“กรรมการการเลือกตั้ง” แจงทำห้องใหม่ให้ 2 กกต. รื้อห้องรับรอง จัดเลี้ยงทำ ครอบคลุมห้องกุนซือ เจ้าหน้าที่ ให้กรมโยธาฯ ตีราคา อย่าคิดว่าทำเพื่อแค่คน 2 คน อ้างไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไม่รู้แพงหรือไม่ ยันไม่ได้จัดซื้อรถเพิ่ม แต่ให้เช่าเพิ่มไปก่อน
วันนี้ (7 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีสำนักงาน กกต.ทุ่มงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท สร้างห้องทำงานรองรับ กกต.ใหม่ ว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของสำนักงานฯ ที่เป็นผู้รับผิดชอบ กกต.เพียงแค่ให้นโยบายว่าสำนักงานฯ จะต้องเตรียมห้องทำงานให้พร้อมกับจังหวะที่ กกต.ชุดใหม่จะเข้ามาทำงาน ไม่ใช่ให้เขาเข้ามาก่อนแล้วค่อยมาทำ เดิมทีโมเดลแรกวางไว้ว่า กกต.ทั้ง 7 คน ห้องทำงานควรอยู่ชั้นเดียวกันหมดคือชั้น 8 ที่ปัจจุบันมีอยู่ 5 ห้อง แต่เนื่องจากบริเวณชั้นดังกล่าวมีปัญหาในเรื่องพื้นที่ไม่สามารถที่จะขยายหรือปรับปรุงให้เป็นห้องทำงานสำหรับ กกต.ใหม่อีก 2 คนได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการออกแบบใหม่ คือ ใช้พื้นที่บริเวณชั้น 9 ที่เดิมเป็นห้องรับรองและห้องจัดเลี้ยง มาปรับปรุงให้เป็นห้องทำงานของ กกต.อีก 2 คน โดยการออกแบบใหม่นอกจากเป็นห้องทำงานของ กกต.แล้ว จำเป็นต้องครอบคลุมทั้งห้องทำงานของที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการ เจ้าหน้าที่ต่างๆ ด้วย รวมประมาณ 10 คนต่อ กกต.1 คนด้วย ดังนั้น การปรับปรุงครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อ กกต.แต่อย่างใด
“การออกแบบครั้งนี้ทางสำนักงานฯ ได้ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้ดำเนินการและเป็นฝ่ายตีราคากลาง ตั้งอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านบาท แต่ราคาบริษัทที่ประมูลได้เสนอจัดสร้างในราคาประมาณ 15 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ ดังนั้น ในแง่ของงบประมาณอย่าไปคิดว่าทำเพื่อคนแค่ 2 คน แต่มันเป็นการรองรับคนที่จะต้องทำงานร่วมกับ กกต.ประมาณ 20 คนด้วย ราคาแพงหรือไม่แพง ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินราคา ส่วนการออกแบบและประเมินราคากลางก็ทำโดยหน่วยงานราชการ เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง“ นายสมชัยกล่าว
ส่วนประเด็นการจัดซื้อรถประจำตำแหน่งของ กกต.ใหม่นั้น นายสมชัยกล่าวว่า ทาง กกต.ได้มีมติไม่อนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อตามที่สำนักงานฯ ได้เสนอ เนื่องจากเราเห็นว่ารถประจำแหน่งของ กกต.ที่มีอยู่เดิมจำนวน 10 คัน ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ส่วน กกต.ใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มจำนวน 2 คนนั้น เบื้องต้นให้ใช้วิธีการเช่าเพิ่มไปก่อนจำนวน 4 คัน ส่วนเมื่อ กกต.ชุดใหม่เข้ามา หากเห็นว่ารถที่ใช้อยู่เก่าเกินไปหรือเห็นว่าอาจมีปัญหาในแง่ของความปลอดภัยต่างๆ ก็ให้เป็นดุลพินิจของ กกต.ชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