กกต.ลงเว็บไซต์เผยแพร่หนังสือตอบข้อหารือ 2 พรรคใหญ่ปมการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองแล้ว ยันการปฏิบัติตาม ม.141 ทำไม่ได้เหตุเข้าข่ายดำเนินกิจการทางการเมืองต้องห้ามตามคำสั่ง คสช.57 ชี้สมาชิกพรรคเก่ายังไม่จ่ายบำรุงมีสิทธิโหวตเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้
วันนี้ (17 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) www.ect.go.th ได้เผยแพร่หนังสือของ กกต.ที่ตอบกลับคำถามของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยต่อกรณีขอความชัดเจนในการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดย กกต.ได้ตอบยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า การปฏิบัติของพรรคการเมืองที่มีกรอบเวลากำหนดตามมาตรา 141เช่นการยื่นเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรค การจัดให้มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท การประชุมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรค จัดทำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง ถือเป็นการดำเนินกิจการในทางการเมือง จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินการ เมื่อประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ยังใช้บังคับอยู่ จึงยังไม่อาจดำเนินการได้
ขณะเดียวกัน การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. หรือไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ใช้บังคับ หากพรรคการเมืองใดได้ตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนประจำจังหวัดไว้แล้วในจังหวัดใด พรรคการเมืองนั้นสามารถส่งผู้สมัครฯได้ทุกเขตเลือกตั้งในจังหวัดนั้น เนื่องจากบทเฉพาะกาลมาตรา 145 ยกเว้นไว้ให้ โดยสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมคัดเลือกผู้สมัครต้องเป็นสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้น แต่การเลือกตั้งหลังจากนั้น พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามมาตรา 47 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดว่าถ้าจะส่งผู้สมัคร พรรคต้องมีสาขาพรรคหรือตัวแทนประจำจังหวัดที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในเขตเลือกตั้งนั้น โดยสาขาพรรคจะมีเขตพื้นที่และรับผิดชอบส่งผู้สมัครได้เฉพาะในเขตเลือกตั้งที่เป็นที่ตั้งสาขาพรรคการเมืองนั้นเท่านั้น
ขณะที่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น กกต.ได้ตอบกลับว่า การที่พรรคจะกำหนดเรื่องการใช้สิทธิเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.ของสมาชิกพรรคจะต้องมีการลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตามวัน เวลา สถานที่ที่คณะกรรมการสรรหากำหนดก่อนวันที่หัวหน้าสาขาพรรคประจำจังหวัดจัดประชุมเพื่อลงคะแนนผู้สมัคร ไว้ในข้อบังคับพรรคสามารถทำได้ ส่วนสมาชิกพรรคที่ไม่ได้จ่ายค่าบำรุงพรรคประจำปีก็มีสิทธิที่จะลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกผู้สมัครฯได้ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองได้กำหนดลักษณะของสมาชิกพรรคการเมืองไว้ 2 ลักษณะ คือ 1. สมาชิกพรรคการเมืองที่สมัครหลังกฎหมายนี้ใช้บังคับ ตามมาตรา 27 ต้องชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองก่อนจึงเป็นสมาชิกพรรคได้ กับ 2. สมาชิกพรรคการเมืองก่อนกฎหมายใช้บังคับ ตามมาตรา 141 (5) กฎหมายรับรองการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของพรรคการเมืองตามมาตรา 140ไว้ แม้จะอยู่ในระหว่างระยะเวลา 4 ปี ถ้ายังไม่ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองก็ยังเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ จึงมีสิทธิเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งสองลักษณะ และการจะจัดประชุมเพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตหรือแบบบัญชีรายชื่อก็ไม่จำเป็นต้องจัดพร้อมกันในวันเวลาเดียวกันก็ได้เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวลงนามโดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการรักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้ กกต.ได้มีการพิจารณาหนังสือขอหารือดังกล่าวของ 2 พรรคการเมืองในการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 13 พ.ย. และได้เห็นชอบให้รักษาการเลขาธิการ กกต.มีหนังสือตอบกลับไปยังสองพรรคการเมือง และเผยแพร่ลงเว็บไซด์ของสำนักงานเพื่อที่พรรคการเมืองอื่นๆ มีข้อสังสัยในการปฏิบัติลักษณะเดียวกันก็จะได้เข้าไปศึกษา โดย กกต.ได้ส่งหนังสือตอบถึงพรรคการเมืองแล้วเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา