ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ขอใช้ตัวช่วย!! “ลุงป้อม” เมาหมัด ปม “น้องเมย” ยืมมือ “ลุงกำนัน” ผู้ปวารณาตัวรับใช้ผู้มีอำนาจสุดลิ่ม ส่งสายตรงอย่าง “เจ๊ ป.-น้อง ต.” ไปเป็น “นกต่อ” ไกล่เกลี่ย “ครอบครัวน้องเมย” หวังตัดจบเรื่อง ก่อนฝ่ายตรงข้ามรุมสกรัม แต่เจอตอกหน้าหงายกลับมา
ยังคงอยู่ในอาการ “เมาหมัด” จากกรณีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ “นตท.เมย” ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ภายในรั้วโรงเรียนฯ .. แม้ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะทนกระแสสังคมไม่ไหว ต้องออกมาเอ่ยปาก “ขอโทษ” ที่พูดจาหักหาญจิตใจ “ครอบครัวน้องเมย” ไปแล้วก็ตาม .. แต่อาการของ “ป๋าป้อม” ตลอดจนรัฐบาล-กองทัพก็ยังไม่ดีขึ้น ด้วยเหตุที่เรื่องลุกลามบานปลายเป็นที่วิพากษ์ของสังคมอย่างกว้างขวาง จนกระทบต่อ “รัฐบาลลายพราง” อย่างปฏิเสธไม่ได้ .. จับอาการได้จากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่ไม่กล้าวาง “เดดไลน์” การสอบสวน ได้เมื่อไรกันแน่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีการ “วิ่งเคลียร์” กันวุ่น .. โดยเฉพาะความพยายามให้ทางครอบครัว นตท.ภคพงษ์ หยุดการเคลื่อนไหวผ่านหน้าสื่อ .. และเผอิญ “ทีม เสธ.” ได้รับข้อมูลว่า ทาง “ครอบครัวน้องเมย” เคยศรัทธากับแนวทางของกลุ่ม กปปส.ออกมาร่วมเป่านกหวีดขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เมื่อช่วงปี 2557 ด้วย .. งานนี้ “พี่ใหญ่” ก็เลยสบช่อง หวังใช้คอนเนกชันผ่านสาย “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ กปปส.เพื่อไกล่เกลี่ย ให้ทำความเข้าใจระหว่าง “พ่อ-แม่น้องเมย” กับทาง “กองทัพ-ร.ร.เตรียมทหาร” โดยด่วน ด้วยเกรงว่าจะกลายเป็นการเปิดชายโครงให้ “ฝ่ายตรงข้าม” รุมโจมตีไปด้วย ..
ภารกิจสำคัญครั้งนี้ ได้มอบหมายให้ “เจ๊ ป.” โฆษกปากกล้าสายตรงลุงกำนัน ควงคู่ “น้อง ต.” หลานรักที่มีความห่วงใย “ลุงป้อม” เป็นทุนเดิม ไปเป็น “นกต่อ” ถึงทางครอบครัว พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าหากต้องการความช่วยเหลืออะไรขอให้บอกมาได้อย่างเต็มที่ .. แว่วมาว่า บรรยากาศการพูดคุย “จอดตั้งแต่ยังไม่แจว” เมื่อ “เจ๊ ป.” ดันใช้เวลาส่วนใหญ่ในการใส่สีตีไข่ว่า “ลุงป้อม” เสียใจอย่างสุดซึ้งที่พลั้งปากพูดกระทบ “น้องเมย” จนนอนร้องไห้-หลับทั้งน้ำตาแทบทุกคืน .. จากที่ควรจะไปแสดงความเห็นใจกับทางครอบครัว กลายเป็นไปขอความเห็นใจจากทางพ่อ-แม่น้องเมยไปแทน .. ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เข้าเป้าตามที่ “ลุงป้อม-ลุงกำนัน” หวังเอาไว้ .. ด้วยทางครอบครัว นตท.ภคพงษ์ ยืนยันหนักแน่นต่อ “เจ๊ ป.-น้อง ต.” ว่าทางครอบครัวไม่ได้ต้องการให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์กองทัพ-รัฐบาล หากแต่ต้องการทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ “บุตรชายคนเดียวของครอบครัว” เท่านั้น และไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรด้วย .. เรียกว่าทำเอา “เจ๊ ป.-น้อง ต.” หงายเงิบไปเลย .. อีกทั้งยังเป็นการประจาน “แกนนำม็อบนกหวีด” สิ้นไส้ ที่ไม่ลืมหูลืมตา รับงาน-รับใช้ “ผู้มีอำนาจ” อย่างสุดลิ่ม โดยไม่แยแสต่อความรู้สึกสูญเสียของครอบครัวน้องเมยแม้แต่น้อย ..แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้น กลับทำให้ “ครอบครัวตัญกาญจน์” ที่เคยสูญสิ้นศรัทธาต่อทหาร และกองทัพมาก่อนหน้านี้ กลับต้องมาผิดหวังและสูญสิ้นศรัทธาต่อ “แกนนำ กปปส.” ซ้ำสอง
** จากรุ่นสู่รุ่น! “ลุงตู่” ขาดทุนยับที่ปักษ์ใต้ ตวาดชาวบ้าน-ปล่อย จนท.ตีม็อบ สะท้อนทัศนคติที่หล่อหลอมกันมาของ “ทหาร” ที่มี “เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี” ค้ำคอ จนเห็นประชาชนเดินดินราวกับ “ทาส-ไพร่” ปลุก “พลังเงียบ” ท้าทายรัฐบาลทหาร ที่จับได้ไล่ทันถูกแรงกดดันจาก “ทุนใหญ่พลังงาน” ที่ดันเอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน จนแสดงออกรุนแรง
น่าสนใจไม่น้อยกับ “ภาษากาย” ของ “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงในช่วงลงพื้นที่ ครม.สัญจรใต้ .. ทั้งๆ ที่ควรเป็นช่วงเวลาดีๆ ในการโกยความนิยมกลับคืน รวมทั้งเพิ่งปลดเปลื้องความเครียด ในการจัดวาง “ครม.ประยุทธ์ 5” ไปได้ไม่นาน .. การตวาดด้วยวาจารุนแรง ต่อชาวประมง ที่มายื่นเรื่องร้องเรียนกับรัฐบาลนั้น มองผิวเผินอาจสั่งสมมาจากความเครียด-วิตกกังวลภายใน .. หลงลืมไปว่า วันนี้ตัวเองมีสถานะเป็น “ผู้นำรัฐบาล” หาใช่ “ผู้บัญชาการทหาร” ที่ปฏิบัติกับลูกน้อง-ไพร่พล .. แต่หากวิเคราะห์ลงลึกไป ประกอบกับภาพความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อ “ม็อบต้านโรงไฟฟ้า” แล้ว ก็จะสะท้อนให้เห็นถึง “ทัศนคติ” ของ “ผู้มีอำนาจ” ในยุคนี้ .. ที่ต่างมีพื้นฐานความเป็นมาจาก “โรงเรียนเตรียมทหาร” หล่อหลอมให้ยึดมั่นถือมั่นใน “เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี” ที่ค้ำคอ-ติดบ่าออกมา จนทำให้แสดงออกต่อประชาชนคนเดินดินธรรมดา อย่างที่เห็นหรือเปล่า? .. เป็นการแสดงออกในช่วงที่รู้อยู่เต็มอกว่า คะแนนนิยมตกต่ำมากที่สุดในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา บวกกับการจัดการปมปัญหาการตายของ “น้องเมย” ทำให้แย่ไปสุดกู่ .. พูดกันถึงขนาดว่า อากัปกิริยาที่ไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้ แย่ยิ่งกว่าสมัย “ทาสในเรือนเบี้ย” เสียอีก ..
กับชาวประมง แค่รับเรื่องไว้ก็จบ ไม่ต้องแผดเสียงดังให้แสบคอ .. หรืออย่าง “ม็อบต้านถ่านหิน” ก็มีการประสานงานกันล่วงหน้า และรู้ทั้งรู้ว่ามี “เอ็นจีโอจัดตั้ง” พยายามขุดหลุมพรางล่อฝ่ายรัฐอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปหลงกลอย่างง่ายดาย .. ส่งผลให้การลงทุนเดินทางไกลไปถึงปลายด้ามขวานของ “นายกฯ ตู่” และชาวคณะครั้งนี้ “ขาดทุนย่อยยับ” กลับมา .. ไม่เพียงแต่เปิดช่องให้ “ขั้วตรงข้าม” นำไปต่อยอดโจมตีได้แล้ว ยังส่งผลต่อเป็น “ลูกระนาด” ทำให้ “แนวร่วม-ติ่งทหาร” เริ่มแปรเปลี่ยนไป .. ทั้ง “สื่อที่เคยเชียร์ทหาร” ก็เริ่มส่งเสียงแปร่งๆ หรือความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจาก “นักศึกษา ม.รังสิต” ที่เด้งรับกระแสในโลกโซเชียล “เทใจให้เทพา” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ขยับในเรื่องการเมืองค่อนข้างน้อย .. รวมทั้งยังมีการขยายประเด็นไปจับได้ไล่ทัน “รัฐบาลทหาร” อีกว่า เหตุที่ปฏิบัติต่อแกนนำม็อบถ่านหินอย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ด้วยมีความกดดัน-คาดหวังมาจาก “บริษัททุนพลังงานใหญ่” ที่ทุบโต๊ะเปรี้ยงมาว่า ให้รัฐบาลเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ว่าจะที่ อ.เทพา หรือ จ.กระบี่ ให้เห็นผลโดยเร็ว .. ด้วยบริษัททุนพลังงานใหญ่ไปลงทุนมโหฬารกับกิจการ “เหมืองถ่านหิน” ไว้ที่อินโดนีเซีย หากไม่มีตลาดปล่อยของในเร็ววันอาจกระทบกำไรที่ทำได้ถึงระดับแสนๆ ล้าน ที่ต้องหดหายไป .. แรงกดดันที่ถาโถมมาจาก “ทุนพลังงาน” นี้หรือเปล่าที่ทำให้มอง “ผู้เห็นต่าง” เป็น “ศัตรู” ไปเสียหมด ทั้งที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ไม่ยาก
** กลัวน้อยหน้าคนอื่น!! “ท่านไก่อู” ทหารคู่บุญลุงตู่ โชว์ฟอร์ม “เรียกแขก” เลือกประเด็น “ชกใต้เข็มขัด” หวังดิสเครดิต “แกนนำม็อบ” เจอกระแสตีกลับเสียผู้เสียคน
ต่อเนื่องมาถึงวีรกรรม ของ “ท่านไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด นายทหารคู่บุญ “ลุงตู่” ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะ “ชกใต้เข็มขัด” ในกรณีการหายตัวไปของ “แบร์มุส” มุสตารซีดีน วาบา หนึ่งในแกนนำม็อนต้านถ่านหิน .. ระบุประมาณว่า “แบร์มุส” ไม่ได้ถูกทหาร-ตำรวจจับตัวไป และขอตั้งข้อสังเกตว่า อาจเดินทางไปที่ใดที่หนึ่งเหมือน กรณีที่ อ.สะบ้าย้อย มีผู้ชายท่านหนึ่งไปแจ้งว่าหายตัวไป นัยว่าถูกตำรวจทหารจับกุมตัวไป แต่ไม่นานปรากฏตัวว่าไปเที่ยวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาที่ จ.สตูล .. เป็นคำพูดผ่าน รายการเดินหน้าประเทศไทย ที่ออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย .. วาทะของ “ท่านไก่อู” อาจจะไม่ได้เจาะจงไปที่ “แบร์มุส” ก็จริง แต่นัยของการพูดในช่วงประโยคติดๆ กันด้วย “อารมณ์ขำขัน” ในรายการที่เป็นทางการ ก็สะท้อนให้เห็นถึง “ทัศนคติ” ของนายทหารผู้นี้ได้เป็นอย่างดี .. เพราะเป็นคำพูดที่มุ่งดิสเครดิตด้วยเรื่องในมุ้ง ที่ไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่มีตำแหน่งค้ำคอ ทั้งนายพลโทแห่งกองทัพไทย-ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ..
หากจะ “ดิสเครดิต” แกนนำม็อบเช่นนี้ ควรเป็นหน้าที่ของ “หน่วยใต้ดิน” มากกว่า แต่ดันมาจากคนที่มีตำแหน่งแห่งที่ มีภาพว่าใกล้ชิด “นายกฯ ตู่” ก็ยิ่ง “เรียกแขก” ให้กับรัฐบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ .. การแสดงออกของรัฐบาลทหารในช่วงนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงหลักคิดที่คมคายของ “นตท.56” คนหนึ่งที่สอนมวยรุ่นพี่เตรียมทหารไว้ในเรื่อง “น้องเมย” ว่า “ไม่มีใครทำลายพวกเราได้ ยกเว้นพวกเราเอง” ..รัฐบาล คสช.ที่ว่าแน่ๆ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็เช่นกัน ทำไปทำมาจะทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่มจมเสียเอง.
