้ชิดบ้านวงษ์สุวรรณ” ไม่มีทางบิดพลิ้วเป็นอื่นไปได้ ต้องสอบถามเจ้าตัวและมาชี้แจงให้ครบว่าที่ “นายป้อม” สวมใส่แต่ละเรือน มีที่มา-ที่ไป อย่างไร ยิ่งถ่วงเวลานาน เผือกร้อนที่อยู่บนตัก จะทำให้ ป.ป.ช.เองที่เดือดร้อน .. แล้วยิ่งไม่เคลียร์คัตตัดประเด็นให้จบ ก็หนีไม่พ้นการถูกนำไปเป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง เอาง่ายๆ ล่าสุดมีคนเทียบจะๆ ว่า ขนาด “สายพันธุ์ทรราช” อย่าง “นายกฯหนูปู” ยังแจ้งว่ามีนาฬิกาในบัญชีทรัพย์สินเป็น 10 เรือน พร้อมด้วยสินทรัพย์อื่นที่เกิน 2 แสนบาทอีกหลายสิบรายการ ขณะที่ “เสี่ยป้อม” ไม่เคยแจ้ง แต่กลับถูกจับได้ว่าเคยใส่นาฬิการาคาแพงเกือบ 20 เรือน .. เจอเข้าไปแค่นี้ “รัฐบาลคนดี” ก็ไปไม่เป็นกันแล้ว.
** ระบบปราบโกงขัดข้อง !? หึ่ง “คตง.-สตง.” ง่อยเปลี้ยไม่ต่าง ป.ป.ช. แฉ “บิ๊กลายพราง” สั่งลดดีกรีความเข้มตรวจสอบโครงการรัฐ ปล่อยผีอัดฉีดงบประมาณทุกพื้นที่โค้งสุดท้าย “รัฐบาล คสช.” พร้อมเบรก “บิ๊ก สตง.” งดโชว์ออฟออกสื่อด้วย
นับวันยิ่งตรวจสอบยาก .. “รัฐบาลลายพราง” ของ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อำนาจล้นมือ จนควบคุมทุกกลไกไว้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นด้วยอำนาจฝ่ายบริหาร หรือการส่ง “ลิ่วล้อพี่ลายพราง” ไปยึดไว้ .. ยิ่งเรื่องตรวจสอบทุจริต คอร์รัปชัน อิดหนาระอาใจกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในยุค “สายตรงวงษ์สุวรรณ” กันไปแล้ว .. ในซีก “องครักษ์พิทักษ์เงินแผ่นดิน” อย่าง คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่มี “บิ๊กเอ๋” พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ เป็นประธานป้ายแดง เพิ่งเข้ามานั่งเป็นหัวเรือใหญ่ฝ่ายตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้ไม่กี่เดือน ก็มีวีรกรรมโจษขานไปทั่ว .. ตั้งแต่ “ข้อสั่งการทางลับ” ที่ปิดกันให้แซดว่า “บิ๊กเอ๋” สั่งให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ในยุคทหารครองเมือง งานก็ไม่ค่อยเดินอยู่แล้ว ยังสั่งให้ลดดีกรีความละเอียดในการตรวจสอบโครงการ-นโยบายภาครัฐลง .. เพื่อเปิดทางให้สามารถปล่อย “ไฟเขียว” โครงการที่สอบแล้วไม่พบทุจริตได้รวดเร็วกว่าเดิม เพื่อให้ “รัฐบาล คสช.” เร่งอัดฉีดเม็ดเงินลงในพื้นที่ นัยก็เพื่อไม่ให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสะดุด ..
แม้งานนี้แงะกันไม่ออกว่ามี “บิ๊กลายพราง” สั่งตรง-สั่งทางอ้อม มาอย่างไร แต่หากไม่มีออเดอร์ ก็เชื่อเหลือเกินว่า “บิ๊กเอ๋” คงไม่กล้าตีธง ที่เหมือนบังคับให้ สตง.เกียร์ว่าง จน “ว่างงาน” กันทั้งตึกเช่นนี้ .. กรณีที่ลดบทบาท สตง. ลดอย่างชัดเจน คือ “คำสั่งห้าม” ไม่ให้ “สื่อมวลชน” เข้ามาถึงข้อมูลระดับพรีเมี่ยมได้ สั่งให้ “รักษาการผู้ว่าฯสตง.” ออกคำสั่งห้าม “ข้าราชการ สตง.” นำข้อมูลไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะมีความผิด .. ลบภาพ สตง. ยุค พิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่มักลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อม “สื่อช่องมากสี” เพื่อตีข่าวสร้างชื่อทางหนึ่ง อีกทางก็เป็นการกระตุ้นการทำงานของภาครัฐทางอ้อม .. แต่ “บิ๊ก สตง.” ในยุคที่ “บิ๊กเอ๋” คุม คตง.อยู่ คงจะเงียบกริ๊บ หมดโอกาสแจ้งเกิดโชว์ออฟผ่านสื่อกันง่ายๆ อีกแล้ว ซ้ำร้ายยังเป็นการเปิดช่องให้มีการเคลียร์กัน “หลังไมค์” หากเรื่องที่ตรวจสอบไม่ตกเป็นข่าวอีกต่างหาก .. ล่าสุดสายรายงานว่า “บิ๊กเอ๋” ลงนามแก้ไขระเบียบ คตง. เปิดทางให้ “กรรมการ คตง.” แต่งตั้งที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ที่มาจาก “ภาคเอกชน” ได้ .. ทำเอา “ข้าราชการ สตง.” มึนไม่น้อย ด้วยกังวลเกี่ยวกับ “ชั้นความลับ” ที่จู่ๆเปิดทางให้คนนอกเข้ามานั่งตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ .. ทั้งหมดเป็นเสียงบ่นที่ส่งมาจาก “ข้าราชการ สตง.” ที่กำลังถูกย่ำยีอย่างเจ็บปวด ในช่วงที่ยังไร้ “หัวเรือตัวจริง” .. คงต้องรอดูว่าเมื่อ ประจักษ์ บุญยัง ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สตง. อย่างเป็นทางการเมื่อใด นโยบายที่ยิงลงมาจาก คตง. จะต้องเปลี่ยน หรือจะเล่นทำนองเดียวกัน ใต้อาณัติ “รัฐบาลลายพราง” เหมือนเดิม.
ช.ชฎา
