ก.พ.ร.ใช้สูตร สนพ.ประหยัดไฟฟ้า-น้ำมันให้ได้ 90% เป็นดัชนีชี้วัดลดพลังงาน ใช้ประเมิน “ผู้ว่าฯ-76 จังหวัด-151หน่วยราชการ” ปีงบประมาณ 2561 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เผยกำหนดระยะเวลา 12 เดือน (ต.ค. 60 - ก.ย. 61) รายงานนายกฯ ทุกวันที่ 10 ของเดือน
วันนี้ (11 ต.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) และกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมชี้แจงแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยชี้แจงถึง ตัวชี้วัดที่ 4.2 ซึ่งเป็นมาตรการประหยัดพลังงานภาครัฐ ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน
แหล่งข่าวจากที่่ประชุมชี้แจงว่า ตัวชี้วัดที่ ก.พ.ร.นำมาประเมิน ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะปี 2559 สนพ.ได้ประเมินตัวชี้วัด Energy Utilization Index (EUI) ของปริมาณการใช้ไฟฟ้า และการใช้น้ำมันจริง เทียบกับ 90% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้า/น้ำมันมาตรฐานมาแล้ว และเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 60 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้ ก.พ.ร.เพิ่มตัวชี้วัดแนวทางการประเมินส่วนราชการ ปี 2561 ในเชิงผลสัมฤทธิ์ เพื่อการปฏิรูปหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยราชการ จำนวน 6 เรื่อง รวมถึงเรื่องลดใช้พลังงาน และรายงานผลสำเร็จใน 12 เดือน ระหว่างเดือน ต.ค. 60 - ก.ย. 61
“สำนักงาน ก.พ.ร.ได้มอบ สนพ.เป็นเจ้าภาพกำหนดตัวชี้วัดเรื่องลดใช้พลังงาน โดยให้เริ่มประเมินในเดือน ต.ค. 60 โดย สนพ.ได้เสนอการประเมินโดยมีดัชนีชี้วัดเช่นเดียวกับปี 2559 และให้จังหวัดและหน่วยราชการ รายงานผ่านเว็บไซต์ http://www.e-report.energy.go.th/ เท่านั้น โดยให้เป็นการเพิ่มเติมผลคะแนนการรายงานข้อมูลเป็นประจำทุกเดือน”
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า สำหรับรายละเอียดในการประเมินแบบใหม่นี้ ทั้ง 76 จังหวัด และ 151 หน่วยราชการ ที่เข้าระบบประเมิน จะต้องการรายงานผลผ่านเว็ปไซค์ดังกล่าวเป็นประจำทุกเดือน โดยกำหนดให้จังหวัดและหน่วยราชการ บันทึกข้อมูลภายในวันที่ 3 ของเดือน ซึ่ง สนพ. จะปิดระบบทุกวัน 3 ของเดือน ในเวลา 24.00 น. เพื่อประมวลผลข้อมูล จากนั้น สนพ.จะจัดทำข้อมูลเสนอสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อเสนอสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทุกวันที่ 10 ของเดือน สำหรับการประเมินผลรายเดือน ให้ใช้ปริมาณการใช้จริงเทียบกับ ค่ามาตรฐานที่ 90% ขณะเดียวกัน จังหวัดที่มีหน่วยงานรายงานข้อมูลน้อยกว่า 80% จะถือว่าไม่รายงานข้อมูล