ครม.เห็นชอบสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ - ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมรักษาสิ่งแวดล้อม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ครม.เห็นชอบให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ ปี 61 - 62 พร้อมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ประกาศว่าเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอมา เพื่อขับเคลื่อนร่วมกับไทยแลนด์ 4.0 ในการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาหลายๆคนจะเข้าใจว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะมีแนวทางการดำเนินงานไม่ลงรอยกับผู้ทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมจึงเสนอเรื่องดังกล่าว โดย มีกรอบระยะเวลา 2 ปี คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 -2562 ซึ่งมีหลักการ 4 สร้าง 3 ปรับปรุง 2 ขับเคลื่อน และ 1 ลด ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรม จะต้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับหลักการนี้ แล้วดูผลสัมฤทธิ์ท้ายปีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น การค้าแรงงาน ค้าประเวณี ลักลอบแรงงานต่างด้าว ว่าลดลงเพียงใด โดยทุกกระทรวงจะต้องรายงานผลการดำเนินการงานเข้ามาให้ครม.รับทราบต่อไป

นอกจากนี้ พล.ท.สรรเสริญ ยังแถลงว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. … ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบของครม.ไปแล้ว เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นการปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปี 2535 ทั้งฉบับ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยในกฎหมายฉบับดังกล่าวจะต้องมีการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดทั้งการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โดยผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ ผู้ที่ ได้รับความยินยอมให้ดำเนินโครงการนั้นจะต้องรวบรวมผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดแล้วรายงานเสนอต่อเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนอนุญาตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และจะต้องมีการติดตามผลทุกปี