ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง !! งัดทุกกระบวนท่าเบี่ยงกระแสปรับ“ครม.ประยุทธ์ 5” ทอดเวลา“ตำบลกระสุนตก”ม้วนตัวออกจากมุมอับ สงสัย 3 ซุป'ตาร์ “ประวิตร - อนุพงษ์ - ฉัตรชัย”ยังได้ตีตั๋วไปต่อพร้อมหน้าพร้อมตา
“ไอ้ห่.....”เต็มสองหูกระจอกข่าวทำเนียบฯ .. ไม่ใช่ใคร ก็รายเดิม “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. ที่หลุดปากออกมา หลังเจอถามจี้ว่า ยังทำงานไหวไหม จะลาออกไหม .. ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า“บิ๊กป้อม”อาจเสียสละ “เว้นวรรค”จากงานฝ่ายบริหาร เพื่อพักฟื้นร่างกายที่ยังไม่เต็มร้อย .. ตลอดจนการทุ่มเวลาไปปั้น“พรรคทหาร”ให้เป็นรูปเป็นร่าง ก่อนกลับมาลุยการเมืองแบบเต็มตัวในการเลือกตั้งครั้งหน้า .. แต่ก็แค่เสียงลือที่ยังไม่ตกผลึกไร้ความชัดเจน ด้วยเผอิญ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บินไปราชการที่ต่างแดนนานหลายวัน เรียกว่ายื้อไปได้อีกเฮือก .. .. รู้กันดีว่า การปรับ“ครม.ประยุทธ์ 5”หนนี้ ชี้เป็นชี้ตาย คสช.ที่ตอนนี้เข้าโหมดเสื่อมเต็มรูปแบบ รวมไปถึงหลังการเลือกตั้งว่าจะได้ “ต่อท่ออำนาจ”อย่างราบรื่นหรือไม่ .. ช่วงสัปดาห์ก่อน“นายกฯตู่”ถูกกระหน่ำกดดันให้มีการปรับครม.ครั้งใหญ่ จนทำท่าจะกระเตง “พี่-เพื่อน”ไปได้ไม่ครบทุกคน .. หลักๆที่ถูกชี้เป้าก็ “คีย์แมนคสช.”ทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ “บิ๊กป้อม”มาถึง “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตลอดจน “เพื่อนฉัตร”พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ที่ดูจะออกอาการมากกว่าใคร .. ทว่าเมื่อทอดเวลาออกมาได้ ระดับ“บิ๊กทหาร”งัดกลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจากโรงเรียน เสธ. ออกลวดลาย “เบนเป้า - เบี่ยงกระแส”เพื่อลดความสนใจของการปรับครม.ครั้งนี้ลง .. ทั้งการโยน 6 คำถามของ“บิ๊กตู่”ที่ชิงพื้นที่สื่อแทบยกแผง หรือขนาด“บิ๊กป๊อก” ที่ยอมเล่นเกมเสี่ยง เปิดหน้ารับลูกประเด็น“บ้านเล็ก”นั่นก็ใช่ .. ส่วนตัว“เพื่อนฉัตร”พอได้สูดหายใจเต็มปอด ก็เริ่มขยับ“พลิกเกม”ม้วนออกจากมุมอับ ทั้งการที่จู่ๆ มี “กลุ่มชาวนา”มาให้กำลังใจ .. หรือท่าทีของ“ม็อบสวนยาง”กลุ่มที่ฮึ่มๆ จะมาไล่รมว.เกษตรฯ เจอบล๊อกตั้งแต่ต้นทาง .. ส่วนกลุ่มที่กรีฑาทัพเข้ากรุงได้ พอมาถึงหน้างานปรับโทนขอไล่แค่ ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) รวมทั้งโยนเผือกร้อนๆไปให้ คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) ที่มี “บิ๊กเบี้ยว”พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นประธาน แทน ..
มองเกมกันอย่างรู้เท่าทัน งานนี้“บิ๊กทหาร”คงงัดทุกกระบวนท่ามา“เบนเป้า - เบี่ยงกระแส”กันอย่างพร้อมเพรียง .. เข้าอิหรอบนี้ สงกะสัยจะ“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”แพ็กกันแน่นเหมือนเดิม “ตู่ - ป้อม - ป๊อก - ฉัตร”อยู่กันทั้งชาติยาวๆไป .. ทู่ซี้กระเตง "3 ซุป'ตาร์ คสช." ที่ใครก็มองว่าเป็น “ตัวถ่วง - ตัวปัญหา”แต่“บิ๊กตู่”มองต่าง ก็ต้องถามว่า “เรือแป๊ะ”จะไปได้ซักกี่น้ำ ??.
