xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : อย่าให้เรื่องเงียบ!! “บิ๊กรัฐบาล”รูดซิปปากปม “น้องเมย”รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอจาก“นิติวิทย์”ที่ยืนยันแล้วว่าน้ำยาไม่หมด สัปดาห์หน้าได้เรื่อง พร้อมส่งหน่วยชันสูตรต่อ โซเชียลติดแฮชแทก #justiceformaey #เมยนตท.หวังไม่ให้เรื่องเงียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

นตท.เมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์  และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง
ข่าวปนคน คนปนข่าว



อย่าให้เรื่องเงียบ!! “บิ๊กรัฐบาล” รูดซิปปากปม “น้องเมย” รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอจาก “นิติวิทย์” ที่ยืนยันแล้วว่าน้ำยาไม่หมด สัปดาห์หน้าได้เรื่อง พร้อมส่งหน่วยชันสูตรต่อ โซเชียลติดแฮชแท็ก #justiceformaey #เมย นตท. ดันขึ้นเทรนด์ Twitter-Facebook หวังไม่ให้เรื่องเงียบ

เงียบเชียบไปเลย “บิ๊กรัฐบาล” กับการไขปมความตายอย่างมีปริศนาของ“นตท.เมย” ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติภายในโรงเรียน โดยที่ทางครอบครัวก็ติดใจสาเหตุการตาย .. ที่เหล่าบิ๊กๆ เงียบไป ก็อาจจะอ้างได้ว่า ตอนนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่รับร่างกาย และอวัยวะภายในของ “นตท.เมย” ไปตรวจเพิ่มเติมเมื่อสัปดาห์ก่อน .. วันก่อนเห็นว่า สมณ์ พรหมรส ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาชี้แจงกระแสข่าวที่ว่า “น้ำยาตรวจสารพันธุกรรมชนิดพิเศษ” ของสถาบันฯ หมดสต๊อก และรองบประมาณจัดซื้อ จนอาจทำให้ผลการตรวจเคส “น้องเมย” ล่าช้าออกไปว่า “ไม่เป็นความจริง”..พร้อมกันนี้ “ผอ.สมณ์” ยืนยันด้วยว่า น้ำยาเพียงพอต่อการตรวจพิสูจน์อวัยวะ “น้องเมย” ได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องมีการจัดซื้อเร่งด่วนแต่อย่างใด คาดว่า “ภายในสัปดาห์หน้า” จะสามารถรู้ผลการตรวจ ดีเอ็นเอเพื่อจัดทำรายงานผลการชันสูตรต่อไป ..

แต่ก็มีข่าวอีกว่า จริงๆ แล้ว “น้ำยาตรวจสารพันธุกรรมชนิดพิเศษ” ของสถาบันฯ ได้หมด “เกลี้ยงสต๊อก” มานานแล้ว .. ส่งผลให้วัตถุพยานในเคสอื่นๆ ค้างการตรวจถึงเกือบพันรายการ .. แต่พอมีกรณี “น้องเมย” ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทำให้ “บิ๊กสถาบันฯ” สั่งแก้ปัญหาด้วยการนำ “งบประมาณฝึกอบรม” ราว 9 ล้านบาท ไปจัดซื้อน้ำยามาทดแทน เมื่อไม่กี่วันก่อน .. สอดคล้องกับข่าวที่ว่า “ผู้บริหารบางราย” โยกงบจัดซื้อปัจจัยที่จำเป็นต่อภารกิจ ไปจัดจ้างงานอื่นๆ เพียงเพื่อหวัง “ฟาดหัวคิว” จนหมดเกลี้ยง .. ประเด็นปล่อยไว้ให้“บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ควบรมว.ยุติธรรม เข้าไปไล่เบี้ยอีกที .. เอาเป็นว่า “ผอ.สมณ์” ยืนยันว่า ภายใน 1 - 2 สัปดาห์นี้ จะมีความคืบหน้า ก็หวังว่าจะเป็นจริง แล้วเมื่อไปถึงหน่วยงานอื่นๆ ก็คงไม่ออกท่า “ล้มมวย” แล้วค่อยมากลับลำแก้ตัวกันทีหลัง .. ยิ่งถ้าทำเงียบๆ กันไป หวังให้เวลาเยียวยาทุกสิ่ง กลบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล อย่าลืมว่าสังคมเฝ้าจับตาอยู่ .. แล้วก็อย่าให้อาย “รุ่นลูกรุ่นหลาน” เด็กๆ ที่ตอนนี้ มีการรวมกลุ่มเรียกร้องความเป็นธรรมให้ “น้องเมย” ผ่านสังคมโซเชียลหลายสื่อ .. ทั้งแฮชแท็ก # justiceformaey #loser2017 #เมย นตท. รวมทั้งอีกหลายแฮชแท็ก ที่มีการช่วยกันดันขึ้นเทรนด์ทาง Twitter Facebook ..ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่ม แต่ก็ถือเป็นแรงกดดันทางสังคม ไม่ให้เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี .. เรื่องแบบนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้
ตูน บอดี้สแลมเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
** “ต.ตูน” vs.“ต.ตู่”!! คนหนึ่งทุ่มเท สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ ขยี้ความห่วยระบบงบรัฐ อีกคนเปิดประตูทำเนียบฯ ยิ้มแฉ่งต้อนรับ เคลมหน้าตาเฉย “ก้าวคนละก้าว” สอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาล ก่อนร่อนเอกสาร “ปฏิรูปกองทัพ” แต่ไม่ลืมพ่วงจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ มาด้วย

