xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : ประวัติศาสตร์ต้องจารึก!! “เจเนอรัลประยุทธ์” ผู้นำรัฐประหารคนแรกที่ได้เหยียบทำเนียบขาว แต่ของฟรีไม่มีในโลก “วีซ่าลุงตู่” เลยต้องแลกมากับ “หมูเมกา - ถ่านหินมะกัน” นั่นประไร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ โดนัล ทรัมป์
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ประวัติศาสตร์ต้องจารึก!! “เจเนอรัลประยุทธ์” ผู้นำรัฐประหารคนแรกที่ได้เหยียบทำเนียบขาว แต่ของฟรีไม่มีในโลก “วีซ่าลุงตู่” เลยต้องแลกมากับ “หมูเมกา - ถ่านหินมะกัน” นั่นประไร

ได้เหยียบ “แผ่นดินอินทรี” สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง .. สำหรับ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และชาวคณะ หลังลุ้นกันปัสสวะเหนียวหนืดว่า ในช่วงเป็น “ผู้นำรัฐประหาร” จะมีโอกาสได้เหยียบดินแดนต้นแบบฉบับประชาธิปไตยหรือไม่ .. หลัง “ทีมตึกไทยฯ” จุดพลุว่า “ลุงทรัมป์” โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯต่อสายตรงกริ๊งกร๊างมาหา “ลุงตู่” เชื้อเชิญไปเยือน “ทำเนียบขาว” กันอย่างเป็นทางการ เมื่อหลายเดือนก่อน .. พอข่าวคราวเงียบหายไป จนเม้ากันว่าล่มแหงๆ ฝันเยือนแดนอินทรีเป็นหมัน ทีนี้เป็นอันจบ “ลุงตู่” เองที่เปรยว่า ช่วงนี้วีซ่าไม่ผ่าน หลายประเทศไม่สะดวกใจให้ไปเยือน เหตุเพราะมีโลโก้ “ผู้นำรัฐประหาร” ปะหน้าผากอยู่ .. โดยเฉพาะทางการสหรัฐฯที่มีธงชัดเจนว่า ไม่คบหาสมาคมกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ เต็มที่ก็เปิดทางให้ไปเยือนในวาระประชุมแบบหลายๆประเทศ .. อย่างที่ “ลุงตู่” เองก็เคยไปมาแล้ว 2 หนเมื่อครั้งประชุม “ยูเอ็น” สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือประชุมผู้นำอาเซียน- สหรัฐฯ ในยุค บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนก่อน .. แต่ด้วยการเชิญไปประชุมต่างจากการเชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการ “นายกฯตู่” เลยยังไม่มีโอกาสไปเซลฟี่หน้าทำเนียบขาวซักที .. ครานี้ฝันเป็นจริง ได้บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ผู้นำรัฐประหาร” ว่า อั๊วะได้มาเหยียบแล้วเว้ย!

