xs
xsm
sm
md
lg

รอง ปธ.สนช.ชี้ องค์กรอิสระที่ได้อยู่ต่อต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำงานสร้างประโยชน์ต่อชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชูปี 60 ผ่านกฎหมาย 271 ฉบับ เป็นกฎหมายลูก 4 ฉบับ รับ 349 เรื่องร้องทุกข์ มีปมใช้อำนาจ ทุจริต มากสุด คาดปีหน้ากฎหมายปฏิรูปมาชุดใหญ่ แผนยุทธศาสตร์ชาติเข้าสภาก่อน เม.ย. 61 เชื่อ ผลงานองค์กรอิสระคือตัวชี้ขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะพวกอยู่ต่อต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าทำงานได้ประโยชน์ต่อชาติ

วันนี้ (30 ธ.ค.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เปิดเผยว่า ถึงการทำงานของ สนช. ตลอดปี 2560 ว่า มีกฎหมายเข้าสู่การพิจารณา จำนวน 334 ฉบับ ผ่านการพิจารณา จำนวน 271 ฉบับ ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาจำนวน 263 ฉบับ มีผลบังคับใช้ จำนวน 259 ฉบับ ซึ่งในจำนวน 334 ฉบับ เป็น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) จำนวน 4 ฉบับ ที่ประกาศและมีผลบังคับใช้แล้ว ประกอบด้วย พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และ พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

นายสุรชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.ป. จำนวน 3 ฉบับ ที่ผ่านการพิจารณาจาก สนช. และอยู่ในขั้นตอนทูลเกล้าฯ คือ พ.ร.ป. ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ร.ป. ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และ พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับ พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ผ่านการพิจารณาจาก สนช. แล้ว โดยขั้นตอนต่อไป ทางประธาน สนช. จะส่งร่างที่ผ่านวาระ 3 ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และประธาน ป.ป.ช. ทำความเห็นกลับมาใน 10 วัน ว่า จะมีประเด็นโต้แย้งอะไรมาหรือไม่ หากไม่มีถือว่าการพิจารณาถึงที่สุด จากนั้นส่งให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ถ้ามีข้อโต้แย้งกลับมาจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ยังค้างในชั้น สนช. มีกรอบเวลาต้องพิจารณาแล้วเสร็จในวันที่ 26 ม.ค. 2561 ซึ่งเท่าที่ทราบคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญที่พิจารณากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะเรียกสมาชิก สนช. ที่เสนอคำแปรญัตติที่ขอแก้ไขกฎหมายมาชี้แจง จึงคิดว่าจะเสนอร่างกฎหมายเข้าที่ ประชุม สนช. เพื่อลงมติในวาระที่ 2 และ 3 ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ม.ค. 2561 และกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะเริ่มนับหนึ่ง เข้าสู่การเลือกตั้ง 150 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า นอกเหนือไปจากผลงานด้านกฎหมายของ สนช. ตลอดปี 2560 แล้ว สนช. ยังมีผลงานเกี่ยวกับการรับเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย สนช. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จำนวน 349 เรื่อง แจ้งกลับไปยังหน่วยงานต่างๆ จำนวน 218 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณาจำนวน 131 เรื่อง ในจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด พบว่า เป็นเรื่องที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือเรื่องการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ การทุจริต การประพฤติตนไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่รัฐมากถึง จำนวน 97 เรื่อง รองลงมาเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล จำนวน 81 เรื่อง อันดับสาม เป็นเรื่องการไม่ได้รับความเป็น ธรรมจากกระบวนการยุติธรรม จำนวน 70 เรื่อง โดยเรื่องการเมือง หน่วยงานของรัฐที่ถูกร้องเรียนมี ทั้งระดับท้องถิ่นและส่วนกลาง มีการตรวจสอบเรื่องที่ร้องมามีมูลหรือไม่ ถ้ามีมูลจะส่งต่อให้องค์กรอิสระ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป ถ้าไม่มีมูลก็เป็นอันยุติ

สำหรับการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ นายสุรชัย กล่าวว่า ในปี 2561 จะมีการเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศหลายฉบับพร้อมกันและมาเป็นชุดเดียวกัน โดยจะเป็นการพิจารณากฎหมายที่จะออกตามแผนการปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งทุกอย่างจะเชื่อมโยงกันหมด โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติต้องรองรับการปฏิรูปประเทศและแผนการปฏิรูปประเทศต้องสอดคล้อง กับแผนยุทธศาสตร์ชาติ

“รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดให้ต้องมีการปฏิรูประเทศในภาพรวมภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญวันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งประกาศใช้จะครบกำหนดในวันที่ 6 เม.ย. 2561 เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าสู่เดือน ม.ค. 2561 จะมีเวลา 3 เดือนในการลงมือปฏิรูปประเทศ” นายสุรชัย กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่า ก่อนเดือน เม.ย. 2561 จะต้องมีการแผนยุทธศาสตร์ชาติมา ให้สภาให้ความเห็นชอบ นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าควรต้องมีการเสนอเข้าสภา เพื่อที่จะรองรับให้ฝ่ายปฏิบัติการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในการปฏิรูปประเทศตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า การที่ สนช. แก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญโดยกำหนดให้กรรมการองค์กรอิสระบางองค์กรได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปแต่บางองค์กรต้องพ้นจากตำแหน่งจะเป็นปัญหาในการสร้างบรรทัดฐานหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า เรารับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายและพยายามสอบถาม กมธ. วิสามัญที่พิจารณาร่าง พ.ร.ป. เกี่ยวกับองค์กรอิสระแต่ละฉบับและ กรธ. ว่ามีเหตุผลอย่างไร โดยส่วนใหญ่อ้างถึงภารกิจของแต่ละองค์กร ประกอบกับ มีการตีความมาตรา 273 ของรัฐธรรมนูญว่าการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นดุลพินิจของ สนช. จึงทำให้กฎหมายต้องออกมาเช่นนี้

เมื่อถามว่า จะเป็นปัญหาความน่าเชื่อถือของแต่ละองค์กรหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า แม้สังคมจะตั้งคำถามกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่ส่วนตัวคิดว่าสุดท้ายปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้ขาด คือ ผลงานการทำงานขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่กฎหมายบัญญัติให้กรรมการองค์กรอิสระชุดปัจจุบันได้ทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งจะต้องระวังและต้องมีความตั้งใจในการทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้สังคมได้เห็นว่าได้ทำงานให้ เกิดประโยชน์แก่บ้านเมืองจริงๆ ตามที่กฎหมายได้เปิดโอกาสให้ทำงานต่อไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น