xs
xsm
sm
md
lg

ลูกหลงนาฬิกาหรู “นายป้อม” ม.157 จ่อคอหอย “น้องกุ้ย”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

เปิดหัว “ปีจอ” ด้วยเรื่องหมาๆ คิวที่ “นักร้องมืออาชีพ” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

จากกรณีที่ไปซื้อ “ลูกสุนัขพันธุ์บางแก้ว” จำนวน 3 ตัว ในราคารวม 2.5 หมื่นบาทจากชาวบ้าน ในระหว่างการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่ จ.พิษณุโลก-สุโขทัย แล้วระบุว่า จะนำไปเลี้ยงเอง 1 ตัว ส่วนอีก 2 ตัว มอบให้ “พี่ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ “เพื่อนฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี

มูลค่าราคาหาร 3 ก็จะตกตัวละ 8 พันบาทเศษ จากราคาต่อตัวที่ 6 พันบาท บวก “เงินขวัญถุง” ที่ “นายกฯตู่” มอบให้เจ้าของสุนัข

ส่งผลให้เจ้า 2 ตัวที่หมายว่า จะมอบให้ “พี่ป๊อก -เพื่อนฉัตร” ก็เลยไปตกร่อง มาตรา 103 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 ที่สาระสำคัญห้าม “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ไม่ว่าตำแหน่งใดจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคลไม่เกิน 3 พันบาท

เรตราคา 3 พันบาท ถือเป็นบรรทัดฐานที่รู้กันในหมู่ “นักการเมือง - ข้าราชการ” ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้ หรือผู้รับ มาเนิ่นนาน

เชื่อแน่ว่าตัว “นายกฯตู่” ที่รับราชการทหารมาตลอดชีวิต ก็คงแม่นกฎหมายข้อนี้ไม่น้อย แต่ก็ดันปล่อยให้กลอนพาไป ตามประสาคน “พูดก่อนคิด” จนต้องมาแก้ตัวกันเป็นพัลวัน รวมทั้งร้อนไปถึงตัวละครในท้องเรื่อง อย่าง “บิ๊กป๊อก - บิ๊กฉัตร” ต้องรีบโร่ ออกมาแก้ต่างในทำนองเดียวกันว่า คงไม่รับลูกหมาจากนายกฯ ส่วนตัวนักช้อปอย่าง “ลุงตู่” ก็สีข้างถูไปว่า จ่ายสตางค์ไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ลูกสุนัข ยังอยู่ที่เจ้าของเดิม ยังไม่ได้ส่งไปให้ใครทั้งนั้น

พร้อมอวดโอ่ว่า “ผมรู้กฎหมายดี” ก่อนดำน้ำไปต่อว่า หากใครอยากได้ พร้อมปล่อยต่อทันที

เอาเป็นว่า เป็นเพียงข่าวสร้างสีสันต้อนรับปีใหม่เท่านั้น ว่ากันตามเนื้อผ้า ก็คงเอาผิดกันยาก ยิ่งเป็น ป.ป.ช. “ผู้รอดเซตซีโร” เสียด้วย ก็คงไม่ติดใจเอาความอะไรกับ “ท่านหัวหน้า คสช.” หรอกเจ้านาย

แต่ที่ทำท่าจะไปไม่รอด น่าจะเป็นปม “นาฬิกาหรู” ของ “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ที่ติดพันมาตั้งแต่ปลายปีก่อน จากแหวน 1 วง นาฬิกา 1 เรือน ที่เตะตาคณะสื่อมวลชน เมื่อวันถ่ายภาพหมู่ “ครม.ประยุทธ์ 5” เลยเถิดไปจนทำท่าจะหยุดไม่อยู่

แม้เวลาจะผ่านไป 1 เดือนเต็มๆ ข้ามปีใหม่มาแล้วก็ตาม แต่ในช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ “CSI LA” เพจดังเจ้าเก่า ที่เกาะติดแบบกัดไม่ปล่อย ก็ไม่ยอมให้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองมากลบปมฉาว “นาฬิกาเสี่ยป้อม” ไปได้

ยังเมามันกับการขุดคุ้ยกรุนาฬิกาหรูของ “เสี่ยป้อม” ออกมาเป็นรายวัน แค่ช่วงหยุดยาว ก็ไล่ตั้งแต่เรือนที่ 12 จนถึงเรือนที่ 15 อันประกอบไปด้วย Rolex Yacht-Master Rose Gold 2-Tone Chocolate ราคาราว 4.6 แสนบาท Audemars Piguet Royal Oak Stainless Steel ราคา 5.8 แสนบาท Rolex Datejust Oyster 41 ราคา 4.1 แสนบาทเศษ

ที่ดูมีราคาค่างวดหน่อย ก็เรือนที่ 15 กับ Patek Philippe Aquanaut Brown Dial 18k Rose Gold ราคาราว 1.15 ล้านเศษ

ส่งผลให้ยอดรวมเฉพาะ “นาฬิกาหรู” มีแล้วอย่างน้อย 15 เรือน ที่ยังขุดคุ้ยกันต่อก็ยังมีอีกนับสิบเรือน แต่แค่ 15 เรือนนี้ ที่คะเนด้วยสายตา ตีตัวเลขกลมๆ ก็ปาเข้าไป 30 ล้านบาท ก็แย่พอดูแล้ว

หลักฐานชัดว่า ทุกเรือนมีราคาค่างวดเกิน 2 แสนบาท แต่กลับไม่เคยปรากฏในรายการ “ทรัพย์สินอื่น” มูลค่าเกิน 2 แสนบาท ของ “เสี่ยป้อม” ที่กฎหมาย “บังคับ” ให้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

จนน่าย้อนไปถาม “นายกฯน้องตู่” ว่าเรื่องรับ - ให้ของไม่เกิน 3 บาท บอกว่ารู้กฎหมายดี แล้วกฎหมายที่ว่าทรัพย์สินมูลค่าเกิน 2 แสนบาทต้องแจ้ง ป.ป.ช. ตรงนี้รู้ดีด้วยหรือไม่ ไฉนปล่อยให้ “พี่ที่แสนดี” สุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายเยี่ยงนี้ได้

หรือคิดแค่เพียง “ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดพวกเราเท่าเส้นผม”

ในขณะที่ “นายกฯน้องตู่” ดูจะไม่ติดใจความอู้ฟู่ของคนใกล้ตัวอย่าง “พี่ป้อม” อีกฟากฝั่ง ป.ป.ช. ก็ดูจะไม่กระตืดรือร้น ทั้งที่พูดเองว่าเป็น เรื่องที่สังคมติดใจสงสัย

ข่าวว่า ในช่วงส่งท้ายปีเก่า ก่อนปิดทำการไม่กี่วัน “ท่านป้อม” ได้ทำหนังสือชี้แจงไปถึง ป.ป.ช.แล้ว โดยไม่รอให้ถึงเส้นตาย 8 ม.ค.61 อย่างที่คาดไว้

แต่ก็คาดกันว่า ในหนังสือชี้แจง คงกล่าวถึง แหวนเพชรเม็ดงาม กับนาฬิกา Richard Mille เรือนแรกที่เป็นต้นเรื่องเท่านั้น

เมื่อไปไถ่ถามความกระจ่างจาก ป.ป.ช. ที่ควรทำหน้าที่องค์กรตรวจสอบทำให้สังคมคลายสงสัย กลับบอกว่าเป็น “ชั้นความลับ” ยังเปิดเผยไม่ได้ ด้วยเหตุมีชื่อ “บุคคลที่ 3”ตาม“ข้ออ้าง” ของ วรวิทย์ สุขบุญ ที่เพิ่งได้นั่ง เลขาธิการ ป.ป.ช. เต็มก้นอย่างเป็นทางการ

งุบงิบ ปกปิด ย้อนแย้งเหลือเกินที่ว่าเป็น “ยุคปราบโกง” เน้น “โปร่งใส-ตรวจสอบได้”

ส่วน “พระเอก” ในท้องเรื่องอย่าง “ป๋าป้อม” เจอสื่อทวงถามรายละเอียดตั้งแต่เปิดทำการวันแรก ถึงกับร้องเสียงหลงว่า “โว้ะ!!” มาคำเดียว

จากชนวนเชื้อไฟเล็กๆ ปล่อยไว้จนลุกลาม เจอคุ้ยกรุ พบนาฬิกาไฮเอนด์เกินโหลเข้าให้แล้ว เป็นที่มาของปฏิทินรายเดือน ที่แชร์กันสนั่นโลกโซเชี่ยล

ในอารมณ์ที่ “เสี่ยป้อม” ออกอาการ ทำได้แค่เล่นบทนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ท่าทีต่างจากตอนต้นที่เกิดเรื่อง หน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยวันนั้นคงนึกว่าจะโดนล่อแค่ “แหวนวง-นาฬิกาเรือน” หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ว่า เรื่องเล็ก ชี้แจงได้ ก่อนโยนหิน “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” ออกมา แล้วจุดไม่ติด

ทั้งนาฬิกา 15 เรือน มูลค่าราว 30 ล้านบาท ที่ถูกขุดขึ้นมา กระทบชิ่งไปพัวพันถึงสะตุ้งสตังค์ในบัญชีทรัพย์สินที่ “ป๋าป้อม” ยื่นไว้กับ ป.ป.ช. ครั้งล่าสุด ปี 2557 ที่ 87 ล้านบาท ซึ่งมีคนเอาไปเปรียบเทียบกับการยื่นบัญชีเมื่อปี 2555 ว่ามีในส่วนของเงินสด งอกขึ้นมา กว่า 31 ล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งที่มา ทั้งที่ในช่วง 2-3 ปีนั้น “ป๋าป้อม” เป็นแค่ “นายทหารนอกราชการ” ไม่ได้มีธุรกิจอะไรเป็นเรื่องเป็นราว มีรายได้จากบำนาญเงินจากรัฐเต็มที่ไม่เกิน 12 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของ “เงินลงทุน” ที่มีระบุไว้นั้น ก็ดูจะหดหาย ไม่ได้กำรี้กำไรอีกต่างหาก จนน่าแปลกใจว่า ป.ป.ช. ในฐานะ “องค์กรปราบโกง” ก็ไม่เห็นจะติดใจสงสัยอะไร

ปมร้อนที่ถูกขุดอยู่ตอนนี้ ใช่ว่าทำให้ “ป๋าป้อม” นั่งไม่ติดคนเดียว เพราะคนที่ดูจะร้อนกว่าในวันนี้หนีไม่พ้น “น้องกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ที่กำลังอุ้ม “เผือกร้อน” อยู่บนตัก

เอาแค่ข้อครหาใกล้ชิดเป็น “แขกประจำ” เข้านอกออกใน “บ้านวงษ์สุวรรณ” ประเภทเช้าถึงเย็นถึงเสียด้วย แถมยังเป็นอดีต รองเลขาธิการนายกฯ ประจำหน้าห้อง “นายป้อม” มาก่อน

เอาแค่ว่าตอนนี้ ป.ป.ช. ที่ถูกจับตาว่าจะ “ล้มมวย” ตลอด ยังงมโข่งอยู่กับ แหวนเพชรเม็ดงาม กับนาฬิกา Richard Mille เรือนแรก ทั้งที่ตอนนี้ “สื่อหลัก-สื่อโซเชียล” เล่นไปไกลถึงไหนต่อไหน เสิร์ฟข้อมูลสำเร็จรูปให้แล้วด้วยซ้ำ

นาฬิกาที่ถูกคุ้ยออกมาภายหลัง ป.ป.ช.จะถาม “นายป้อม” ไปเมื่อไร จะรอถามกระปริบกระปรอย เดือนละเรือน ถามทีก็ให้เวลา 30 วัน เตะถ่วงไปให้ข้ามปีเลยหรือไม่

รูปการณ์นี้ “บิ๊กป้อม” ว่าร้อนแล้ว “ประธานกุ้ย” น่าจะร้อนกว่า คงโอดโอยไม่น้อยว่า น่าจะถูก “เซตซีโร” ไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรม“กลืนไม่เข้า คายไม่ออก”เช่นนี้

ขืนทะลึ่งไปรับบท “ผงฟอกขาว” อุ้ม “นายป้อม” ให้พ้นผิดไปแบบน้ำขุ่นๆ ดีไม่ดี “ของเข้าตัว-เท้าแหย่คุก” โดน มาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เสียเอง.


กำลังโหลดความคิดเห็น