** ปลุกผี“พระเสื้อแดง”!!กกต.ทิ้งทวนก่อนลาโรง ดึง มจร. ปลุกสำนึกประชาธิปไตย เข้าข่ายดึงสงฆ์ยุ่งการเมืองเต็มๆ เปิดฟลอร์ “เจ้าคุณประสาร”สอนประชาธิปไตย สำนักพุทธฯ น่าจะมาดูแลซะหน่อยแล้ว
จวนจะได้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่อีกไม่กี่อึกใจ ส่งผลให้ “5 เสือ กกต.”มีอันต้องตกงาน หลังถูกหมายหัว“เซตซีโร” ก่อนใครเพื่อน .. แต่ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่ฟาดงวงฟาดงาตั้งแต่วันแรก และเรื่อยมา .. ล่าสุดออกมาสวมบท “ซือแป๋”สอนกฎหมายเลือกตั้งให้ “บิ๊กตู่”ที่โยน 6 คำถามออกมา “ซือแป๋จำเป็น”เตือนว่า จะขัด ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ดูแล้วคงไม่มีใครฟัง เพราะภาพลักษณ์ปัจจุบันของตัวเอง ต่อให้ข้อท้วงติงมีเหตุผล และหลักการ ก็เหอะ .. เนื่องจากทุกคนมองว่า เป็นการ“เอาคืน”ที่ถูกเขี่ยออกเท่านั้น .. จะว่าไป กกต.ชุดนี้ที่มี ศุภชัย สมเจริญ เป็นประธาน ในช่วงท้ายๆ การดำรงตำแหน่ง มีเรื่องอะไรแปลกๆทำ ออกมาเสมอ อย่างไม่กี่วันก่อน ประวิช รัตนเพียร ส่งรองเลขาธิการ กกต. ไปลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กกต. กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) ตามนโยบายการสร้างพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย .. จนถูกคนนินทาหมาดูถูกว่า ไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร? เพราะโดยหลักการ“พระสงฆ์”นั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก แต่อยู่ๆ กกต.ไปดึงเข้ามา โดยอ้างว่าพระสงฆ์มีความสำคัญในการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้ง .. อย่างนี้ยิ่งไม่เหมาะ ไม่ควร อย่างยิ่ง เพราะ “พระสงฆ์”แต่ละพื้นที่ ล้วนมีอิทธิพลทางความคิดต่อชาวบ้าน สามารถโน้มน้าวให้เชื่อง่ายกว่าบุคคลธรรมดา ถ้าไปเจอพระที่ “เอียงกระเท่เร่”ทำผิดวัตถุประสงค์ จากที่รณรงค์ให้คนไปเลือกตั้ง กลัวท่านเจ้าคุณจะแนะนำว่า เบอร์นี้ดีนะโยมน่ะสิเจ้าคะ!
อีกอย่างใน“คำสั่งพระสังฆาธิการ”ของเจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สั่งห้าม“ภิกษุ-สามเณร”เกี่ยวข้องกับการเมือง .. แต่สิ่งที่ “มจร.”กำลังทำนี่ เข้าการเมืองเต็มๆ ยิ่งในยุคที่การเมืองมีความขัดแย้งสูง เหมือนเป็นการนิมนต์ “พระสงฆ์”มาร่วมวงด้วย .. ก็ไม่รู้ว่า คิดอะไรกันอยู่ แต่ดูชื่อ “ผู้บริหารมจร.”แล้วก็ถึงบางอ้อ บางรูปก็ชอบธุดงค์เข้า“ดงม็อบ”บ่อยๆ โดยเฉพาะ“เจ้าคุณประสาร”พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดี มจร. ที่ชัดเจนว่า“แดงแจ๋”เลยล่ะคุณโยม .. แล้วก็ไม่รู้ว่า “พระพรหมบัณฑิต”อธิการบดี มจร. ไม่ได้คิดเรื่องนี้หรืออย่างไร .. เพราะ “เจ้าประคุณทั่น”น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องคำสั่งพระสังฆาธิการมากที่สุดว่า มีข้อห้ามพระภิกษุ-สามเณร เกี่ยวข้องกับการเมือง ในฐานะที่เป็นกรรมการ มส. แต่ไฉน นำทีมมาลงนามเรื่อง “ทางโลก”กับเขา ส่วนเจ้าภาพฝั่งกกต. ที่เป็นต้นเรื่องอย่าง“ประวิช”นี่ก็นอกจากโปรไฟล์อดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยแล้ว เขาว่ากันว่า“ตัวพ่อจานบิน”เหมือนกัน .. อ้าววว พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมห์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อยู่หนายยยย ไปดูหน่อยเร๊ววว
