xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ลุยพื้นที่เก็บแต้มถี่ยิบนาทีทองก่อนปลดล็อกปีใหม่!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

ต้องถือว่าในช่วงเวลานี้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นช่วง “ชีพจรลงเท้า” เพราะต้องเดินทางออกต่างจังหวัดถี่ยิบเป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27-28 พฤศจิกายน ก็ล่องใต้ไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลา-ปัตตานีมาแล้ว หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เขาก็ล่องใต้อีกรอบ คราวนี้ลงไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดตรัง พร้อมๆ กับมีกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง คือ ที่จังหวัดสุโขทัย วันที่ 25-26 ธันวาคมนี้ ล่าสุดในวันที่ 13 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนและตรวจราชการที่จังหวัดกาฬสินธุ์

แน่นอนว่าการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลย่อมเป็นผลดีกับประเทศและประชาชน เพราะได้สัมผัสกับปัญหาและได้ฟังความเห็นจากชาวบ้านซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและอยากให้เป็นแบบนี้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องถูกมองว่า นี่คือการ “หาเสียง” แฝงเข้ามาประกอบกันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาทีนี้เป็นที่รู้กันทั่วแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการ “ไปต่อ” นั่นคือ จะกลับมาเป็นนยกรฐมนตรีอีกรอบหลังเลือกตั้งตามกติกาของรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งหลายคนฟันธงออกมาแบบนี้ และที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ปฏิเสธออกมาเลย ในทางตรงกันข้ามยังมีความเคลื่อนไหวให้เห็นในทางที่สอดรับกับข้อสันนิษฐานดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา

การเดินสายลงพื้นที่อย่างถี่ยิบในแบบเหนือใต้ออกตกแบบที่เห็นมันก็จึงมีลักษณะไม่ต่างจากการหาเสียงของพวกนักการเมืองก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าคราวนี้เป็นการหาเสียงในบรรยากาศที่พิเศษกว่าที่เคยเป็นมา เพราะหากบอกว่านี่คือการเดินสายหาเสียงก่อการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา ก็ต้องเป็นการหาเสียงที่ “ลุยเดี่ยว” อยู่คนเดียว โดยใช้เงื่อนไขของความเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

นอกเหนือจากนี้ การลงพื้นที่แบบถี่ยิบดังกล่าวยังถูกมองว่า นี่คือ การ “โกยแต้ม” หรือ “กู้คืน” คะแนนนิยมให้กลับมา หลังจากเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” เรื่อยๆ จากหลายเรื่องที่ล้มเหลวและอื้อฉาว หรือหลายเรื่องหลักไม่ได้คืบหน้าไปตามที่เคยรับปากเอาไว้ เช่น เรื่องการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปการเมืองล้วนย่ำอยู่กับที่ หรือแม้แต่การปฏิรูปตำรวจที่อ้างว่ามีความคืบหน้า แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ใช่การปฏิรูปตำรวจในความหมายที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ

เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ระยะหลังคนในรัฐบาลและคนใกล้ชิดกับระดับ “ขาใหญ่” มีเรื่องให้วิจารณ์ในทางลบต่อเนื่อง ทำนอง “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง” เพราะในระยะหลังภาพลักษณ์ในเรื่องการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลเริ่มมีน้ำหนักน้อยลงอย่างมาก พิจารณาจากการจัดอันดับประเทศที่มีอัตราการทุจริตของต่างประเทศล่าสุด ประเทศไทยก็มีอันดับลดลง หมายความว่ามีการทุจริตมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศในเรื่องการต่อต้านการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติเลยทีเดียว

นอกเหนือจากนี้เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ “ปัญหาปากท้อง” ที่รัฐบาลชุดนี้ยังแก้ไม่ตก โดยเฉพาะหากพิจารณาจากต้นตอปัญหาที่สำคัญ ก็คือ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามบอกว่าเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวดี การส่งออกขยายตัวด้วยมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์เท่าที่ประเทศไทยเคยส่งออกมา แต่ตราบใดที่ข้าว  ยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมไปถึงสินค้าเกษตรตัวหลักอื่นๆ ราคาตกต่ำมันก็ไม่มีทางทำให้รายได้ของชาวบ้านส่วนใหญ่ดีขึ้นไปได้ หรือทำให้หนี้สอนลดลงไปได้ เพราะรับรู้กันไปแล้วว่าคนพวกนี้เป็นคนส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 80 ของประเทศ

ขณะเดียวกัน เมื่อโฟกัสไปที่การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการหาเสียง แต่อีกฝ่ายคือพวกนักการเมืองกลับไม่มีโอกาสแบบนี้ เพราะถูก “ล็อก” เอาไว้ด้วยคำสั่ง คสช.ที่ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง

อย่างไรก็ดี มาถึงตอนนี้ก็ต้องบอกว่าใกล้เต็มทีแล้วสำหรับการปลดล็อกไฟเขียวให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ แม้ว่าเวลาหากไปถามระดับหัวแถวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะพยายามเลี่ยงตอบ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้า คสช. รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็คำตอบแบบเดียวกันคือเงียบ แต่เมื่อพิจารณาจากอาการแวดล้อม รวมไปถึงแรงกดดันจากภายนอกทำให้มองออกว่าอีกไม่นานจะต้องปลดล็อกแน่นอน เพราะอย่างแรกคือเงื่อนไขด้านเวลา นั่นคือ ภายในวันที่ 5 มกราคม 2560 พรรคการเมืองต้องมีการอัปเดตสมาชิกพรรคตามที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าจะมีทางออกในเรื่องของการออกคำสั่ง คสช. ขยายเวลาออกไปได้ แต่มันก็ไม่สวยนัก อีกทั้งการอ้างว่าสถานการณ์ไม่สงบยังมีคลื่นใต้น้ำคอยป่วนนั้นนาทีนี้มันไม่ค่อยมีน้ำหนักและจะย้อนกลับมาที่ฝ่าย คสช.ว่า “ไม่มีน้ำยา” ในการดูแล

ที่น่าจับตาก็คือ คำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กรรมการ คสช. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เคยหลุดคำพูดออกมาว่าจะมีการเสนอให้มีการปลดล็อกเป็น “ของขวัญปีใหม่” พิจารณาจากความหมายดังกล่าวมันก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

หรือแม้แต่ล่าสุดที่สหภาพยุโรป หรืออียู กลับมาฟื้นความสัมพันธ์ทุกระดับกับไทยแล้วนั้น หลังจากประท้วงการรัฐประหารเมื่อปี 2557 แม้ว่าจะค่อยๆ กลับมาเป็นขั้นเป็นตอน แต่ในนั้นก็มีเงื่อนไขติ่งห้อยเอาไว้ด้วยว่า เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่า จะมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งอียูถือเป็นสัญญาประชาคมกับนานาชาติ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขด้านเวลาและแรงกดดันจากภายนอก และความพร้อมของ คสช.เองก็น่าจะมั่นใจได้ว่าน่าจะมีการ “ปลดล็อก” ก่อนปีใหม่ค่อนข้างแน่!
กำลังโหลดความคิดเห็น