ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท “วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ หมิ่นประมาท “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” กรณีแชร์ข้อความทางเฟซบุ๊กเน้นคำว่า “เลวนะ” ใส่ความโจทก์ ทางนำสืบเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 9 เดือนปรับ 15,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2559 ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต และกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยื่นฟ้อง นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
คำฟ้องในคดี สรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 จำเลยได้แชร์หรือส่งต่อรูปภาพจากเฟซบุ๊กชื่อว่า “อยากคุยกับหม่อมกร” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กที่ได้ลอกเลียนและดัดแปลงข้อมูลจากเฟซบุ๊กชื่อว่า “คุยกับหม่อมกร” ของโจทก์มาอย่างต่อเนื่อง และโจทก์ก็ได้แจ้งความไว้กับกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไว้แล้ว โดยจำเลยได้นำข้อความ หรือรูปภาพตัดต่อล้อเลียนทำนองหมิ่นประมาทแชร์ไปยังบัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า “Veerasak Pungsassamee” ของจำเลย โดยรูปภาพและข้อความที่แชร์หรือส่งต่อนั้น เป็นรูปภาพและข้อความที่มีการดัดแปลงต่อเติมทางอิเล็กทรอนิกส์ในข้อมูลของโจทก์ที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก “คุยกับหม่อมกร” เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เรื่องราคาตลาดโลกของน้ำมันดิบ เพื่อเป็นความรู้ให้แก่ประชาชน แต่ข้อความและรูปภาพที่จำเลยแชร์มานั้น มีการเพิ่มข้อมูลหมิ่นประมาทต่อบุคคลที่สาม หรือต่อสาธารณชนต่อท้ายข้อมูลที่โจทก์เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก “คุยกับหม่อมกร” ให้รับทราบโดยทั่วไปว่า “น่าคิดว่า 1. บ้านหม่อมเติมน้ำมันดิบเหรอ ราคาหมูหน้าฟาร์มเท่ากับราคาตลาดแถวๆ บ้านหม่อมหรือเปล่า 2. น้ำมันดิบมีมากพอไม่ต้องนำเข้า ไม่ต้องขนส่งหรือไง 3. จงใจไม่พูดเรื่องภาษีและเงินกองทุนที่รัฐเก็บหรือเปล่าครับ เพราะเงินส่วนนี้ไม่ได้ขึ้นลงตามราคาน้ำมัน เขียนเชิงสงสัยไม่น่าผิด แต่ชี้นำให้คนอื่นคิดผิดๆ เพราะตัวเองเคยเป็นแกนนำคนคิดผิดเนี่ย เลวนะ จะไปใช้มุกตรวจสอบโดยสุจริต คงไม่มีใครเชื่อ เพราะพฤติกรรมก่อนนี้ชัดเจนความผิดสำเร็จแล้ว” อีกทั้งภาพที่จำเลยเผยแพร่นั้นได้แต่งเติมรูปภาพของโจทก์ไปในทางดูหมิ่นให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยใช้สีคาดตา และเติมเขาในรูปถ่ายของโจทก์ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำให้บุคคลโดยทั่วไปสับสนหลงผิดไปว่าโจทก์เป็นบุคคลที่ไม่ดี แย่ ไม่ควรได้รับการยอมรับนับถือ อันส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของโจทก์ในปัจจุบัน ซึ่งต้องได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลโดยทั่วไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลย จึงเป็นการจงใจทำความผิดฐานการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตที่บุคคลโดยทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ทั่วกรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศ และอีกทั้งคนไทยในต่างประเทศทั่วโลกอีกด้วย
คำท้ายฟ้องได้ระบุว่า การที่จำเลยได้กระทำตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องนั้น ถือว่าเป็นความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 ขอให้ศาลออกหมาย นัดไต่สวนมูลฟ้องและเรียก จำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งและบังคับจำเลยลงโฆษณา/เผยแพร่/ตีพิมพ์คำพิพากษาของศาลทั้งหมด พร้อมลงข้อความยอมรับว่าจำเลยมีเจตนาให้ร้ายโจทก์ และลงคำขอโทษโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันไทยรัฐ เดลินิวส์ ผู้จัดการรายวัน ผู้จัดการรายสัปดาห์ มติชนรายวัน มติชนรายสัปดาห์ ข่าวสด บางกอกโพสต์ ไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด และทางสื่อออนไลน์ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.thairath.co.th, www.dailynews.co.th, www.matichon.co.th, www.manager.co.th, www.khaosod.co.th, www.bangkokpost.com, www.thaipost.net, www.posttoday.com เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าโฆษณาทั้งหมด และให้จำเลยลบภาพและข้อความอันเป็นเท็จและหมิ่นประมาทโดยในระบบคอมพิวเตอร์