** ต้องสูญเสียกันอีกเท่าไร!! “พลทหารใหม่”ตายหลังเข้าค่ายได้แค่ 11 วัน ซ้ำรอย“นตท.ภคพงศ์”นักเรียนเตรียมทหารปี 1 กลับเข้าโรงเรียนได้วันแรกก็จบชีวิต โซเชี่ยลฯตั้งคำถามการฝึกทหารกับความปลอดภัย
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พลทหารอดิศักดิ์ น้อยพิทักษ์ ทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายเทพสตรีศรีสุนทร กองพลทหารราบที่ 5 ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช .. ที่เสียชีวิตในวัย 21 ปี หลังเข้าไปเป็น“ทหารเกณฑ์”ได้แค่ 11 วัน ด้วยมีข่าวเบื้องต้นว่า“หัวใจวายเฉียบพลัน”.. ก่อนที่จะมีผลการชันสูตรศพออกมาอย่างเป็นทางการว่า“ติดเชื้อในกระเพาะ-ลำไส้”จนถึงแก่ความตาย .. เดิมทีทางครอบครัวติดใจสงสัยการตายของ“พลฯอดิศักดิ์”ที่มีข่าวว่า มีรอยปูด บวมช้ำเต็มร่างกาย คล้ายโดนทุบตี หรือจับซ้อม แต่พอมีผลชันสูตรจากแพทย์ออกมา ก็ไม่ติดใจ .. หากแต่ยังมี“ดราม่า”ใน สังคมโซเชี่ยล ที่ยังติดใจสงสัยอยู่พอสมควร โดยเฉพาะการแถลงของ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ที่ระบุว่า“พลฯอดิศักดิ์”เสียชีวิตอย่างกระทันหัน ในระหว่างการฝึกตามหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ จากการป่วยด้วย“โรคประจำตัว” ด้านกระเพาะอาหาร-ลำไส้อักเสบ และมีประวัติ “เสพยาเสพติด”..ตลอดจนการยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย แต่ “รอยฟกช้ำ”เกิดจากการติดเชื้อ ทำให้สภาพศพมีสีคล้ำ ..
แม้ “ผลชันสูตรศพ”ออกมาแล้ว แต่สิ่งที่ยังติดใจกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องการซ้อมทรมาน หรืออะไร หากแต่มีคำถามไปถึงนโยบาย “ฝึกทหารใหม่”ว่ามีมาตรการดูแลกันอย่างไร .. โดยเฉพาะ“ทหารเกณฑ์”ส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มที่ได้ชื่อว่า“อนาคตของชาติ”ทั้งสิ้น .. ด้วย โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ระบุด้วยว่า มีการคัดกรอง“ทหารใหม่”ทุกคน และทราบว่า“พลฯอดิศักดิ์ฯ”มีโรคประจำตัว พร้อมนำส่งโรงพยาบาลทำการรักษาติดต่อกันหลายครั้ง อนุญาตให้งดฝึก และให้“เจ้าหน้าที่เสนารักษ์”ดูแลอย่างใกล้ชิด.. ซึ่งขัดแย้งสิ้นเชิง กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ว่า“ทำการรักษาหลายครั้ง-ดูแลอย่างใกล้ชิด”นั้น ใช้เวลาเพียง 11 วัน “พลฯอดิศักดิ์”ก็เสียชีวิต .. คล้ายกับกรณีของ“นตท.เมย”ภคพงศ์ ตัญกาจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตในวัยเพียง 18 ปี .. โดย “ใบมรณบัตร”ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า “ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน”หลังกลับเข้าโรงเรียนได้เพียง 1 วัน .. จนเป็นข่าวใหญ่เมื่อปลายเดือนก่อน และ ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร สั่งการให้มีการตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ .. ด้วยเคสของ“นตท.เมย”ก็มีข่าวในลักษณะเดียวกันว่า “ถูกลงโทษเกินกว่าเหตุ”และมีการอ้างถึง “โรคประจำตัว”เช่นกัน.
ช.ชฎา