ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ปิ่นโตเถาเดียวกัน!! “พระจีวรร้อน” ช่วงนี้ล้วนแล้วแต่เป็น “สายตรงวัดปากน้ำ” ต้นธาร “ลัทธิธรรมกาย” ทั้ง “สมีนิมิตร” สมภารวัดสวนดอก ที่ลักชื่อคนตายเข้าข่าย “อาบัติปาราชิก” สิ้นความเป็นพระ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” ที่หนีร้อนแหกพรรษา เตลิดไปไกลแล้ว
จอดไม่ต้องแจว .. “เจ้าคุณนิมิตร” พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกร้องเรียนว่า “สวมสิทธิบัตรบัตรประชาชนคนตาย” ตีเนียนมาถือสัญชาติไทย ทั้งที่เหล่ากอมาจากชนชาติอื่น .. ทางกฎหมาย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งเพิกถอนบัตรประจำตัวทันที พร้อมให้ไล่เบี้ยหาตัวผู้กระทำผิด หรือเจ้าหน้าที่ผู้ออกบัตร ตั้งแต่เมื่อปี 2538 .. อันนั้นก็ว่ากันไปตามกระบวนการปกครองของทางโลก แต่ใน “ทางธรรม” การสวมเลขบัตรผู้อื่น ปกปิดเชื้อชาติตัวเองเช่นนี้ ก็เท่ากับทั้ง “ลักขโมย -
โกหก” ผิด “ศีลพื้นฐาน” ข้อ 2 อทินนาทานฯ และข้อ 4 มุสาวาทาฯ .. โดยเฉพาะข้อ 2 อทินนาทานฯ นี่เข้าข่าย “ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน” เข้าเกณฑ์ “อาบัติปาราชิก” ที่ทางสงฆ์เรียกว่า “อเตกิจฉา” อาบัติหนักที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แม้ไม่ กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่า “ขาดจากความเป็นภิกษุ” ทันที .. จากที่เคยถูกเรียกขาน “เจ้าประคุณท่าน” กลายมาเป็น “สมีนิมิตร” เป็นเสียนี่ ..
ไล่เรียงไปแล้วว่า ก่อนที่ “สมีนิมิตร” จะเติบใหญ่เป็นเจ้าคณะอำเภอ มีคนนับหน้าถือตา ก็ได้รับความเมตตาจาก “พระอุปัชฌาย์” ซึ่งก็คือ“เจ้าคุณสมาน” พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันเป็น รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ .. ที่ว่า “เจ้าคุณสมาน” เป็น “พระสายธรรมกาย” ไปนั้นก็ไม่ผิด ด้วยวีรกรรมนำสงฆ์ 300 รูป บุกศาลากลาง จ.เชียงใหม่ กดดันให้ คสช. ยกเลิกการใช้ มาตรา 44 ปิดล้อมวัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ถ้าจะพูดให้ตรงเป๊ะๆ ต้องบอกว่า “หลวงพ่อสมาน” อุปัชฌาย์ “สมีนิมิตร” รายนี้เป็น “พระสายวัดปากน้ำ” ที่เป็น “ต้นธารแห่งลัทธิธรรมกาย” ต่างหาก .. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ “หนเหนือ” เขตปกครองคณะสงฆ์ในภาคเหนือ ตกอยู่ในอาณัติของ “วัดปากน้ำ” มาตั้งแต่ปี 2537 ที่ “สมเด็จช่วง” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เข้ามาครองตำแหน่ง “เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ”..ก่อนที่จะจำใจลาออกแบบเสียไม่ได้ในช่วง “วิกฤตธรรมกาย” เมื่อปี 2558 แต่ก็ใช้ “กำลังภายใน” ส่งไม้ให้“เจ้าคุณวิเชียร” พระวิสุทธิวงศาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ดูแลต่อ ..