ช.ชฎา
** ขอใช้ตัวช่วย!! “ลุงป้อม” เมาหมัด ปม “น้องเมย” ยืมมือ “ลุงกำนัน” ผู้ปวารณาตัวรับใช้ผู้มีอำนาจสุดลิ่ม ส่งสายตรงอย่าง “เจ๊ ป.-น้อง ต.” ไปเป็น “นกต่อ” ไกล่เกลี่ย “ครอบครัวน้องเมย” หวังตัดจบเรื่อง ก่อนฝ่ายตรงข้ามรุมสกรัม แต่เจอตอกหน้าหงายกลับมา
ยังคงอยู่ในอาการ “เมาหมัด” จากกรณีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ “นตท.เมย” ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ภายในรั้วโรงเรียนฯ .. แม้ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะทนกระแสสังคมไม่ไหว ต้องออกมาเอ่ยปาก “ขอโทษ” ที่พูดจาหักหาญจิตใจ “ครอบครัวน้องเมย” ไปแล้วก็ตาม .. แต่อาการของ “ป๋าป้อม” ตลอดจนรัฐบาล-กองทัพก็ยังไม่ดีขึ้น ด้วยเหตุที่เรื่องลุกลามบานปลายเป็นที่วิพากษ์ของสังคมอย่างกว้างขวาง จนกระทบต่อ “รัฐบาลลายพราง” อย่างปฏิเสธไม่ได้ .. จับอาการได้จากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่ไม่กล้าวาง “เดดไลน์” การสอบสวน ได้เมื่อไรกันแน่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีการ “วิ่งเคลียร์” กันวุ่น .. โดยเฉพาะความพยายามให้ทางครอบครัว นตท.ภคพงษ์ หยุดการเคลื่อนไหวผ่านหน้าสื่อ .. และเผอิญ “ทีม เสธ.” ได้รับข้อมูลว่า ทาง “ครอบครัวน้องเมย” เคยศรัทธากับแนวทางของกลุ่ม กปปส.ออกมาร่วมเป่านกหวีดขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เมื่อช่วงปี 2557 ด้วย .. งานนี้ “พี่ใหญ่” ก็เลยสบช่อง หวังใช้คอนเนกชันผ่านสาย “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ กปปส.เพื่อไกล่เกลี่ย ให้ทำความเข้าใจระหว่าง “พ่อ-แม่น้องเมย” กับทาง “กองทัพ-ร.ร.เตรียมทหาร” โดยด่วน ด้วยเกรงว่าจะกลายเป็นการเปิดชายโครงให้ “ฝ่ายตรงข้าม” รุมโจมตีไปด้วย ..
ภารกิจสำคัญครั้งนี้ ได้มอบหมายให้ “เจ๊ ป.” โฆษกปากกล้าสายตรงลุงกำนัน ควงคู่ “น้อง ต.” หลานรักที่มีความห่วงใย “ลุงป้อม” เป็นทุนเดิม ไปเป็น “นกต่อ” ถึงทางครอบครัว พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าหากต้องการความช่วยเหลืออะไรขอให้บอกมาได้อย่างเต็มที่ .. แว่วมาว่า บรรยากาศการพูดคุย “จอดตั้งแต่ยังไม่แจว” เมื่อ “เจ๊ ป.” ดันใช้เวลาส่วนใหญ่ในการใส่สีตีไข่ว่า “ลุงป้อม” เสียใจอย่างสุดซึ้งที่พลั้งปากพูดกระทบ “น้องเมย” จนนอนร้องไห้-หลับทั้งน้ำตาแทบทุกคืน .. จากที่ควรจะไปแสดงความเห็นใจกับทางครอบครัว กลายเป็นไปขอความเห็นใจจากทางพ่อ-แม่น้องเมยไปแทน .. ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เข้าเป้าตามที่ “ลุงป้อม-ลุงกำนัน” หวังเอาไว้ .. ด้วยทางครอบครัว นตท.ภคพงษ์ ยืนยันหนักแน่นต่อ “เจ๊ ป.-น้อง ต.” ว่าทางครอบครัวไม่ได้ต้องการให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์กองทัพ-รัฐบาล หากแต่ต้องการทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ “บุตรชายคนเดียวของครอบครัว” เท่านั้น และไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรด้วย .. เรียกว่าทำเอา “เจ๊ ป.-น้อง ต.” หงายเงิบไปเลย .. อีกทั้งยังเป็นการประจาน “แกนนำม็อบนกหวีด” สิ้นไส้ ที่ไม่ลืมหูลืมตา รับงาน-รับใช้ “ผู้มีอำนาจ” อย่างสุดลิ่ม โดยไม่แยแสต่อความรู้สึกสูญเสียของครอบครัวน้องเมยแม้แต่น้อย ..แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้น กลับทำให้ “ครอบครัวตัญกาญจน์” ที่เคยสูญสิ้นศรัทธาต่อทหาร และกองทัพมาก่อนหน้านี้ กลับต้องมาผิดหวังและสูญสิ้นศรัทธาต่อ “แกนนำ กปปส.” ซ้ำสอง
** จากรุ่นสู่รุ่น! “ลุงตู่” ขาดทุนยับที่ปักษ์ใต้ ตวาดชาวบ้าน-ปล่อย จนท.ตีม็อบ สะท้อนทัศนคติที่หล่อหลอมกันมาของ “ทหาร” ที่มี “เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี” ค้ำคอ จนเห็นประชาชนเดินดินราวกับ “ทาส-ไพร่” ปลุก “พลังเงียบ” ท้าทายรัฐบาลทหาร ที่จับได้ไล่ทันถูกแรงกดดันจาก “ทุนใหญ่พลังงาน” ที่ดันเอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน จนแสดงออกรุนแรง
น่าสนใจไม่น้อยกับ “ภาษากาย” ของ “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงในช่วงลงพื้นที่ ครม.สัญจรใต้ .. ทั้งๆ ที่ควรเป็นช่วงเวลาดีๆ ในการโกยความนิยมกลับคืน รวมทั้งเพิ่งปลดเปลื้องความเครียด ในการจัดวาง “ครม.ประยุทธ์ 5” ไปได้ไม่นาน .. การตวาดด้วยวาจารุนแรง ต่อชาวประมง ที่มายื่นเรื่องร้องเรียนกับรัฐบาลนั้น มองผิวเผินอาจสั่งสมมาจากความเครียด-วิตกกังวลภายใน .. หลงลืมไปว่า วันนี้ตัวเองมีสถานะเป็น “ผู้นำรัฐบาล” หาใช่ “ผู้บัญชาการทหาร” ที่ปฏิบัติกับลูกน้อง-ไพร่พล .. แต่หากวิเคราะห์ลงลึกไป ประกอบกับภาพความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อ “ม็อบต้านโรงไฟฟ้า” แล้ว ก็จะสะท้อนให้เห็นถึง “ทัศนคติ” ของ “ผู้มีอำนาจ” ในยุคนี้ .. ที่ต่างมีพื้นฐานความเป็นมาจาก “โรงเรียนเตรียมทหาร” หล่อหลอมให้ยึดมั่นถือมั่นใน “เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี” ที่ค้ำคอ-ติดบ่าออกมา จนทำให้แสดงออกต่อประชาชนคนเดินดินธรรมดา อย่างที่เห็นหรือเปล่า? .. เป็นการแสดงออกในช่วงที่รู้อยู่เต็มอกว่า คะแนนนิยมตกต่ำมากที่สุดในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา บวกกับการจัดการปมปัญหาการตายของ “น้องเมย” ทำให้แย่ไปสุดกู่ .. พูดกันถึงขนาดว่า อากัปกิริยาที่ไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้ แย่ยิ่งกว่าสมัย “ทาสในเรือนเบี้ย” เสียอีก ..