ศาลมีคำพิพากษาลงวันที่ 6 กันยายน 2560 โดยบางตอนของคำพิพากษามีใจความสรุปได้ว่า ภาพโจทก์ถูกคาดตาด้วยแถบสีดำและเติมเขา อาจทำให้บุคคลทั่วไปที่พบเห็นนำโจทก์ไปเชื่อมโยงกับสิตว์ที่มีเขา แต่ก็เป็นการเปรียบเทียบในเชิงไม่สุภาพ ไม่ถึงขนาดที่ทำให้บุคคลที่เห็นภาพคิดว่าเป็นโจทก์เป็นสัตว์ดังกล่าว จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ส่วนข้อความ “น่าคิดว่า 1. บ้านหม่อมเติมน้ำมันดิบเหรอ ราคาหมูหน้าฟาร์มเท่ากับราคาตลาดแถวๆ บ้านหม่อมหรือเปล่า 2. น้ำมันดิบมีมากพอไม่ต้องนำเข้า ไม่ต้องขนส่งหรือไง 3. จงใจไม่พูดเรื่องภาษีและเงินกองทุนที่รัฐเก็บหรือเปล่าครับ เพราะเงินส่วนนี้ไม่ได้ขึ้นลงตามราคาน้ำมัน” เป็นการแสดงความคิดเห็นเชิงตั้งคำถามโดยไม่ปรากฏถ้อยคำที่เป็นการให้ร้ายโจทก์ จึงไม่เป็นข้อความหมิ่นประมาท
สำหรับข้อความว่า “เขียนเชิงสงสัยไม่น่าผิด แต่ชี้นำให้คนอื่นคิดผิดๆ เพราะตัวเองเคยเป็นแกนนำคนคิดผิดเนี่ย เลวนะ” โดยมีขีดเส้นใต้คำว่า “เลวนะ” 2 เส้นนั้น แสดงว่าผู้ลงข้อความต้องการเน้นคำว่า “เลวนะ” เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวย่อมทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าหมายถึงตัวโจทก์ โจทก์เป็นคนเลวทราม อันเป็นการลดคุณค่าโจทก์ เป็นการใส่ความโจทก์ จำเลยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นข้าราชการระดับสูง มีตำแหน่งอันเป็นที่เชื่อถือของประชาชน การเผยแพร่ข้อความที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นยิ่งจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังโดยใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อนว่าจะส่งผลกระทบบุคคลที่ถูกกล่าวถึงหรือไม่เพียงใด ข้อความที่จำเลยเผยแพร่มีขีดเส้นใต้คำว่า “เลวนะ” ถึง 2 เส้น ซึ่งมุ่งหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียหายอย่างชัดเจน จำเลยย่อมสังเกตเห็นได้ก่อนนำมาเผยแพร่ แต่จำเลยก็มิได้ดำเนินการลบข้อความที่เป็นการใส่ความออกก่อนแล้วลงเฉพาะข้อความที่เป็นการตั้งคำถามเชิงวิชาการ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่การติชมโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เมื่อจำเลยเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาทลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊กโดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ จึงเป็นการเผยแพร่โฆษณาข้อความไปทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณา ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยทำการในฐานะคณะทำงานของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชนนั้น เห็นว่า กรมเชื้อเพลิงมีเฟซบุ๊กแยกต่างหาก ส่วนเฟซบุ๊กของจำเลยที่ใช้ชื่อว่า “Veerasak Pungsassamee” นั้น ปรากฏภาพและข้อความเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของจำเลยด้วย จึงไม่ใช่เฟซบุ๊กของทางราชการ ประกอบกับก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทางวิชาการต่อสาธารณชนทางเฟซบุ๊กของจำเลยด้วย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรมแต่อย่างใด พยานหลักฐานของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี กับให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อพอได้ใจความในหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ คือ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ผู้จัดการ มติชน และสื่อออนไลน์ 3 เว็บไซต์ คือ www.bangkokpost.com, www.thaipost.net และ www.posttoday.com โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าโฆษณาทั้งหมด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก