xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : เจตนาดี..ออก!! โหนกระแสดอกดาวเรืองหาเสียง “หญิงหน่อย” ดรามาน้ำตาแตก อ้างชวนคนทำดี แต่โดนด่าขรม เปิดเบื้องลึกคนระดับนี้ “คิดเอง-ทำเอง” ไม่ต้องโทษทีมงาน แถมสั่ง “ลูกทีมนครบาล” ปูพรมฉวยโอกาสหาเสียงเต็มพิกัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** เจตนาดี..ออก!! โหนกระแสดอกดาวเรืองหาเสียง “หญิงหน่อย” ดรามาน้ำตาแตก อ้างชวนคนทำดี แต่โดนด่าขรม เปิดเบื้องลึกคนระดับนี้ “คิดเอง - ทำเอง” ไม่ต้องโทษทีมงาน แถมสั่ง “ลูกทีมนครบาล” ปูพรมฉวยโอกาสหาเสียงเต็มพิกัด

การ์ด “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” คงใช้ไม่ได้กับกรณี “หญิงหน่อย” คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เผอิญวิญญาณ “นักเลือกตั้ง” เข้าสิง โดดขึ้นรถแห่รณรงค์การจัดงาน “ดอกดาวเรืองแทนใจชาวลาดปลาเค้า” แถมยังมีการกะเกณฑ์สื่อไปตามตีข่าว “การทำความดีของตัวเอง” ด้วย .. อีกทั้งสภาพรถแห่ที่มีชื่อตัวเองแปะหราอยู่ มองอย่าไม่อคติยังไงก็เข้าข่าย “หาเสียง” ชัดๆ จนภาพออกมา “ดูไม่งาม” เจอตีความไปต่างๆ นานา ว่า “เจ้าแม่นครบาล” มี “เจตนาแอบแฝง” โดนด่าขรมเมืองไปตามระเบียบ .. กระทั่ง “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ที่ข่าวว่ารักใคร่ชอบพอกันดี หวังหนุนส่งให้เป็น “นารีขี่ม้าขาว No.2” ยังต้องออกปากตำหนิว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เล็งที่จะส่งคนไปพูดคุยทำความเข้าใจด้วย ..

ส่วนเจ้าตัวก็อยู่ไม่ได้ ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันที แต่ก็ดันหลัง “กรรมการจัดงาน” ให้แถลงเปิดหัว ยอมรับว่าเป็นผิดพลาดของทีมงานเสียก่อน ค่อยเป็นคิวของ “หญิงหน่อย” บิ๊วส์ ดรามา บีบน้ำตา ว่า มี
เจตนาดีในการเชิญชวนประชาชนถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็เสียใจที่ถูกนำภาพไปสร้างประเด็นโจมตี .. พร้อมขู่ฟ่อว่า หากมีการนำภาพไปโพสต์สร้างความเสียหาย ก็จำเป็นต้องดำเนินการฟ้องร้อง .. โธ่..ถัง จะไปว่าคนอื่นที่เขาวิจารณ์ก็กระไรอยู่นะ..คู้ณหญิงงงง ด้วยดีกรีของตัวเองผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงระดับนี้ จะขยับตัวทั้งที คง “คิด - วิเคราะห์” มาอย่างละเอียดแล้ว .. อย่างระยะหลังที่ออกหมายทำบุญแจกนักข่าวแทบจะรายสัปดาห์ ก็ด้วยหวังที่จะใช้พื้นที่หน้าอุโบสถ แสดงความคิดอ่านทางการเมืองมิใช่หรือ .. กระทั่ง “อีเวนต์ถวายความอาลัย” ก็อย่าเที่ยวโทษคนอื่นว่าจัดแจงให้จนโดนด่า ก็ตัวเองมิใช่หรือที่ “คิดเอง - ทำเอง” สั่งการ “ลูกทีม” ปูพรมจัดกิจกรรมทั่วทุกหัวระแหงในพื้นที่ กทม. เมื่อช่วงวันที่ 13 - 15 ต.ค. ที่ผ่านมา แถมกำชับด้วยว่า ให้ทุกเขตถ่ายภาพรายงานเข้ากลุ่มไลน์เพื่อ “ตรวจการบ้าน” จะว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณก็คงส่วนหนึ่ง แต่เรื่อง “โหนกระแส” มันชัดเจนกว่า ขณะ “ลูกทีมวังนครบาล” บางคนยังมาบ่นกับคนข้างนอก ประมาณว่า ถูกจ้ำจี้จ้ำไช จนสงสัยว่าทำไมต้องมาบังคับให้ทำความดีถึงขนาดนี้ .. ส่วนเรื่องที่เกิด ณ พื้นที่ลาดปลาเค้า “ลูกทีมวังนครบาล” ก็วิเคราะห์ว่า คงเป็นความปรารถนาของตัวคุณหญิงเอง ไม่ได้มีใครยัดเยียดอะไรเลย ด้วยความมั่นใจว่าเป็น “พื้นที่จัดตั้ง” ของตัวเอง ที่เลยกล้าบรรเลงเต็มพิกัด แบบไม่ต้องเกรงใจใคร จนไม่นึกถึงผลที่จะตามมา .. นี่คงเป็น “ลักษณะพิเศษ” (บางคนใช้คำว่า “สันดาน”) ของ “นักการเมือง” กระมัง ที่สามารถฉกฉวยทุกสถานการณ์มาสร้างความนิยมให้กับตัวเองเช่นนี้ .. ไม่มีใครเถียงเรื่อง “เจตนาดี” หรอกคู้ณหญิงงงง แต่ “เจตนาแอบแฝง” ต่างหากที่คนเขารู้ทัน