ร่องรอยการอุ้มชูหนุนส่งก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ชัดแจ้งปฏิเสธไม่ได้ คงเป็น “ราชทินนาม” ที่ต่อท้าย “สมณศักดิ์” ของ “สมเด็จช่วง - เจ้าคุณสมาน” ที่มาไลน์ “มังคลาจารย์” เหมือนกัน ซึ่งในทางสงฆ์เรียกกันว่า “ปิ่นโตเถาเดียวกัน” นั้นเอง .. เมื่อไล่เรียงร่องรอยของ “เจ้าคุณสมาน” มาถึง “อดีตเจ้าคุณนิมิตร” ก็ต้องชี้เปรี้ยงไปว่าเป็น “สายตรงวัดปากน้ำ” เลยทีเดียวเชียว .. สำทับกับเสียงร่ำลือว่า เมื่อครั้ง “อดีตเจ้าคุณนิมิตร” ย้ายจากวัดท่าตอน มา “เสียบยอด” ครองวัดสวนดอก ควบเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ก็ได้บารมี “เจ้าประคุณสมเด็จท่าน” จูงมือมาส่งยังกุฏิเจ้าอาวาสด้วยตนเอง จน “เจ้าที่เจ้าทาง” ต้องยอมศิโรราบ ..
พูดเรื่อง “ปิ่นโตเถาเดียวกัน” มิพักต้องเอ่ยไปถึง“เจ้าคุณธงชัย” พระพรหมมังคลาจารย์ ที่จู่ๆ “แหกพรรษา - ปลีกวิเวก” หลบร้อนด้วยการธุดงค์ปักกลดที่แห่งหนตำบลไหน ไม่ทราบแน่ชัด .. เดิมเจ้าของยันต์ศักดิ์สิทธิ์หลายต่อหลายรุ่นผู้นี้ ก็เติบโตมาตามสาย“สมเด็จสนิท” สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม สมภารวัดที่อาศัยอยู่นั่นแหละ .. กระทั่งได้อัปเกรดจาก “พระราชาคณะชั้นธรรม” ราชทินนาม “พระธรรมภาวนาวิกรม” ขึ้นชั้น “รองสมเด็จ” ที่ “พระพรหมมังคลาจารย์” ซึ่งมีราชทินนาม “มังคลาจารย์” เหมือนกับ “สมเด็จช่วง” ตัวเก็งเต็งหนึ่ง ตำแหน่ง “พระสังฆราช” ใน พ.ศ. นั้น .. ทำเอา “เจ้าคุณธงชัย” ปลื้มปริ่มกับการได้ตีตราเป็น “เด็กว่าที่สังฆราช” คำรามลั่นกุฏิว่าได้เป็น “ปิ่นโตเถาเดียว” กับ “ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ” ช่างเป็นบุญยิ่งนัก .. ทว่า กาลผ่านไปไม่นาน จากเถระ - ฆราวาส ที่อิงกับ “ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ” เคยคิดว่าได้ “ติดปีก - บินสูง” กันยกโขยง กลับถูกไล่สอยร่วง หัวปักดินกันระนาว .
** แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยูววว!! ครบ 68 ขวบ “บิ๊กป๊อก” พี่รอง คสช. ได้ของขวัญวันเกิดสุดประทับใจจาก “น้องตู่” ที่ออกตัวประกาศดัน “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ” สั่งผู้ว่าฯทั่วประเทศ เดินหน้าเต็มสูบ ไม่ต้องกลัวถูกขวาง
เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.) เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 68 ปี ของ“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เห็นว่าช่วงเช้ามืด เจ้าตัวไปทำบุญที่วัดเป็นการส่วนตั๊ว..ส่วนตัว .. ก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุม ครม.- คสช. ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมก็เรียงคิวมาอวยพร “ท่าน มท.1” กันอย่างไม่ขาดสาย ส่วนตกเย็นจะมีปาร์ตี้ “3 ป. อยู่ด้วยกันทั้งชาติ” ร่วมกับ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ“น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบได้ .. อย่างน้อยๆ เจ้าของวันเกิดก็ได้ “ของขวัญสุดล้ำค่า” จากน้องเลิฟ “ป.ประยุทธ์” ล่วงหน้าไปแล้ว 1 วัน เมื่อ “นายกฯตู่” เดี่ยวไมโครโฟน ในระหว่างเป็นประธานมอบรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี 2560 ที่ตึกสันติไมตรี เมื่อวันก่อน โดยมี “พี่ป๊อก” ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ ร่วมรับฟังอยู่ด้วย .. ถอดรหัสจากถ้อยคำของ “ลุงตู่” ในวันนั้นที่ว่า “..ขอฝากให้ศึกษาการนำขยะมาใช้ใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วย ผมเคยคุยกับต่างประเทศ เขาบอกว่าขยะเมืองไทย ถือว่ามีคุณค่า สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้อย่างร้อนแรง ดังนั้น จังหวัดต้องวาดภาพอนาคตที่จะได้ประโยชน์ และทำความเข้าใจกับประชาชนถึงประโยชน์จากขยะที่จะนำไปเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งหลายพื้นที่มีโครงการนำขยะไปสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้าอยู่แล้ว..” ก็ตีความได้ไม่ยากว่าให้เดินหน้า “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ” กันแบบเต็มตัว ..
ฟังคำ “น้องตู่” แล้ว “เสือเงียบแห่งป่ากระทิงแดง” ทำหน้าประมาณว่า “ดีต่อใจ” เหลือเกิน ก็ตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจ “นายกฯน้องตู่” ก็ออกตัวในเรื่อง “การกำจัดขยะ” มาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะยกเป็น “วาระแห่งชาติ” เป็นการปูพื้น .. ก่อนทาง มท. จะ “อะแดป” โดยการ “สร้างมูลค่าจากขยะ” ผนวกเข้ากับแผนแม่บทพลังงานทดแทน กวาดงบประมาณจากกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องมากองไว้ที่ มท. นับแสนล้านบาท .. แค่งบบริหารจัดการขยะ ระยะ 6 ปี (2559 - 2564) มูลค่ากว่า 1.78 แสนล้านบาท ที่ดึงงบจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มากองรวมเป็นชื่อสวยหรูว่า “งบบูรณาการกำจัดขยะ” ไว้ที่ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่มี “บิ๊กป๊อก” เป็นเจ้ากระทรวงนั่นเอง .. อีกทั้ง “นายกฯตู่” ยังใช้ “อภินิหาร” อำนาจ ม.44 ทะลุทะลวงข้อติดขัดทางกฎหมายเรียบวุธ ทั้งอีไอเอ - รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายผังเมือง ที่ไม่ใช่แค่แผ้วถางทางให้ แต่เหมือน “ปูพรมแดง” ให้ “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ” ที่มีกระทรวงมหาดไทย เป็น “เจ้าภาพ” และหน่วยงานอื่นเป็นฝ่ายสนับสนุน ด้วยซ้ำไป ..
