xs
xsm
sm
md
lg

พลิกปูม “ว่าที่ 7 เสือ กกต.” “สายตรงบิ๊กป๊อก”จ่อยึดเก้าอี้ “ประธาน”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

**ได้มาแล้ว “ว่าที่ 7 เสือ กกต.” หรือผู้ที่ได้รับการสรรหาให้เป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ทั้ง 7 ราย

แบ่งเป็น 5 คน จากการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วย เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ , ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, ชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ และ ประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี-สุราษฎร์ธานี

และล่าสุดอีก 2 ราย จากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา คือ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ ปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

จากทั้ง 7 รายชื่อ ที่หลุดเข้ารอบสุดท้ายถือว่าเซอร์ไพร์สไม่น้อยที่ไม่ปรากฏ “นายพลทหาร-นายพลตำรวจ” เข้ามาได้แม้แต่รายเดียว ทั้งที่เป็น “สมัยนิยม” ในยาม “รัฐบาลทหาร” เรืองอำนาจ ก็ด้วยความที่ไปติด “กับดักสเปกเทพ” ที่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานวางไว้นั่นเอง ไม่ใช่แค่ไร้นายพล ยังผิดคิวถึงขนาดทำ “บิ๊กเนม” หลุดโผไปอื้อซ่า จากที่สมัครมาทั้งหมด 41 คน ผ่านเกณฑ์โค้งสุดท้ายแค่ 15 คน ก่อนเลือกเหลือ 5 ราย

โดยที่ถือว่ามีชื่อเสียงมีเพียง 2 ราย คือ “ฐากร - ประชา” ที่เหลือต้องยอมรับว่าค่อนข้างโนเนม ทั้ง “เรืองวิทย์ - อิสสรีย์ - ชมพรรณ์” ที่ชื่อไม่คุ้นหูสักราย

จน กกต.คนดังที่กำลังจะตกงานอย่าง สมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ดูเหมือนจะสะใจกับความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้น ออกโรงมาจวก “จารย์มีชัย” ยับว่า เขียนคุณสมบัติในรัฐธรรมนูญแปลกประหลาด จนทำให้ “รองปลัดกระทรวง” ตกสเปก แต่ “อธิบดี” ดันผ่านเกณฑ์

หรือกระทั่ง “บิ๊กทหาร - บิ๊กตำรวจ” ที่ตกไปเรียบวุธ ก็ด้วยตีความว่า หัวหน้าส่วนราชการ ต้องเป็นระดับ “ผู้บัญชาการเหล่าทัพ” หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เท่านั้น ส่วน “เจ้ากรม” ที่เทียบเท่าอธิบดี ก็ต้องหลุดไปตามระเบียบ

“บิ๊กเนม” หลุดไปเพียบ แต่กลับพบว่า “ทนายเอกชน-ครูประชาบาล” กลับผ่านเกณฑ์เข้ามาได้ ด้วยเข้าคุณสมบัติว่ามี “ตั๋วทนาย - ตั๋วครู” มาไม่น้อยกว่า 20 ปี

“สมชัย” ชี้ว่าด้วยคุณสมบัติที่วางไว้เช่นนี้ ส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้ทางการเมือง การปกครอง และกฎหมาย ที่ตรงสายงานการเลือกตั้งตกการสรรหาไปอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การลงมติเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็น กกต. ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา อาจขัดมาตรา 12 วรรคสาม ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต. ที่กำหนดให้ในการสรรหา หรือคัดเลือกให้ใช้วิธีการลงคะแนนโดยเปิดเผย

แม้จะเป็นคอมเมนต์ของ กกต.ปัจจุบัน ที่ฟาดฟันกับ กรธ.มาโดยตลอด แต่ก็ถือว่า น่ารับฟัง สะท้อนให้เห็นถึง “ข้อบกพร่อง” ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก ตั้งแต่เริ่มใช้ ซึ่งเชื่อว่าเร็วๆนี้ คงต้องมีตั้งวงมาแก้ไขกัน เพื่อไม่ให้เป็นปมปัญหาไปในอนาคต

หรืออย่าง “เดอะแจ๊ค” วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับเปรียบเปรยว่า เป็นที่ชัดเจนว่า คสช.ได้ส่ง “คนที่สั่งได้” หรือ “เด็กชงกาแฟหน้าห้อง” ไปอยู่ในองค์กรต่างๆได้ ไม่แตกต่างจาก “ระบอบทักษิณ” แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าได้ “ว่าที่ 7 เสือ กกต.” ครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็เหลือแค่ส่งรายชื่อไปให้ “สภาฝักถั่ว” สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประทับตรารับรอง ก็เรียบร้อย“โรงเรียน คสช.”

หากไม่มี“อุบัติเหตุ”หรือ“ใบสั่งใหม่”ก็คงลงตัวที่ 7 รายชื่อนี้แหละ ที่จะมาเป็น “7 เสือ กกต.” คอยคุมคูหาเลือกตั้งทุกระดับ

ตอนนี้ก็ “มองข้ามช็อต”กันไปถึง “แคนดิเดต” ที่จะมาชิงเก้าอี้ “ประธาน กกต.” ..ชื่อแรกมองไปที่ "ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี" ดีกรีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาอย่างท่วมท้น ให้มาเป็น กกต. และถือเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ที่ได้รับการยอมรับจากวงการศาลยุติธรรม

หากยึดตามธรรมเนียมดั้งเดิมของกกต.“ฉัตรไชย” อาจจะแบเบอร์ ด้วยก่อนหน้านี้“อภิชาต สุขัคคานนท์ - ศุภชัย สมเจริญ”อดีต 2 ประธานกกต. ก็มาจากสายศาลฎีกานี่แหละ

แต่หาก คสช. มองมิติการเมืองที่ต้อง“เมกชัวร์”เอาแน่นอนไว้ก่อน สเปกก็จะไปตกที่“สิงห์ดำสายแข็ง”อย่าง "ประชา เตรัตน์" อดีตรองปลัดมหาดไทย ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นอดีตผู้ว่าฯจังหวัดเกรด เอ ทั้ง ชลบุรี-สุราษฎร์ฯ มาก่อน เส้นสายการเมืองถือว่าปึ้ก

ที่สำคัญในยุค คสช. ก็มีตำแหน่งแห่งที่ตลอด ทั้ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงยังเป็น"สตาฟ ฝ่ายการเมือง" ของ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อย่างไม่เป็นทางการ มีห้องหับออฟฟิต อยู่ในกระทรวงคลองหลอด เสียด้วย

ด้วยคอนเนกชั่น “บิ๊กคสช.”บวกกับความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองใหญ่ รวมทั้งงานใหญ่ ที่คอยท่าอยู่ กับการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นและเลือกตั้งทั่วไป ที่แม้จะยังไม่รู้ว่าจะมีขึ้นเมื่อใด

แต่เมื่อพิจารณาตามภารกิจแล้ว ทำให้นาทีนี้ “ประชา” มีภาษีกว่า “ฉัตรไชย” ที่มาจากสายศาลเป็นไหนๆ

จึงอาจพูดไปก่อนได้เลยว่า ประธาน กกต.คนใหม่ น่าจะเป็น “สายตรงบิ๊กป๊อก” ที่นอนมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น