ทว่า “ชาวไทย” อย่าเพิ่งดีอกดีใจไป ภายใต้ความหอมหวานย่อมแฝงด้วยมารยาท-เล่ห์กล .. โดยเฉพาะเมื่อ “ลุงทรัมป์” ถึงขนาด “ละจุดยืน” สำคัญเปิดประตูให้ผู้ได้ชื่อ “เผด็จการทหาร” มาเป็นแขกเมือง ก็ทำใจได้เลยว่า “งานนี้ไม่มีอะไรฟรี” .. ผลประโยชน์ล้วนๆ วัตถุประสงค์แฝงเพียบ ทั้งปมร้อนข้อพิพาทคาบสมุทรเกาหลี ที่ข่าวว่า “ซูเปอร์ตู่” เสนอตัวรับเป็น “ตัวกลาง” ในการ “หย่าศึก” ทั้งที่ “ธุระไม่ใช่” เปลืองตัวไปเปล่าๆปี้ๆ เสี่ยงสร้างศัตรูเพิ่มอีกต่างหาก .. หรือกระทั่งความพยายามหยุดยั้งอิทธิพล “พี่จีน” ที่ขณะนี้แทบยึด “อาเซียน” เป็น “เมืองท่า” ไปแล้ว ก็เสี่ยงไปทำให้ “พี่จีน” ไม่กลื้ม กลับมาต้องไปง้องอนอะไรกันอีก .. นอกเหนือจากประเด็นระดับโลกแล้ว ยังต้องจับ "การเจรจาความเมือง" ระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งเรื่องการขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ made in us แบบไม่ยี่หระปัญหาปากท้องประชาชน .. ที่น่ากลัวกว่า ก็เรื่องผลประโยชน์ของฝั่ง “พี่ใหญ่โลก” ในประเด็นการค้า-การลงทุน ที่อาจจะทำให้ “สยามเมืองยิ้ม” กลายเป็น “เบี้ยล่าง” แบบปฏิเสธไม่ได้ .. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนัดหมายที่เร่งด่วน คล้าย “หมายแทรก” ที่ไม่มีรายละเอียดใดๆออกมาให้คนไทยได้พินิจพิเคราะห์ก่อนเช่นนี้ .. เอาแค่ประเด็นนำเข้า “เนื้อหมูสหรัฐฯ” ที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาตีตลาดไทย หรือจู่ๆอะไรดลใจให้ไปตกลงซื้อ “ถ่านหินมะกัน” ตั้ง 5-6 หมื่นตัน ทั้งที่ปัจจุบันก็ซื้อจากเพื่อนบ้านเหลือเฟือ ไกลสุดก็นู่นชาติอาหรับ เทียบระยะทางกันแล้วคนละโยก ดีดลูกคิดแล้วเผลอๆสหรัฐฯยกให้ฟรียังไม่รู้คุ้มค่าขนส่งหรือเปล่าเลย .. เงื่อนไขพิสดารเหล่านี้ไง ที่ถูกมองว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนนำมาซึ่ง “วีซ่าใบเดียว” ของ “ลุงตู่” นี่แหละ.
“เจ้าคุณธงชัย”พระพรหมมังคลาจารย์ และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล
** ออกพรรษาก่อนกำหนด!! “กฎเหล็กสงฆ์” ทำดงขมิ้นร้อนเป็นไฟ “เจ้าคุณธงชัย” นำทีม “พระเกจิดัง” ทิ้งอานิสงค์ผลบุญเข้าพรรษา ยอมอาบัติ-ขาดพรรษา มุ่งหน้าธุดงค์หานิพพานในต่างแดนกันแล้ว

ร้อนกันทั้ง “ดงขมิ้น” .. กับการรีเทิร์นคืนตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ พร้อมเปลี่ยน ผู้กำกับดูแล พศ. จาก วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.สำนักนายกฯ มาเป็น รองนายกฯ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร แต่เพียงผู้เดียว .. เรียกว่าสะเทือนกันไปทั้ง “เขตสังฆาวาส” ก็รู้กันดีว่า “วาระ” ที่มีคำสั่งให้ดึง “ผอ.พงศ์พร” กลับมาก็เพื่อให้ลุยศึก “ทุจริตเงินทอนวัด” ต่อ .. หลังต้องรามือไป เพราะ “รัฐบาล คสช.” ตีธงถอย เด้ง “ผอ.พงศ์พร” ออกจากตำแหน่งกลางอากาศ .. เมื่อได้คัมแบ็คมาแบบนี้ ก็ชัดเจนว่า “สัญญาณเข้ม” กว่าหนก่อน งานนี้มีแตกหักพังกันไปข้างแน่นอน .. สอดรับกับ “กฎเหล็ก” ที่มี “7 ข้อห้าม 4 คำสั่ง 3 บทลงโทษ” ที่ออกจาก “เจ้าคณะปกครองสงฆ์” ทั้งหนเหนือ-ใต้-กลาง-ตะวันออก ถึงเจ้าคณะในปกครอง เพื่อแจ้งวัดทั่วประเทศให้ปฏิบัติตาม “ธรรมวินัย” อย่างเคร่งครัด งดการกระทำที่ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา มิเช่นนั้นจะได้รับโทษ .. “กฎเหล็ก” ที่ออกมีทั้งประเด็นหยิบย่อย อาทิ การห้ามใช้โซเชียลมีเดีย-สมาร์ทโฟนผิดกาละเทศะ ห้ามเดินทางไปในสถานที่อโคจร หรือพฤติกรรมไม่สอดคล้องเพศกำเนิด .. แต่ที่ทำเอาเดือดร้อนกันทั้ง “ดงขมิ้น” ก็เรื่องการห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาหรือจำหน่าย “วัตถุมงคล” ห้ามขึ้นป้ายงาน “พุทธาภิเษก-พิธีปลุกเสก” .. เป็นคำสั่งที่สะท้อนให้เห็นว่า “ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง” รู้ดีว่า “พุทธพาณิชย์” เป็นมารกัดกร่อนศาสนานั่นเอง .. ทำเอา “พระผู้ใหญ่-พระผู้น้อย” ที่เดินสาย “อิทธิฤทธิ์ - ปาฏิหารย์” ปลุกเสกของขลังเป็นว่าเล่นสะดุ้งกันเป็นแทบๆ .. เมื่อจับได้ว่ามีสัญญาณ “ล้างบาง” กู้วิกฤตสงฆ์ ทำเอาสะกดอารมณ์ไม่อยู่ เกิดอาการสมาธิสั้น จำวัด-จำพรรษากันไม่ลง .. อานิสงค์ผลบุญอะไรไม่รอแล้ว ที่เข้าพรรษามาร่วม 3 เดือน จะออกพรรษาอยู่รอมร่อ 5 ต.ค.นี้ก็ไม่สนใจ แห่ขอปวารณาออกพรรษาก่อนกำหนดกันอื้อ หมดโอกาสรับบาตรเทโว-กรานกฐิน ที่ปีนึงมีหนไปทันที .. ไม่ต้องใคร “เบอร์หนึ่งแห่งยุค” พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าของเหรียญ-ยันต์สุดเข้มขลังหลายต่อหลายรุ่น ถึงขนาดยอม “ขาดพรรษา” กะทันหัน จับเครื่องบินไปธุดงค์หานิพพานในต่างแดนเรียบร้อย .. จนอาจทำให้ “ของชำร่วย 4.0” ที่ปลุกเสกโดย “เจ้าคุณธงชัย” ทั้ง “เหรียญเชิดชูเกียรติ” ของกระทรวงการคลัง ที่นำมามอบให้ผู้สูงอายุที่ต้องการสละสิทธิรับเบี้ยคนชรา หรือ “ผ้ายันต์” ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพิ่งมอบเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงเมื่อปลายเดือนก่อน ราคาน่าจะถืบตัวขึ้นหลายเท่าตัวในตลาดมืด .. เหตุเพราะเป็น “เครื่องรางของขลัง” ยุคสุดท้ายที่ “เจ้าของแบรนด์” น่าจะไม่มีโอกาสได้ผลิตออกมาอีกแล้ว
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
** ท่องเที่ยวไทยยั่งยืน หรือยับเยิน!! 15 ปี ก.ท่องเที่ยว กับเป้า “3 ล้านล้าน บ.” ในปี 2561 เผชิญโจทย์หิน “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่ไล่ทุบ “ทัวร์จีน” สนุกมือ เปิดลายแทง 3 เอเย่นต์ใหญ่สายต้มตุ๋น

เผลอแพร่บเดียวครบรอบ 15 ขวบเข้าให้แล้วแล้ว สำหรับ “กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา” ที่เมื่อวาน 2 ต.ค.ถือวันคล้ายวันสถาปนาทศวรรษครึ่งของกระทรวงฯ .. “เจ๊น้อง” กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เลยไม่ต้องไปออกอีเว้นท์ที่ไหน ยืนยิ่มแฉ่งต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี .. โดยเฉพาะ “แขกสำคัญ” อย่าง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน (รรท.) รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ที่ยกทัพผู้ใต้บังคับบัญชาใน “บช.