<
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
strong> **แขกไม่ได้รับเชิญ!! “ทีม เสธ.ข้างกาย” อ้างบัญชานายกฯ ล็อกชื่อ “ผู้ประกาศ ม.” สวมรอยสื่อตามไปทำข่าวเยือนแดนลุงแซม ที่แท้แค่มั่วหนีบ “คู่รัก” ไปสวีตวี้ดวิ้ว กันที่นู่น

ควันหลงทัวร์ “ลุงตู่ อิน ยูเอสเอ”..นอกเหนือจากประเด็นที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปโดน “ลุงทรัมป์” โดนัลด์ ทรัมป์ ปิดทำเนียบขาว ล็อกคอขายของ จนบักโกรก พ่วงด้วยการชักศึกเข้าบ้าน ในปมคาบสมุทรเกาหลี ส่วนฝ่ายไทยก็ได้แค่ “ตราประทับ” รับรองความเป็นรัฐบาล ที่สหรัฐฯคบหาด้วยกลับมาเท่านั้น .. จนเกิดคำถามถึงความคุ้มค่ากับงบประมาณที่ขน “ผู้ร่วมทริป” ทั้งราชการ -
เอกชน ไปนับร้อยชีวิตหรือไม่ .. แต่อาจจะไม่ “น่าเกลียด” เหมือนเมื่อครั้ง “อะโลฮ่าทัวร์” ของ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เช่าเหมาลำ ไปประชุมที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เมื่อราว 2 ปีก่อน ก็เลยไม่ค่อยถูกขุดคุ้ยเท่าไร .. ทว่า ทั้งทริปของ “น้องตู่” กับทริปของ “พี่ป้อม” ก็มีเรื่องบังเอิญคล้ายกันขึ้นมา เมื่อมี “แขกไม่พึงประสงค์” ตามติดคณะทัวร์ไปด้วย .. แต่มิใช่ “สายลับ” อะไร ที่ว่ากันว่าอาจเป็นปมทำให้ “ลุงป้อม” ไม่เป็นที่ปลาบปลื้มของทางการสหรัฐฯ ตั้งแต่ครั้งก่อนนู้น .. ประเด็นอยู่ที่ว่า “ผู้ร่วมคณะ” ที่ร่วมทัวร์ไปในฐานะ “สื่อมวลชน” ครั้งก่อน “ทัวร์ลุงป้อม” ก็มีดรามา “หนูทิพย์” พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ที่มีชื่อร่วมเที่ยวบินไปด้วย แต่มีบางอย่างดลใจทำให้ตัดสินใจสละเรือบินอดไปเหยียบแดนอะโลฮ่าในนาทีสุดท้าย ..

มาคราวนี้ “ทัวร์ลุงตู่” ที่ปกติเวลาที่ผู้นำประเทศไปภารกิจต่างแดน ก็จะมีการหมุนเวียนทีมข่าวจากสถานีโทรทัศน์ “ช่องหลัก” ไปทำหน้าที่ “พูล” ข่าวกลับมายังสถานีต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งคราวนี้เห็นว่าเป็นคิวของ “ทีมข่าวช่อง 7” ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร .. ทว่า ก่อนเดินทางไม่นาน กลับมีการอ้าง “นโยบายใหม่” สั่งตรงจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ว่า ให้หนีบทีมข่าวจาก “ทีวีดิจิทัล” ไปในทุกภารกิจต่างแดนของท่านผู้นำ .. ประเดิมที่การเยือนไวท์เฮาส์ ครั้งนี้ ขอล็อกไปที่ “ช่อง ท.” ยักษ์ใหญ่ ของวงการสื่อ โดยที่ไม่ได้มีการเปิดโอกาสให้ทีวีดิจิทัล ช่องอื่นๆ ร่วมคัดสรรส่งทีมงานไปเยือนแดนมะกันกับท่านนายกฯ ตามระบบหมุนเวียนเหมือนอย่าง “ทีวีช่องหลัก” ทำกัน .. ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ร่วมคณะที่ทางช่องส่งไป ก็ได้แก่ “สาว ม.” ผู้ประกาศสาวสวย หาใช่ “ผู้สื่อข่าว” ที่ไปตามติดรายงานข่าวภารกิจของคณะนายกฯ เหมือนอย่างเช่นสื่ออื่นๆ ทำกัน ที่สุดก็ไม่ได้งานส่งกลับมาแดนมาตุภูมิสักนิด .. จนมีเรื่องเมาต์ สนั่น “รังนกกระจอก” ห้องพักผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ ว่า เหตุที่ “สาว ม.” ได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกร่วมไฟลต์ ไปกรุงวอชิงตันนั้น เป็น “ใบสั่ง” จากตึกไทยคู่ฟ้า แต่มิใช่บัญชาจากนายกฯ อย่างที่เข้าใจกันตอนต้น .. หากแต่เป็น “รีเควส” ของ “นายทหารทีม เสธ.ข้างกายนายกฯ” ที่ปลูกต้นรักกับ “สาว ม.” มาตั้งแต่สมัยที่สาวเจ้าไปออกหน้าจอ “สถานีสนามเป้า” นู่น .. เผอิญมีภารกิจไปแดนลุงแซมกับท่านนายกฯ ก็เลยได้ที หนีบ “คู่รัก” ไป สวีตวี้ดวิ้วกันที่นู่น .. ว่าแต่ “นายกฯตู่” รู้ไหมเนี่ย ??
“หม่องนิมิต”อดีตพระราชรัชมุนี
** ดั่งกับไข่ในหิน!! “หม่องนิมิต” หนีไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ยังมี “สงฆ์ - ฆราวาส” เรียงหน้าปกป้อง เล็งตั้ง “วอร์รูม” ตอบโต้ แถมมีตรรกะป่วยๆ ของ “นายพันเอกกองทัพไทย” บอกต่างด้าวหนีเข้าเมือง แต่ไม่เป็นภัยความมั่นคง

ศักดิ์สิทธิ์เสียจริง .. ป่านนี้ “หม่องนิมิต” อดีตพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง ต.สุเทพ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ หนีไปอยู่ไหนต่อไหนแล้ว หลังถูกดำเนินคดี “สวมบัตรผี” แสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ ขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย .. แต่ขณะที่ผู้กระผิดหลบหนีไป กลับมีทั้ง “สงฆ์ - ฆราวาส” เรียงหน้ามากางปีกปกป้องอย่างกะ “ไข่ในหิน” ประสานเสียงว่า “หม่องนิมิต” มีคุณงามความดี มากมาย .. วันก่อน “หลวงพ่อพายัพ” พระราชโพธิวรคุณ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ก็ออกมา “เลี่ยงบาลี” ว่า ท่านเจ้าคุณอาจมีความผิดทางโลก แต่ไม่ผิดธรรมวินัย ทั้งที่มีหลักฐานทนโท่ว่า “หม่องนิมิต” ผิด “ศีลพื้นฐาน” ข้อ 2 อทินนาทานฯ ลักขโมย และข้อ 4 มุสาวาทาฯ พูดปด มาตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา เข้าข่าย “อาบัติปาราชิก” จาก “เจ้าคุณชั้นราช” กลายเป็น “สมีนิมิต” ไปแล้ว .. ยังไม่หมด “หลวงพ่อบุญส่ง” พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ย่านประตูท่าแพ ต.ศรีภูมิ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเลขานุการ ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ ก็ชักชวนพระสงฆ์ - ตัวแทนองค์กรชาวพุทธ ตั้ง “วอร์รูม” หาแนวทางเคลื่อนไหวปกป้อง-ตอบโต้ทางกฎหมาย ให้แก่ “หม่องนิมิต” ด้วย .. ไม่ใช่แค่วงการสงฆ์ ลูกศิษย์ลูกหาก็มี อย่าง เฟซบุ๊ก “ท่านมหาฮักษา คุ้มหลวงดอยฮาง” ที่ได้โพสต์ข้อความ อ้างถึงคำพูดของ พ.อ.นเรศร์ จิตรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตอนุศาสนาจารย์ กองทัพบก ที่อาการหนักไปถึงขนาดว่า “สมณทูต” แต่โบราณกาล เดินทางเผยแผ่ศาสนาโดยไม่มีบัตรเข้าเมือง หรือ “วีซ่า” ก็ถือเจตนาบริสุทธิ์ .. ที่ไม่น่าเชื่อก็ความเห็นของ “รั้วของชาติ” ที่ว่า แม้ “หม่องนิมิต” จะลักลอบเข้าเมืองมาจากชนชาติอื่น แต่ก็ไม่ได้เป็น “ภัยต่อความมั่นคงของชาติ” เลย ถือเป็น “ต่างด้าว” ที่เข้ามาผิดกฎหมาย แต่ทำดีตลอดชีวิต .. แบบนี้ก็ได้เหรอ หรือไปโดนตัวไหนมา ครับท่าน ??

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น