“สรรเสริญ” แจงเหตุ “ประยุทธ์” ควันออกหูใส่ชาวประมง เหตุใช้ถ้อยคำรุนแรงทั้งที่มาขอให้ช่วย ยันพยายามอธิบายไม่ได้ดุกลับ แฉม็อบโรงไฟฟ้ากลับใจเปลี่ยนวันนัดยื่นหนังสือ เผยคุยกันไว้ 28 พ.ย.แต่มาก่อน 27 พ.ย. ลั่นไม่ปล่อยให้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ยันรับฟังข้อมูลทุกฝ่าย
วันนี้ (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายกฯ ดุชาวประมงที่มายื่นหนังสือร้องเรียนให้แก้กฎระเบียบการทำประมงว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ พบว่าบทสนทนาที่ชาวประมงมายื่นหนังสือใช้ถ้อยคำก้าวร้าวรุนแรง ทั้งที่มาขอให้รัฐบาลช่วย โดยไม่เคยฟังเหตุผลมาก่อน เช่น พูดว่า “นายกฯ รู้มั้ยว่าพวกเราเดือดร้อนแสนสาหัส ทำไมต้องไปเอาฝรั่งมาบังคับ ทำไมรัฐบาลนี้ไม่ดูแลชาวประมง” นายกฯ ฟังแล้วพยายามชี้แจง แต่ไมค์อยู่กับท่านเลยทำให้เสียงค่อนข้างดัง เหมือนนายกฯ ดุกลับ แต่ท่านพยายามอธิบายเรื่องกฎกติกาของอียูว่าเป็นกติกาสากล อยากทำความเข้าใจว่านายกฯ ไม่ได้ตั้งใจดุ แต่ต้นเหตุ ปฐมเหตุมาจากลีลาคำพูดของชาวประมงใช้วาจาค่อนข้างรุนแรง ออกแนวการเมืองเล็กๆ ว่าอย่าไปสนใจกติกาสากลให้ดูคนไทยเป็นหลักซึ่งคงเป็นไปไม่ได้
พล.ท.สรรเสริญยังกล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มผู้เห็นต่างการสร้างโรงไฟฟ้า อ.เทพา จ.สงขลา พยายามจะมายื่นหนังสือต่อนายกฯ นั้น เดิมนัดหมายกับเลขาธิการนายกฯ ว่าจะยื่นหนังสือในวันที่ 28 พ.ย. แต่กลับใจจะยื่นวันที่ 27 พ.ย.ทั้งที่รู้ว่านายกฯ มีภารกิจที่ จ.ปัตตานี ตารางค่อนข้างแน่นมาก พร้อมกันนี้ตนได้ติดต่อขอเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้เลขาธิการนายกฯ มาพบผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมปฏิเสธไม่พบใครนอกจากนายกฯ คนเดียว นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ยังให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมพื้นที่ให้รับประทานอาหารให้ผู้ชุมนุมห่างจากจุดชุมนุม 100-200 เมตร แต่เขาไม่ไป ขออยู่ในพื้นที่แดดิ้นตรงนั้น และบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐกีดกันไม่ให้ไปรับประทานอาหาร เสร็จแล้วมีตัวแทนกลุ่มพยายามปลุกเร้า ใช้ด้ามธงทำร้ายเจ้าหน้าที่ดั้งจมูกแตก ข้อมือเขียว ส่วนผู้ชุมนุมเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 16 คน ทำให้มีภาพลักษณ์ว่าเจ้าหน้าที่พยายามทำร้ายทั้งที่เขาจะมายื่นหนังสือกับนายกฯ ทำไมนายกฯ มาพื้นที่แล้วไม่รับ ยืนยันว่ารัฐบาลรับฟังข้อมูลจากประชาชนทุกด้าน ไม่ว่าจะยื่นกับใคร ไม่ว่าจะยื่นกับนายกฯ หรือยื่นศูนย์ดำรงธรรม หนังสือทุกฉบับจะได้รับการแก้ปัญหาเหมือนกัน ส่วนกรณีการหายตัวไปของนายมุสตารซีดีน วาบา หรือแบมุส แกนนำ ยืนยันว่าทั้งทหารและตำรวจไม่ได้จับตัวไปแต่อย่างใด ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเดินทางไปที่ใดที่หนึ่ง เหมือนกรณีที่สะบ้าย้อยมีผู้ชายท่านหนึ่งไปแจ้งว่าหายตัวไปนัยว่าถูกตำรวจและทหารจับกุมตัวไป แต่ไม่นานปรากฏตัวว่าไปเที่ยวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาที่จังหวัดสตูล ก็ตั้งข้อสังเกตไว้
“เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพยายามอย่างยิ่งที่จะรับหนังสือท่าน เราต้องฟังเหตุและผลกันและกัน ถ้าท่านยื่นมาแล้วเราไม่ทำ ถือว่าไม่ได้ใจท่านมันไม่ใช่ นายกฯ มีแนวทางชัดเจนว่าจะให้กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ ท่านยื่นมาเราพร้อมรับและนำไปพิจารณาประกอบกับเรื่องอื่น เพราะในพื้นที่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน ทั้งอยากให้สร้าง และไม่อยากให้สร้าง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว และว่าหนังสือที่จะมายื่นมา 3 ข้อเรียกร้องบอกว่าหลายปีมานี้เขาทุกข์ร้อน เพราะจะมีการสร้างโรงไฟฟ้า แต่ไม่เคยมีเสียงตอบรับจากรัฐบาล จึงอยากมายื่นหนังสือกับนายกฯ ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาไปยื่นเรื่องบอกไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำอีไอเอ และอีเอชไอเอเลย นายกฯจึงสั่งการให้กลับมาทำใหม่ ตอบได้เลยว่าที่บอกว่ารัฐบาลไม่เคยตอบรับ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และกระบวนการทำอีไอเอ อีเอชไอเอ เขาเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมซึ่งมี 7 กลุ่ม 1 ใน 7 คือผู้เห็นต่าง แต่ทุกครั้งท่านไม่เคยเข้าร่วม มาเหมือนกันแต่มาจัดเวทีคัดค้านอยู่ด้านหน้า เชิญเข้าก็ไม่เข้า สรุปคือเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำร้ายประชาชน แต่ถ้าใครอยู่นอกกฎกติกาไม่เคารพกฎหมายเป็นจุดเริ่มต้นของการละเมิดกฎหมาย ไม่รับฟังเหตุผลคนอื่น เอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง รัฐบาลนี้ไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย นายกฯ รับฟังปัญหาทุกอย่าง ยื่นที่ไหนมีศักดิ์และสิทธิเหมือนกัน