ทว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “บิ๊กโปรเจกต์” ของท่าน มท.1 กลับยังไม่ฉลุยเท่าที่ควร ก็ขึ้นชื่อว่า “ขยะ” ย่อมมีอะไรส่งกลิ่นเป็นธรรมดา ด้วยทั้งว่าทั้งหลายทั้งปวง มุ่งไปแต่ “สมผลประโยชน์” กันแค่ “นายทุนเจ้าของที่ดิน - นักการเมืองใหญ่ - กลุ่มทุนพลังงาน” จึงถูกต่อต้านจากกลุ่มชาวบ้านในหลายพื้นที่ ทั้งเหนือใต้ออกตก ด้วยข้อกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม .. อะไรๆ มันเลยไม่คล่องคออย่างที่คิดแผนการเอาไว้ และคงเป็นเหตุที่ทำให้“น้องตู่”ต้องมาออกตัว มากระชุ่นผู้ว่าฯ ทั่วประเทศให้กล้าๆ กันหน่อย ประเคนเป็น “ของขวัญ” ให้แด่ “พี่ชายที่แสนดี” นั่นเอง
** คําที่เธอบอก คําที่เธอหลอก!! เชื่อได้ไหม “นายกฯตู่” ประกาศจัดเลือกตั้ง พ.ย. 61 ทั้งที่อิดออดมานาน แน่ใจในโรดแมปสืบทอดอำนาจแล้ว หรือมีอะไรเข้าฝัน ให้ต้องตกปาก รับคำ
สวมลีลา “จอมพลิ้ว” ไม่ยอมตกปากรับคำ วัน ว. เวลา น. ว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไรมาตั้งนาน .. จู่ๆ“นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็โพล่งออกมาเองว่า “เดือน มิ.ย. 61 จะประกาศวันเลือกตั้ง แล้วในเดือน พ.ย. 61 จะให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป” .. ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นไปตามเงื่อนเวลาที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 อยู่แล้ว เพียงแต่คนในรัฐบาล คสช. ต่าง “ดึงเชง” ไม่มีใครกล้าปักหมุดวัน เวลา ที่แน่นอนสักคน .. เชื่อว่า คำประกาศ มิ.ย. 61 ประกาศวันเลือกตั้งพ.ย. 61 จัดการเลือกตั้งของ “ลุงตู่” นั้น เพิ่งมาคิดที่จะพูดแบบ “ปัจจุบันทันด่วน” ด้วยสาเหตุ หรือ “มีอะไรเข้าฝัน” ไม่ทราบได้ .. ก็หากแน่ใจในเรื่องเงื่อนเวลาดังกล่าว ก็คงประกาศไปแล้ว เมื่อครั้งไปเช็กแฮนด์ “ลุงทรัมป์” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไปเยี่ยมเยือนกันมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และคงเป็นข่าวกระหึ่มโลกไปแล้ว .. แต่ตอนนั้นอาจจะยังไม่แน่ใจ ก็เลยออกลูก “กั๊ก” ว่า
จะประกาศวันเลือกตั้งในปี 2561 เท่านั้น พลันกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนไม่กี่วัน ก็มีนิมิตเห็นวันเลือกตั้งขึ้นมาซะอย่างงั้น ..
น่าสนใจว่าคำประกาศของ “ลุงตู่” เกิดขึ้นภายหลังการประชุมร่วม ครม.- คสช. หรือในที่ประชุมมี “วาระอะไร” ที่พอทำให้ตกผลึกแล้วว่า “โรดแมปสืบทอดอำนาจ” แน่นหนาดีแล้ว หรือไม่ .. แต่เรื่องแบบนี้ในยุค คสช. เรืองอำนาจ ต้อง “ฟังหู ไว้หู” เหมือนกัน คล้ายบทเพลง “คําที่เธอบอก คําที่เธอหลอก” มาหลายหน เพราะทั้ง “ลุงตู่” หรือ “บิ๊กๆ คสช.” หลายคนก็เคยพูดชัดเจนว่า โรดแมปจะสิ้นสุดช่วงไหน จะมีการเลือกตั้งวันนั้น วันนี้ มาก่อน แต่แล้วก็ผลัดมา เลื่อนแบบไม่ยี่หระว่าเคยสัญญิงสัญญาว่า “จะขอเวลาอีกไม่นาน” เอาไว้ .. หนนี้ก็เช่นกัน การเลือกที่จะประกาศใน “เวทีท้องถิ่น” ในประเทศ แทนที่จะเป็น “สัญญาประชาคม” บน “เวทีโลก” ณ ไวท์เฮาส์ นครวอชิงตัน ทั้งที่เป็นโอกาสพีอาร์ประเทศ ว่า ใกล้จะเข้าโหมดประชาธิปไตยแล้วแท้ๆ แบบนี้ตั้งใจจะเว้นระยะไว้ออกลูกพลิ้วอีกหรือเปล่า ??
ช.ชฎา