กับชาวประมง แค่รับเรื่องไว้ก็จบ ไม่ต้องแผดเสียงดังให้แสบคอ .. หรืออย่าง “ม็อบต้านถ่านหิน” ก็มีการประสานงานกันล่วงหน้า และรู้ทั้งรู้ว่ามี “เอ็นจีโอจัดตั้ง” พยายามขุดหลุมพรางล่อฝ่ายรัฐอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปหลงกลอย่างง่ายดาย .. ส่งผลให้การลงทุนเดินทางไกลไปถึงปลายด้ามขวานของ “นายกฯ ตู่” และชาวคณะครั้งนี้ “ขาดทุนย่อยยับ” กลับมา .. ไม่เพียงแต่เปิดช่องให้ “ขั้วตรงข้าม” นำไปต่อยอดโจมตีได้แล้ว ยังส่งผลต่อเป็น “ลูกระนาด” ทำให้ “แนวร่วม-ติ่งทหาร” เริ่มแปรเปลี่ยนไป .. ทั้ง “สื่อที่เคยเชียร์ทหาร” ก็เริ่มส่งเสียงแปร่งๆ หรือความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจาก “นักศึกษา ม.รังสิต” ที่เด้งรับกระแสในโลกโซเชียล “เทใจให้เทพา” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ขยับในเรื่องการเมืองค่อนข้างน้อย .. รวมทั้งยังมีการขยายประเด็นไปจับได้ไล่ทัน “รัฐบาลทหาร” อีกว่า เหตุที่ปฏิบัติต่อแกนนำม็อบถ่านหินอย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ด้วยมีความกดดัน-คาดหวังมาจาก “บริษัททุนพลังงานใหญ่” ที่ทุบโต๊ะเปรี้ยงมาว่า ให้รัฐบาลเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ว่าจะที่ อ.เทพา หรือ จ.กระบี่ ให้เห็นผลโดยเร็ว .. ด้วยบริษัททุนพลังงานใหญ่ไปลงทุนมโหฬารกับกิจการ “เหมืองถ่านหิน” ไว้ที่อินโดนีเซีย หากไม่มีตลาดปล่อยของในเร็ววันอาจกระทบกำไรที่ทำได้ถึงระดับแสนๆ ล้าน ที่ต้องหดหายไป .. แรงกดดันที่ถาโถมมาจาก “ทุนพลังงาน” นี้หรือเปล่าที่ทำให้มอง “ผู้เห็นต่าง” เป็น “ศัตรู” ไปเสียหมด ทั้งที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ไม่ยาก
** กลัวน้อยหน้าคนอื่น!! “ท่านไก่อู” ทหารคู่บุญลุงตู่ โชว์ฟอร์ม “เรียกแขก” เลือกประเด็น “ชกใต้เข็มขัด” หวังดิสเครดิต “แกนนำม็อบ” เจอกระแสตีกลับเสียผู้เสียคน
ต่อเนื่องมาถึงวีรกรรม ของ “ท่านไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด นายทหารคู่บุญ “ลุงตู่” ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะ “ชกใต้เข็มขัด” ในกรณีการหายตัวไปของ “แบร์มุส” มุสตารซีดีน วาบา หนึ่งในแกนนำม็อนต้านถ่านหิน .. ระบุประมาณว่า “แบร์มุส” ไม่ได้ถูกทหาร-ตำรวจจับตัวไป และขอตั้งข้อสังเกตว่า อาจเดินทางไปที่ใดที่หนึ่งเหมือน กรณีที่ อ.สะบ้าย้อย มีผู้ชายท่านหนึ่งไปแจ้งว่าหายตัวไป นัยว่าถูกตำรวจทหารจับกุมตัวไป แต่ไม่นานปรากฏตัวว่าไปเที่ยวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาที่ จ.สตูล .. เป็นคำพูดผ่าน รายการเดินหน้าประเทศไทย ที่ออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย .. วาทะของ “ท่านไก่อู” อาจจะไม่ได้เจาะจงไปที่ “แบร์มุส” ก็จริง แต่นัยของการพูดในช่วงประโยคติดๆ กันด้วย “อารมณ์ขำขัน” ในรายการที่เป็นทางการ ก็สะท้อนให้เห็นถึง “ทัศนคติ” ของนายทหารผู้นี้ได้เป็นอย่างดี .. เพราะเป็นคำพูดที่มุ่งดิสเครดิตด้วยเรื่องในมุ้ง ที่ไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่มีตำแหน่งค้ำคอ ทั้งนายพลโทแห่งกองทัพไทย-ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ..
หากจะ “ดิสเครดิต” แกนนำม็อบเช่นนี้ ควรเป็นหน้าที่ของ “หน่วยใต้ดิน” มากกว่า แต่ดันมาจากคนที่มีตำแหน่งแห่งที่ มีภาพว่าใกล้ชิด “นายกฯ ตู่” ก็ยิ่ง “เรียกแขก” ให้กับรัฐบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ .. การแสดงออกของรัฐบาลทหารในช่วงนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงหลักคิดที่คมคายของ “นตท.56” คนหนึ่งที่สอนมวยรุ่นพี่เตรียมทหารไว้ในเรื่อง “น้องเมย” ว่า “ไม่มีใครทำลายพวกเราได้ ยกเว้นพวกเราเอง” ..รัฐบาล คสช.ที่ว่าแน่ๆ มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็เช่นกัน ทำไปทำมาจะทำให้ “เรือแป๊ะ” ล่มจมเสียเอง.
ช.ชฎา