เชื่อสิว่า คงไม่ใช่ความปรารถนาของ“ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย หรือทีมงานก้าวคนละก้าว ที่ลงทุน “หอบสังขาร” ไปพบ“นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับเงินบริจาค หรือ พีอาร์-ประชาสัมพันธ์โครงการอะไรหรอก .. ก็ด้วยนาทีนี้ก้าวของ “พี่ตูน” โด่งดังเป็นพลุแตกอยู่แล้ว ด้วยสภาพร่างกายที่ช้ำไปทั้งตัว ไม่น่าจะต้องเสียเวลาพักผ่อนไปขอความเมตตาจากผู้ใหญ่อะไรเลย .. เดาไม่ยากว่า คงเป็น “ผู้ใหญ่บางคน” ที่จัดแจงให้ “ต.ตูน” เข้าไปพบ “ต.ตู่” เพื่อโชว์ ว่า โครงการก้าวคนละก้าว ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล .. ในมุมกลับกัน ตั้งแต่ “พี่ตูน” ริเริ่มโครงการก้าว เมื่อครั้ง รพ.บางสะพาน จนมาถึง “เบตง - แม่สาย” หนนี้ หลักใหญ่เพื่อหารายได้สมทบทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐที่ขาดแคลน .. ภาพตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึง “ความห่วยแตก” ของรัฐบาลเอง ที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ เหมาะสมกับ “ระบบสาธารณสุข” ที่เป็นปัญหาขั้นพื้นฐานของประชาชน .. ก็อาจจะพูดได้ว้าประเทศเราไม่ได้ร่ำรวย งบประมาณก็จำกัดจำเขี่ย ตามความเหมาะสม แต่เอ๊ะ ทำไม กระทรวงกลาโหม ก็มีงบเหลือเฟือ ไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งเครื่องบิน เรือดำน้ำ แถมตั้งงบผูกพันไปหลายปี แบบยาวๆ ..

ถ้าคิดได้แค่นี้ “นายกฯตู่” น่าจะปิดประตูทำเนียบฯ ไม่ให้ “พี่ตูน” เข้ามาพบ เพราะทำให้ตัวเองดูแย่ลง .. และแย่ลงไปอีก เมื่อไม่แค่ “โหนกระแส” ธรรมดา “ท่านนายกฯ” ยังโยงความเสียสละของ “พี่ตูนและคณะ” ว่า เป็นคน 4.0 คิดแบบ 4.0 สอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน .. ชื่นชมไปอีกว่า เป็นตัวอย่างให้หลายภาคส่วนเห็นว่า ต้องช่วยกันทำงาน เสมือนกลไก “ประชารัฐ” ที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอยู่ .. ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ เหมือนคนเป็น “ผู้นำประเทศ” ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง มีคนมาขยี้ว่า ตัวเองทำงานไม่ได้เรื่อง ดันมีหน้ามายิ้มแฉ่งรับเสียอีก .. ข่าวว่าในที่ประชุม ครม. “นายกฯตู่” แจกเอกสารสั่งการแนวทางการทำงานให้กับรัฐมนตรีทุกคน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน .. เห็นว่าเอกสารส่วนหนึ่งกล่าวถึง “แนวทางการปฏิรูปกองทัพ” เสียด้วย ก็เนื้อเต้น ดูท่าจะจับจุดถูก คิดจะปฏิรูป “อาณาจักรสีเขียว”.. ข้อ 1. ว่าถึงการลดกำลังพลประจำการ แต่ให้ไปเพิ่มกำลังพลสัญญาจ้างแทน อันนี้พอฟังได้ .. ทว่า ยังมีพ่วง ข้อ 2. ในแผนปฏิรูปกองทัพ ที่ระบุถึง “การจัดหาอาวุธ - ยุทโธปกรณ์” ต้องเน้นความทันสมัย เทคโนโลยีสูง จำนวนเพียงพอ .. เฮ้อ.. พูดยังไม่ทันขาดคำ .
สมชัย ศรีสุทธิยากร  และ มีชัย ฤชุพันธุ์
**“บิ๊กเนม” ตก QC!! คัด กกต. ชุดใหม่แค่โค้งสอง เหลือ 15 ราย จากที่สมัคร 41 ราย “สมชัย” สะใจ “สเปกเทพ” พ่นพิษ เหน็บ “ปรมาจารย์มีชัย” ชอบยุ่งยาก จน “ผอ.โรงเรียน” ผ่านเกณฑ์ แต่ “อธิบดี - ผู้ว่าฯ - รองปลัด” ตกเรียบ

สะใจโก๋ .. “สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต. อดไม่ได้ ต้องโพสต์เพซบุ๊กส่วนตัว หลังคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง ประกาศรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. ที่ผ่านเกณฑ์มีคุณสมบัติครบถ้วน .. “บิ๊กเนม” ร่วงไปอื้อ ผ่านเพียง 15 รายจากผู้สมัคร 41 ราย .. ทำเอา “สมชัย” โพสต์ข้อความด้วยอารมณ์ “สะใจ” ไม่น้อย เปรียบว่าเป็นปรากฏการณ์ “สเปกเทพออกฤทธิ์”.. บอกด้วยว่า อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองปลัดกระทรวง เจ้ากรมทหาร บอร์ดหน่วยงานสำคัญ พากันตกรอบคุณสมบัติกันหมด .. ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ หลายคนเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในด้านการจัดการเลือกตั้ง-มีผลงานเป็นที่ยอมรับ .. แต่ขณะเดียวกัน กลับมี “ผู้อำนวยการโรงเรียน” คุณสมบัติผ่าน .. พร้อมเหน็บว่า เป็นผลงานออกแบบของ “ปรมาจารย์กฎหมายของประเทศ” ที่ “เอาให้อ่อน เอาให้ยุ่ง เอาให้ยาก” เข้าไว้ ..

ปรมาจารย์คนที่ “ท่านสมชัย” กล่าวถึง ก็ไม่พ้น “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นั่นเอง .. คณะกรรมการสรรหา ก็รับลูกยึดตามคุณสมบัติที่เขียนเป๊ะๆ .. โดยเฉพาะส่วนของ “หัวหน้าส่วนราชการ” ที่ถ้าเป็นทหาร - ตำรวจ ต้องเป็น “ผบ.เหล่าทัพ -
ผบ.ตร.” เท่านั้น.. ส่วนสายข้าราชการพลเรือน อย่าง “ผู้ว่าฯ - อธิบดี” ก็ถือว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการ แต่ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี โธ่ๆ ใครจะอยู่โยงได้นานขนาดนั้น .. งานนี้พวกที่ร่วงไป ก็มีทั้ง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา - พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ - ธวัชชัย ไทยเขียว - พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า เป็นอาทิ

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น