พันธมิตรฯ เสวนาแนวทางคดี 7 ตุลาฯ มีมติรอเวลาที่เหมาะสม ยื่นเอาผิดกรรมการ ป.ป.ช.ไม่อุธทรณ์ 3 จำเลย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์-ชวลิต ยงใจยุทธ-พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” พร้อมย้ำยังไม่มีการชุมนุม จนกว่าจะถึงเวลา
วันนี้ (7 ต.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 11.00-13.00 น. ในงานรำลึก 9 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ตุลาคม 2551 ที่บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ ได้มีการจัดเสวนาแนวทางการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องกับการสลายชุมนุม ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน และ ป.ป.ช.ไม่ยื่นอุทธรณ์ฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอุทธรณ์เพียงกรณี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพียงคนเดียว
การเสวนาครั้งนี้ มีอดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้แก่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ, นายวีระ สมความคิด ผู้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิดต่อจำเลยทั้ง 4 คน, นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ, นายสิทธิชัย มานะเสถียร อดีตผู้อำนวยการ ป.ป.ช.จังหวัดมหาสารคาม และนายชิงชัย อุดมเจริญกิจ ตัวแทนผู้ได้รับบาดเจ็บ ร่วมการเสวนา
ที่สรุปจากการเสาวนา หลังจากผู้ร่วมเสวนาได้แสดงความคิดเห็น และได้สอบถามความเห็นจากพี่น้องประชาชนผู้ร่วมงานแล้ว มีมติว่า พันธมิตรฯ จะดำเนินคดีกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.อย่างแน่นอน กรณีที่ไม่อุทธรณ์ฟ้องจำเลยให้ครบทั้ง 4 คน แต่จะดำเนินการเมื่อถึงเวลา ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้ รวมทั้งจะยังไม่มีการจัดชุมนุมใดๆ ในเวลานี้เช่นกัน
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ได้กล่าวบนเวทีเสวนาว่า ป.ป.ช.ไม่ได้สู้คดีให้พันธมิตรฯ อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การเบิกความเปิดคดีแทนที่จะเอาแกนนำพันธมิตรฯ ไปเบิกความกลับให้ตำรวจที่เป็นฝ่ายยิงประชาชนเบิกความก่อน เมื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เพื่อนของ พล.ต.อ.พัชรวาท และเป็นหน้าห้อง พล.อ.ประวิตร มาเป็นประธาน ป.ป.ช.ก็จะถอนคดี พันธมิตรฯ ต้องออกมาคัดค้าน จนถอนฟ้องไม่ได้ แต่พอถอนฟ้องไม่ได้ก็ทำจนแพ้คดี พอแพ้คดี แทนที่จะสู้ให้พันธมิตรฯ เต็มที่ให้คดีถึงที่สุด ก็ทำท่าจะไม่อุทธรณ์ จนเราต้องส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้อุทธรณ์ ก็อุทธรณ์เฉพาะกรณี พล.ต.ท.สุชาติ เพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่เราจะทำต่อไปไม่ควรจะจัดชุมนุม เพราะถ้าชุมนุมคงถูกจับแน่ ขณะที่แกนนำก็ติดคดีกันหมด จะใช้ช่องทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้เขาใช้เสียง 1 ใน 5 ยื่นเรื่องให้เราก็คงไม่มีทาง จึงเหลือแนวทางเดียว คือ การยื่นฟ้อง ป.ป.ช.ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งทางแกนนำพันธมิตรฯ จะสู้เพื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องรอเวลาสักระยะ
ด้านนายวีระ สมความคิด กล่าวว่า ขณะนี้เลยเวลาที่จะพูดถึงการเอาผิดต่อจำเลยทั้ง 4 คนไปแล้ว เพราะเลยเวลาการยื่นอุทธรณ์ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการเอาผิดต่อกรรมการ ป.ป.ช. แต่เราต้องสู้อย่างรอบคอบ ตอนนี้ถามว่าใครมีอำนาจ ถ้าเราสู้ไปเลย แล้วเขามีวิธีการที่จะทำให้เราแพ้ เราจะมาสู้อีกก็ไม่ได้ วันนี้เราจึงต้องรอก่อน รอให้ถึงเวลาของเรา และเราจะทำทุกวิถีทางที่ทำได้และไม่ผิดกฎหมาย
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวว่า ในการเอาผิดกรรมการ ป.ป.ช.นั้น สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 236 ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภา จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจํานวนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่า กรรมการ ป.ป.ช.กระทำผิด โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภา เสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งนายปานเทพได้สอบถามประชาชนที่มาร่วมงานว่าจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวดำเนินการต่อ ป.ป.ช.ทันทีเลยหรือไม่ หรือจะรอให้ผ่านช่วงรัฐบาลปัจจุบันไปก่อน โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรรอไปก่อน