ท่องเที่ยว” ที่เพิ่งได้รับการอัพเกรดเอี่ยมอ่องมาเซย์ฮัลโหล พร้อม Congraturation ด้วย .. เห็นว่ายังมีการหารือสั้นๆระหว่าง “มาดามน้อง” กับ “บิ๊กโจ๊ก” ในส่วนของเนื้องานที่คาบเกี่ยวหนุนส่งกันอยู่ .. แน่นอนว่าโจทย์สำคัญของทางกระทรวงฯคงหนีไม่พ้นการสร้าง “เม็ดเงิน 3 ล้านล้านบาท” เข้าประเทศตามแคมเปญของปี 2561 ที่ประกาศเป็น "ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยังยืน" หรือ "Amazing Thailand Tourism Year 2018" .. ฝ่ายของ “บิ๊กโจ๊ก” เองก็เพิ่งได้รับโจทย์ใหญ่จาก “ผอ.การท่องเที่ยวจีนประจำประเทศไทย” ที่ระบุว่าช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมามี “นักท่องเที่ยวจีน” ร้องเรียนหลังกลับจากเที่ยวในไทยมากถึง 2,671 คดี ที่ร้องเรียนกันมากเรื่องการบริการที่ไม่ได้มาตรฐานหรือบังคับซื้อสินค้า-บริการ หลอกลวงขายสินค้าแพงเกินจริง .. หลักๆจากมณฑลเจียงซู-ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ คิดเป็น 18.97% ของนักท่องเที่ยวจีนที่ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ .. จำนวนนี้มีการชดใช้ค่าเสียหายราว 5 ล้านหยวนจีน หรือ 25 ล้านบาทไทย ดูจากจำนวนเงินอาจจะไม่มากไม่มาย แต่จากตัวเลขคดีที่เกิดขึ้นค่อนข้างน่าเป็นห่วง .. เพราะรู้กันดีว่า “นักท่องเที่ยวจีน” ถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 1 ของไทย เฉพาะ 8 เดือนในปี 60 เดินทางมาไทยแล้วกว่า 7 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็หนีไม่พ้นวังวนของ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่เหมือนว่าภาครัฐ “ลูบหน้าปะจมูก” ไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ของการแก้ปัญหาซักที .. แม้จะสามารถจับ “เอเย่นรายใหญ่” ขึงพืด จนทำให้วงการซบเซาไปพักหนึ่ง แต่เรื่องคดีควมกลับส่อไปในทาง “ล้มมวย” จนถูกฟ้องกลับนั่นแหละ .. ด้านหนึ่งทุบ “เอเย่นต์ใหญ่” จนน่วม แต่อีกด้านกลับ “ปล่อยผี” ยังมีเอเย่นต์ท่องเที่ยวในไทยที่ใช้โมเดล “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เอาเปรียบ นักท่องเที่ยวจากจีนสารพัด .. หลอกลวง ต้มตุ๋น เอา “ของเกรดต่ำ” มาตีเป็น “ของพรีเมียม” หรือ “ของเก๊” มาย้อมแมวเป็น “ของจริง” มีให้เห็นถมไป .. เรื่องพรรค์นี้มีหรือที่กระทรวงฯ หรือกระทั่งตำรวจท่องเที่ยวจะไม่ระแคะระคาย ขนาดนั่งอยู่เฉยๆข้อมูลยังลอยมาป้อนเอง .. แต่ถ้าไม่รู้จริงก็ขออนุญาตปล่อย “ลายแทง” ไปไล่เบี้ยกันเอง ตั้งแต่ “ท.ซ.” ที่มี “เสี่ย อ.” เป็นเจ้าของ หรือ “กลุ่ม K. - สายการบิน น.” ของ “เสี่ย ส.” ที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่ “อุ้มๆ - ไถๆ” เมื่อไม่นานมานี้ แล้วก็ “บริษัท T” ของ “เสี่ย ต.” .. ถ้ายัง “หลับตาข้างนึง” ปล่อยให้กลุ่มทัวร์เหล่านี้ “หากิน” ได้แบบสบายเฉิบต่อไป ท่องเที่ยวไทยคง “ยั่งยืน” ไม่ได้ แต่จะ “ยับเยิน” มากกว่า.

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น